เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 191 ตัวตลก
“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?!” นางแอบส่งเสียงของนางไปที่ซูอัน ความวิตกกังวลที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้นชัดเจนยิ่ง
ซูอันชำเลืองมองนาง แต่ไม่ตอบคำถามของนาง
ฉู่ชูเหยียนกัดริมฝีปากของนางและพูดต่อ “หยุดยุ่งแล้วกลับไปซะ!”
นางไม่เคยรู้สึกเขินอายขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต ตลอดชีวิตของนาง นางสามารถควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวนางได้เสมอมา แม้แต่ในสถาบัน นางก็ยังมีสถานะที่สูงส่งจนไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ นางรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เข็ม นางรู้สึกว่าทั้งชั้นเรียนจ้องมองมาที่นางอย่างแปลกประหลาด ปากของพวกเขาต่างพร้อมที่จะพ่นคำเย้ยหยันตระกูลฉู่ของนาง
ในขณะเดียวกัน ซูอัน เมื่อเดินไปถึงตำแหน่งหน้าชั้นเรียนเรียบร้อย เขาพลันหันไปเผชิญหน้ากับนักศึกษาที่อยู่ในห้องเรียนทุกคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และโดยเฉพาะเมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของฉู่ชูเหยียน เขาก็ยิ่งวางมาดเคร่งขรึมมากกว่าเดิมและเอ่ยขึ้นไปทางนางเสียงดังว่า “นักศึกษาที่อยู่ตรงนั้น โปรดจำเอาไว้ด้วยว่าขณะนี้เรากำลังอยู่ระหว่างคาบเรียน หยุดส่งข้อความลับถึงอาจารย์ของเจ้าในระหว่างที่กำลังจะสอนได้แล้ว”
“อู้วววว~”
บรรดานักศึกษาทั้งหลายต่างส่งเสียงร้องอย่างโกลาหล แน่นอนว่าพวกเขารู้ว่าซูอันกำลังพูดกับฉู่ชูเหยียน และเมื่อคิดว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน มันก็ยิ่งทำให้พวกเขาคิดไปไกลว่าทั้งสองแลกเปลี่ยนข้อความทางโทรจิตอะไรกัน
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่จะทนความน่าหมั่นไส้ของซูอันได้
“ไม่มีความรู้สึกละอายบ้างเลยเหรอไงถึงกล้าทำตัวน่าอายในที่สาธารณะแบบนี้??” อู๋ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยความรำคาญขณะที่นางกำชายกระโปรงแน่น
ในเวลาเดียวกัน เจิ้งตานก็ขมวดคิ้วพร้อมกับบ่มพึมพำกับตัวเอง “ดูเหมือนว่าทั้งสองคนสนิทกันมากกว่าที่ข้าคิด สงสัยต่อไปข้าคงต้องพยายามมากขึ้นกว่าเดิม…”
ทางด้านของฉู่ชูเหยียน ขณะนี้นางแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปให้ไกลๆ แก้มของหญิงสาวแดงราวกับถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิง นางไม่เคยอับอายแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต จิตใจของชายคนนี้มันต้องผิดปกติแน่นอนจริงไหม?
แต่เดี๋ยวนะ เขาเพิ่งพูดว่าเขาเป็น ‘อาจารย์’ งั้นเหรอ?
ซือคุนซึ่งสับสนไม่ต่างจากฉู่ชูเหยียนสักเท่าไหร่เขาหันไปส่งสายตาถามบรรดาคนที่คอยประจบประแจงเขาก่อนหน้านี้และส่งสัญญาณให้คนรอบๆ จัดการกับซูอัน แต่น่าเสียดายที่คนเหล่านั้นกลับหลบสายตาเขาแถมไม่ยอมพูดอะไรอีกต่างหาก
เมื่อไม่มีทางเลือก ซือคุนจึงลุกขึ้นและตวาดใส่ซูอัน “เจ้าลองมองไปรอบๆ ดูให้ดีก่อนว่าที่นี่มันที่ไหน! ตอนนี้เจ้าอยู่ในชั้นเรียนนภา! ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ๆ เจ้าควรมาเหยียบ จงกลับไปที่ชั้นเรียนสีเหลืองของเจ้าซะ!”
ไอ้คนพวกนี้มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ปล่อยให้ไอ้ขยะซูอันยืนค้ำหัวอยู่ที่หน้าชั้นแบบนี้โดยไม่ด่าสักคำได้ยังไง? ฮึ่ม! หลังจากนี้ข้าจะต้องหาลูกน้องใหม่ที่มันใจกล้ามากกว่านี้ซะแล้ว!
