เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 193 เด็กหนุ่มน่ารัก
“อะไรนะ? เขานี่มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว!”
“นี่มันไร้สาระ!”
“ข้าขอสาปแช่งผู้ที่กล้าแสดงความรักในที่สาธารณะให้ตายก่อนวัยอันควร!”
…
เกิดความโกลาหลขึ้นในห้องเรียน หากไม่ใช่เพราะซูอันเป็นอาจารย์ บรรดานักศึกษาคงจะถ่มน้ำลายรดหัวจนขาดใจตายไปแล้ว
อย่างไรก็ตามในทางกลับกัน ตรงกันข้ามกับความโกรธและความอิจฉาที่มาจากนักศึกษาชาย เหล่านักศึกษาหญิงกลับมีแววตาเป็นประกายด้วยความประทับใจ
“ว้าว น่าตื้นตันที่สุดเลย! ถ้าเพียงแต่ข้ามีคนรักที่ลำเอียงให้ข้าแบบนี้คงดีที่สุดเลย!”
“นี่เป็นสถานการณ์ที่ข้าเคยเห็นแต่ในนิยายรักที่ข้าเคยอ่าน!”
“ถ้ามีใครมาปกป้องข้าแบบนี้ ข้าคงหมดสติไปเพราะความสุขแน่นอน!”
…
ด้วยประสาทการรับฟังที่เฉียบคม ฉู่ชูเหยียนสามารถได้ยินเสียงกระซิบทั้งหลายอย่างชัดเจน ซึ่งมันทำให้แก้มอันขาวเนียนของนางแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นางไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่เลย
ข้าไม่ได้มาสถาบันเพียงไม่เท่าไหร่ ซูอันกลับกลายเป็นอาจารย์ของสถาบันได้อย่างไร?
ความคิดแรกของนางคือทุกคนในห้องเรียนสมรู้ร่วมคิดกันเพื่อหลอกนาง แต่แค่เพียงชั่วครู่เดียวนางก็ปฏิเสธแนวความคิดนั้นทันที เพราะคนอย่างซูอันไม่มีอำนาจพอที่จะทำให้อัจฉริยะของชั้นเรียนนภาทำตามคำสั่งของเขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ใช่คนอย่างซือคุนแน่ๆ
จากนั้น นางก็จำท่าทีที่แปลกประหลาดของน้องสาวของนางได้เมื่อวานนี้ที่ดูราวกับจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็กลั้นเอาไว้อย่างสุดฤทธิ์ ดูจากท่าทีแล้ว ดูเหมือนว่าน้องสาวของนางน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วแต่จงใจปิดบังไว้
แสบจริงๆ นะ! ริอาจสมรู้ร่วมคิดกับคนนอกเพื่อแกล้งพี่สาวของตัวเองงั้นเหรอ? แต่เอ๊… ซูอันนับได้ว่าเป็นคนนอกงั้นเหรอ?
ซูอันมองไปที่คะแนนความโกรธแค้นที่หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดจนมันทำให้เขารู้สึกเอ็นดูนักศึกษาของเขามากขึ้น
เฮ้อ…เอาไว้หลังจากนี้ข้าจะให้คะแนนพวกเจ้าในวิชาของข้าเยอะๆ หน่อยก็แล้วกัน…แต่…ยกเว้นสองสามคนที่ข้าต้องเล่นให้หนักสักหน่อย!
เมื่อเห็นว่าฉู่ชูเหยียนยังคงไม่ตอบสนอง ซูอันจึงยิ้มและถามขึ้น “ทำไม? เจ้ามีปัญหากับคำถามงั้นเหรอ?”
“ม..ไม่มี คำตอบคือ…สอง…” ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนกลายเป็นแดงเหมือนผลแอปเปิล
นางไม่เคยคาดหวังให้สิ่งต่างๆ ออกมาเป็นแบบนี้ แต่เมื่อคิดถึงคำถามก่อนหน้านี้ที่ยากเกินความสามารถของนางที่จะตอบได้จริงๆ และถึงแม้นางอาจจะคิดคำตอบได้ถ้านางมีเวลามากขึ้นที่จะครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน แต่การตอบทันทีนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แทนที่จะถูกส่งออกจากห้องเรียนเนื่องจากถูกลงโทษเพราะตอบผิด นางขอเลือกที่จะรับความช่วยเหลือจากซูอันมากกว่า
“ถูกต้อง! สมกับเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของชั้นเรียนนภา เอาล่ะ เจ้านั่งลงได้แล้ว” ซูอันเอ่ยชมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ตามปกติฉู่ชูเหยียนมักจะเชิดหน้าขึ้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะความภาคภูมิใจที่นางมีอยู่เต็มเปี่ยมไม่ว่าจะเป็นภูมิหลังหรือความสามารถของนาง แต่ในเวลานี้นางกลับนั่งก้มหน้าลงไม่อยากจะสบสายตาใครทั้งนั้น
มันช่างน่าอึดอัดใจเหลือเกิน!
