เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 196 ความกังวล
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนแดงขึ้น “ใครเป็นภรรยาเจ้า!”
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่คำพูดนี้ออกจากปากของนาง นางก็จำความสัมพันธ์ปัจจุบันระหว่างพวกเขาทั้งสองได้ ซึ่งมันทำให้นางถอนหายใจยาว ดูเหมือนว่าข้ายังไม่ชินกับสถานะใหม่ของข้าพอสินะ?
“ไม่รู้แหละ นับจากนี้เจ้าก็ระวังตัวเองให้ดีๆ จงพยายามอยู่ใกล้ข้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ข้าเกรงว่าเร็วๆ นี้ซือคุนจะส่งคนมาจัดการกับเจ้าแน่นอน” ฉู่ชูเหยียนเอ่ยเตือนขึ้น
“ที่รัก แม้ว่าเจ้าจะปฏิเสธข้าอยู่เรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าลึกๆ แล้วเจ้าห่วงใยความปลอดภัยของข้ามากอยู่เหมือนกันนะเนี่ย!” ซูอันยิ้มไปด้วยพูดไปด้วย
“ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกแบบนั้น!” ฉู่ชูเหยียนจ้องเขม็งไปที่เขา “ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าต้องมาเจ็บตัวเพราะข้า!”
ซูอันเหลือบมองภาพเงาอันไกลโพ้นของซือคุนและยิ้ม “วางใจเถอะ อย่างน้อยก็วันนี้และพรุ่งนี้ที่เขาคงไม่ส่งใครมาจัดการกับข้าแน่นอน เพราะงานประลองระหว่างตระกูลกำลังจะมาถึงในวันพรุ่งนี้ และนั่นคือโอกาสที่เขาสามารถฆ่าข้าได้อย่างเปิดเผยบนลานประลอง ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะเร่งร้อนทำอะไรโง่ๆ เกินจำเป็น”
ถ้าเขาคือซือคุน เขาจะใช้โอกาสในงานประลองระหว่างตระกูลจัดการกับตัวเขาเอง
ฉู่ชูเหยียนตกอยู่ในห้วงความคิดเมื่อได้ยินคำพูดของซูอัน คำพูดนี้สมเหตุสมผลมาก นางเงยหน้าขึ้นและพบกับสีหน้ามั่นใจอย่างล้นเหลือของซูอัน ซึ่งในขณะนี้เองนางก็รู้สึกว่าเขาแตกต่างจากที่นางคิดว่าเขาเป็นมาก
หลังจากคุยกันอีกไม่กี่คำ พวกเขาก็แยกย้ายกันไปเรียนต่อและเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ซูอันก็อยากที่จะมุ่งหน้าไปยังบ้านพักของซางหลิวอวี้เพื่อส่งเปลือกหอยคืนให้นาง แต่เมื่อเขามองไปที่ฉู่ชูเหยียนและฉู่ฮวนเจา ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา เขาก็เปลี่ยนใจ
เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลยที่จะพาสองคนนี้ไปหาผู้หญิงคนอื่นอย่างโจ่งแจ้ง
จากนั้นพวกเขาก็ออกจากสถาบันและขึ้นรถม้าที่มีองครักษ์ของตระกูลฉู่ยืนคุ้มกันล้อมรอบเพื่อกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่
เฉิงโซวผิงซึ่งมารับซูอันกลับตามปกติได้แต่มองตามตาละห้อยเมื่อพบว่าตัวเองถูกทอดทิ้งอยู่คนเดียว
ตามปกติ อย่างน้อยข้าก็สามารถเดินติดตามนายน้อยและคุณหนูเล็กได้ แต่ตอนนี้ ข้าทำได้แค่เดินตามหลังรถม้าพวกเขาเท่านั้น อ่าา ทำไมคุณหนูใหญ่เข้าถึงได้ยากไม่เหมือนคุณหนูเล็กแบบนี้ ถ้าตอนแรกนายน้อยได้แต่งงานกับคุณหนูเล็กแล้วละก็…
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดไปคิดมา เฉิงโซวผิงก็เริ่มคิดไปไกลเกิน
แต่ถ้าหากนายน้อยและคุณหนูใหญ่ลงเอยกันได้จริงๆ เมื่อถึงวันนั้นเขาจะได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นบุตรเขยของตระกูลฉู่ ถึงตอนนั้น จุดยืนของข้าก็จะสูงส่งมากขึ้นนี่นา! อืม และยิ่งถ้านายน้อยได้แต่งงานกับคุณหนูเล็กด้วย ตำแหน่งของข้าจะสูงขึ้นไปอีกใช่ไหม?