ซูอันมองไปที่ซือคุนด้วยสายตาหยอกล้อ “โอ้? เจ้าบอกว่านี่ไม่ใช่ที่ๆ ข้าควรอยู่งั้นเหรอ?”
“มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่รึไง? เจ้าถูกจัดให้เรียนอยู่ในชั้นเรียนสีเหลือง เจ้าเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่ต่ำต้อย แต่ห้องเรียนแห่งนี้คือห้องเรียนของอัจฉริยะเท่านั้น ถึงแม้ว่าเจ้าใฝ่ฝันอยากจะอยู่ห้องเรียนนี้ขนาดไหนแต่เจ้าก็ไม่ควรที่จะเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้”
ซือคุนตั้งใจแน่วแน่ที่จะเหยียบซูอันให้จมดินต่อหน้าทุกคน เขาอยากจะรู้ว่าหากเขาเหยียบซูอันจนจมดินไปแล้ว ฉู่ชูเหยียนยังจะยอมรับไอ้ขยะตัวนี้ได้อีกหรือไม่
“แล้วดูสิ่งที่เจ้าเพิ่งทำลงไป ทั้งไอ้ดนตรีนั่นและทรงผมของเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าพยายามจะยกระดับตัวเองให้ขึ้นมาเทียบเคียงพวกข้า แต่ข้าขอบอกให้เจ้ารู้เอาไว้เลยว่าในสายตาของอัจฉริยะอย่างพวกข้า การกระทำพวกนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้ากำลังเล่นตลกให้พวกข้าดู!”
เขาชี้ไปที่ผู้คนรอบตัวเขาในขณะที่พูด แต่คิ้วของเขาก็ต้องขมวดเข้าหากันอย่างรวดเร็วเพราะจู่ๆ บรรยากาศในห้องก็พลันเปลี่ยนไป ทุกคนต่างมองมาที่เขาอย่างแปลกประหลาด แม้แต่หยวนเหวินตงก็ยังแสดงสีหน้าลังเลไม่กล้าเอ่ยอะไรขึ้นสนับสนุน
เอ่อ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ซือคุนเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นมาในใจ เขารู้สึกว่านับจากนี้มันอาจจะมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับตน…
แค่เพียงชั่วอึดใจหลังจากซือคุนพูดจบ ฉู่ชูเหยียนพลันผุดลุกขึ้นยืนและมองซือคุนอย่างเย็นชา “นายน้อยซือ ซูอันเป็นสามีของข้า ดังนั้นไม่ว่าเขาจะมีความสามารถขนาดไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะมาวิพากษ์วิจารณ์เขา!”
นางอาจจะไม่ชอบซูอัน แต่นางก็ไม่สามารถนั่งมองดูคนอื่นดูถูกคนที่มีสถานะเป็นสามีของนางต่อหน้าต่อตานางได้โดยที่ไม่ทำอะไร
ใบหน้าของซือคุนร้อนผ่าวอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าฉู่ชูเหยียน ยืนหยัดเพื่อซูอันอย่างแข็งขัน เขาพยายามข่มอารมณ์โกรธของตัวเองสุดฤทธิ์ จากนั้นเขาแสร้งยิ้มอย่างสุดความสามารถและพูดว่า “คุณหนูใหญ่ฉู่ ข้าคิดว่าท่านกำลังเข้าใจคำพูดของข้าผิด ข้าไม่ได้ตั้งใจจะวิพากษ์วิจารณ์ตระกูลฉู่ของท่าน ข้าแค่คิดว่าคนที่โดดเด่นอย่างท่านควรแต่งงานกับผู้ชายที่มีความสามารถเท่าเทียมกันมากกว่า ซึ่งไอ้คนๆ นั้นที่ยืนอยู่หน้าห้องนั่นไม่คู่ควรกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”
“แต่งงานกับผู้ชายที่มีความสามารถเท่าเทียมกัน?” ฉู่ชูเหยียนระเบิดเสียงหัวเราะ “มาตรฐานทางโลกเช่นนั้นไม่มีความหมายสำหรับข้า ข้าคิดว่าซูอันนั้นสมบูรณ์แบบอย่างที่เขาเป็น!”