ผู้ชายคนนี้ตั้งใจทำให้สถานการณ์เป็นแบบนี้แน่นอน! หากเป็นคนอื่น พวกเขาคงจะใช้วิธีการที่อ้อมกว่านี้เพื่อช่วยผู้หญิงของตัวเองเพื่อไม่ให้คนอื่นครหาเอาได้ แต่ชายผู้นี้กลับทำมันอย่างเปิดเผยแถมยังแสดงสีหน้าภาคภูมิใจราวกับว่าเขากลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้เรื่องนี้!
เมื่อเทียบกับความลำบากใจของฉู่ชูเหยียนที่ล้นเอ่อ ซือคุนกลับรู้สึกเหมือนเขากำลังจะเสียสติ “คำถามที่เจ้าตั้งให้นางไม่ยุติธรรม!”
—
ท่านยั่วยุ ซือคุน สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +711!
—
ซูอันชำเลืองมองซือคุนแล้วถามกลับอย่างรวดเร็ว “เจ้าเป็นอาจารย์หรือข้าเป็นอาจารย์?”
ซือคุนจ้องไปที่ซูอันด้วยสายตาเดือดดาลพร้อมกับตวาดลั่นห้อง “ถ้าเจ้าเป็นอาจารย์ เจ้าก็ไม่ควรแสดงความลำเอียงอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้!”
ซูอันยักไหล่อย่างไม่แยแส “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเป็นอาจารย์ เจ้าก็ควรรู้ว่ามันเป็นสิทธิ์ของข้าที่จะเลือกคำถามที่ข้าต้องการถาม คำถามที่ข้าคิดขึ้นมาในทันทีนั้นเป็นการสุ่ม หากเจ้าจะตำหนิเจ้าก็ควรตำหนิดวงของเจ้าเองที่มันแย่กว่าคนอื่นจนทำให้เจ้าได้รับคำถามยากๆ ไป”
นักศึกษาคนอื่นๆ พูดไม่ออก ชายคนนี้พูดโกหกอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่รู้สึกอายเลยหรือไง? เราทุกคนสามารถเห็นได้ว่าเจ้ากำลังเข้าข้างภรรยาของเจ้าที่นี่โว๊ย!!
ซือคุนยังคงต้องการประท้วงเรื่องนี้ แต่ซูอันก็พูดตัดบทเขา “ในฐานะที่ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า ถ้างั้นข้าจะขอสอนบทเรียนชีวิตให้เจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน! แนวคิดเรื่องความเป็นธรรมไม่มีจริงอยู่ในโลกนี้ ยกตัวอย่างเช่นเจ้านายน้อยซือ เจ้าเกิดมาพร้อมกับช้อนเงินช้อนทองในปาก เจ้าได้รับการประคบประหงมจากเหล่าอาจารย์ที่ดีที่สุดเสมอมาตั้งแต่อายุยังน้อย และเจ้าไม่เคยขาดทรัพยากรการบ่มเพาะเลย กลับกันสามัญชนคนธรรมดากลับต้องดิ้นรนอย่างหนักเพียงเพื่อหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เจ้ารู้รึเปล่าว่าพวกเขาต้องทำงานหนักแค่ไหนเพื่อให้ได้หินพลังชี่เพียงแค่ก้อนเดียว? ดังนั้นต่อให้พรสวรรค์ตั้งแต่กำเนิดของพวกเขาจะมีพอๆ กันกับเจ้า แต่พวกเขาก็ยังตามเจ้าไม่ทันอยู่ดี เอาล่ะทีนี้หากเจ้าอยากจะเถียงเรื่องความยุติธรรมแล้วล่ะก็ เจ้าก็ควรที่จะไปยืนหยัดทวงความยุติธรรมให้กับพวกสามัญชนด้วยแบบนั้นเจ้าเอาไหมล่ะ?”
“เจ้า…” ซือคุนไม่สามารถหักล้างคำพูดของซูอันได้
นักศึกษาในห้องเรียนพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาส่วนใหญ่คิดว่าซูอันเป็นเพียงอาจารย์สอนคณิตศาสตร์จากความไร้ยางอายและโชคของเขา ดังนั้นพวกเขาจึงคิดดูถูกในใจ แต่แล้วเมื่อได้ฟังถ้อยคำที่ลึกซึ้งเช่นนี้ พวกเขาก็เริ่มมองซูอันในมุมใหม่
เป็นเรื่องจริงที่ความเป็นธรรมที่แท้จริงไม่เคยมีอยู่ในโลกนี้ ไม่ว่าใครจะเอ่ยว่าความเป็นธรรมเป็นของที่สำคัญขนาดไหน แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่คำของชนชั้นปกครองที่เอ่ยขึ้นเพื่อปลอบโยนผู้ด้อยโอกาสกว่าก็เท่านั้น
ถึงแม้ว่านักศึกษาส่วนใหญ่ในชั้นเรียนนภาจะมาจากภูมิหลังที่โดดเด่น แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นสามัญชนธรรมดารวมอยู่ในหมู่พวกเขาด้วย คนเหล่านี้เข้าใจได้อย่างลึกซึ้งทันทีในคำพูดของซูอัน ว่าเป็นโชคดีที่พวกเขาเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะที่เหนือใคร แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังต้องทำงานหนักกว่าใครๆ เพื่อตามให้ทันผู้ที่เกิดมาบนกองเงินกองทองมีทรัพยากรให้ใช้ได้อย่างไม่จำกัด …ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้พวกเขารู้ว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรมขนาดไหน
ทางด้านของฉู่ชูเหยียนก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองดูร่างสูงตระหง่านที่ยืนอยู่บนแท่นสอนหนังสือ นางพบว่าตัวเองมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง คนนี้ใช่คนๆ เดียวกันกับที่ข้ารู้จักรึเปล่า? นี่ข้ายุ่งอยู่แต่กับเรื่องของตระกูลมากจนข้าละเลยเขาขนาดไม่รู้เลยว่าแท้จริงเขาเป็นคนแบบนี้งั้นเหรอ?
อย่างไรก็ตาม ซือคุนที่โกรธจัดย่อมไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้สิ่งต่างๆ สงบลง “เจ้าแค่พยายามพูดจาเบี่ยงประเด็นก็เท่านั้น! ข้ามั่นใจว่าต่อให้เราไปถามอาจารย์คนใดก็ได้ที่นี่ ข้าแน่ใจว่าพวกเขาจะเห็นด้วยว่าคำถามที่เจ้าถามนางนั้นลำเอียง!”
ซูอันยักไหล่ “ใช่ ข้าตั้งใจจะเข้าข้างฉู่ชูเหยียน แล้วไง? เจ้าจะทำอะไรได้? ถ้าข้าไม่เข้าข้างเมียตัวเองแล้วข้าจะเข้าข้างใคร? เจ้า? เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย หรือต่อให้ข้าอยากจะรับเลี้ยงเด็กหนุ่มน่ารักๆ สักคน เซี่ยซิวก็คงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเจ้าแน่นอน!”
เมื่อได้ยินซูอันเรียกนางอย่างเต็มปากว่าเป็นภรรยาของเขา นี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉู่ชูเหยียน ที่นางรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่รักและถูกดูแลเอาใจใส่ ต้องรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางนั้นเปรียบเสมือนเป็นป้อมปราการของตระกูลฉู่ที่คอยปกป้องมันจากมรสุมปัญหาต่างๆ มาโดยตลอด! …และการที่นางเป็นผู้ที่ถูกปกป้องแบบนี้มันทำให้หัวใจของนางพองโต
ว่าแต่ผู้ชายคนนี้หมายความว่ายังไงกับคำพูดที่บอกว่ารับเลี้ยงเด็กหนุ่มน่ารักๆ?
ในเวลาเดียวกัน เซี่ยซิวที่เพลิดเพลินเป็นอย่างมากกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างซูอันและซือคุน ในฐานะที่เขาเป็นคนจากฝ่ายราชันฉี เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็น ซือคุน จากฝ่ายจักรพรรดินีรู้สึกอับอายในที่สาธารณะ นอกจากนี้ ทั้งสองตระกูลกำลังแย่งชิงตระกูลฉู่ให้เข้าพวก ดังนั้นเขาจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นความขัดแย้งระหว่างทั้งสองทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
แต่ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ ซูอันจะเอ่ยชื่อเขาขึ้นมาอีกแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นกลับใช้คำพูดว่าเด็กหนุ่มน่ารักอีกต่างหาก?