นางมีความโดดเด่นมากพออย่างที่นางเป็นอยู่แล้ว นางไม่ต้องการให้สามีของนางมีความสามารถเท่าเทียมกับนาง อันที่จริง สามีที่มีความสามารถมากเกินไปเป็นสิ่งสุดท้ายที่นางต้องการ
ในเวลาเดียวกัน ซูอันรู้สึกซาบซึ้งกับคำพูดของนาง
อ่า…ข้าไม่คิดว่าภรรยาที่เย็นชาของข้าจะอบอุ่นได้ขนาดนี้ เอ๊ะ? เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย? ไหงคะแนนความโกรธหลั่งไหลเข้ามาอย่างกะทันหันแบบนี้?
ซูอันเพิ่งสังเกตเห็นว่าข้อความระบบเด้งขึ้นรัวๆ ที่มุมซ้ายล่างของสายตา จากนั้นเมื่อเบนสายตาหันไปมองนักศึกษาที่อยู่ในห้อง เขาก็เห็นว่านักศึกษาชายทุกคนกำลังกัดฟันกรอดมองเขาด้วยความโกรธเคือง
“เขากอบกู้โลกในชาติที่แล้วรึไงกัน? ทำไมคนอย่างเขาถึงได้ครอบครองเทพธิดาของข้าแบบนี้!”
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าทำไมข้าถึงไม่ได้รับความสนใจจากเทพธิดาของข้า ดูเหมือนว่าข้าจะโดดเด่นเกินไปสินะ!”
“ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเทพธิดาชูเหยียนจะมีรสนิยมที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้? แทนที่จะเป็นผู้ชายที่โดดเด่น นางกลับชอบคนที่ต่ำต้อยกว่าซะอย่างนั้น”
…
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่ชูเหยียน และรวมกับเสียงบ่นพึมพำของนักศึกษาชายในห้อง เปลือกตาของซือคุนก็กระตุกอย่างรุนแรง ผู้หญิงคนนี้ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยแถมยังพูดจาไม่ไว้หน้าข้าต่อหน้าสาธารณชนอีกต่างหาก!!! แต่ทำไมข้าถึงไม่รู้สึกโกรธเลย? ทำไมข้ากลับรู้สึกสนใจนางยิ่งกว่าเดิมแบบนี้!
แต่ไม่ว่าจะยังไง อุปสรรคที่ข้ากำลังเผชิญมันเป็นความผิดของไอ้เวรซูอัน! เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะเพลิดเพลินไปกับความรักของฉู่ชูเหยียน?
เมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์สุกงอมเพียงพอแล้ว ซูอันจึงกระแอมในลำคอ เตรียมที่จะจัดการกับตัวน่ารำคาญเช่นซือคุน
“เจ้าบอกว่าข้าดูต่ำต้อยมากเมื่อเทียบกับพวกเจ้า ข้าขอทราบได้ไหมว่าเจ้ากำลังพูดถึงคนกลุ่มใด?”
ซือคุนรู้สึกยินดีกับคำถามของซูอัน การพูดแทรกก่อนหน้านี้ของฉู่ชูเหยียนทำให้เขาไม่มีที่ว่างให้โจมตีต่อ แต่ชายผู้นี้กลับยื่นโอกาสให้เขาอย่างโง่เขลา ดูเหมือนว่าไอ้คนๆ นี้มันจะเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง มันกลับทิ้งโอกาสรอดตัวไปแบบโง่ๆ อย่างน่าหัวเราะ!
“แน่นอนว่าข้าหมายถึงผู้ที่เกิดในตระกูลสูงศักดิ์ หรือผู้ที่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นเหนือผู้บ่มเพาะทั่วไป” ซือคุนเหลือบมองฝูงชนในห้องเรียนขณะพูด “เมื่อเทียบกับทุกคนในห้องนี้ เจ้าเป็นแค่ตัวตลก”
ด้วยสถานะและชื่อเสียงของตระกูลซือ เขารู้สึกว่าไม่มีทางที่คนในห้องเรียนจะกล้าหักล้างคำพูดของเขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ใช่เพราะคนไร้ค่าอย่างซูอันแน่นอน
“โอ้อย่างนั้นเหรอ?” ซูอันหันไปหาเซี่ยซิว และเอ่ยถามเสียงดังอย่างรวดเร็ว “นักศึกษาชายที่ดูเหมือนผู้หญิงตรงนั้นน่ะ ใช่ เจ้านั่นแหละ! หยุดมองไปรอบๆ ข้ากำลังคุยกับเจ้า! ข้าขอถามหน่อยเจ้าคิดว่าข้าเป็นตัวตลกรึเปล่า?”