เฉิงโซวผิงฝันหวานพร้อมกับรีบวิ่งตามรถม้าไปด้วยใจระทึก
ในช่วงเวลาอาหารเย็น ฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรูเรียกพวกเขาอีกครั้งโดยหวังว่าจะได้พูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับงานประลองระหว่างตระกูลที่กำลังจะเกิดขึ้น
ซูอันอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งต่างๆ เริ่มเปลี่ยนไปอย่างมากจากวันแรกที่เขามาอยู่ในโลกนี้ ย้อนกลับไปในตอนนั้น เขาถูกบังคับให้กินอาหารตามลำพังในห้องของเขา แต่ตอนนี้ เขามักจะถูกเรียกให้เข้าร่วมกินอาหารที่โต๊ะหลัก ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่ชูเหยียนก็ดูเหมือนจะยิ้มให้เขาหลายครั้งในวันนี้!
ปุ้ย ปุ้ย ปุ้ย แค่ยิ้มน้อยๆ แค่นี้ข้าก็ดีใจแล้วงั้นเหรอไง? ข้าจะเป็นคนไร้ค่าจริงๆ ถ้าข้าพอใจกับเรื่องแค่นี้!
ท้ายที่สุดซูอันก็สรุปว่าทั้งหมดเป็นเพราะฉู่ชูเหยียนสวยเกินไป เนื่องจากมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชื่นชอบความงดงามอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะยอมจำนนต่อคนที่สวยงามอย่างฉู่ชูเหยียนอย่างง่ายดาย
พูดแบบนี้ข้าก็หล่อเหมือนกันนะ ทำไมภรรยาของข้าไม่น้ำลายไหลต่อหน้าข้าบ้าง? นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!
ในขณะที่ซูอันยังคงอยู่ในความงุนงงของเขาเอง ฉู่ฮวนเจาก็เริ่มเผยเรื่องที่ซูอันกลายเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ในสถาบันได้อย่างไรให้กับพ่อแม่และพี่สาวของเธอฟัง โดยที่รายละเอียดบางอย่างนางก็พูดเกินจริงไปบ้างเพื่อเสริมอรรถรส
“เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ ที่ได้ยินว่าซูอันกลายเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ของสถาบันจันทร์กระจ่าง!” ฉู่จงเทียนยิ้มจากก้นบึ้งของหัวใจ เขาคิดว่ามันน่าเสียดายที่ลูกเขยของเขาเป็นคนไร้ค่า แต่กลับกลายเป็นว่าลูกเขยคนนี้กลับมีดีในบางเรื่อง นี่เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองอย่างแท้จริง!
ฉินหว่านหรูรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินข่าวนี้ นางจ้องไปที่ซูอันเป็นเวลานาน แต่นางก็ยังไม่อาจทำใจเอ่ยชมลูกเขยตัวแสบคนนี้ได้ลงและยิ่งโดยเฉพาะเมื่อนางเห็นว่าซูอันกำลังยิ้มอย่างขบขันเมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของนาง นางจึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที “อย่าได้ใจในเรื่องที่เจ้าเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ไปนัก! ประการแรก เจ้าเป็นเพียงอาจารย์ชั่วคราว ซึ่งจะถูกแทนที่ทันทีเมื่อราชสำนักแต่งตั้งอาจารย์คนใหม่เสร็จ นอกจากนี้ จากสิ่งที่ข้าได้ยินจากฮวนเจา วันนี้เจ้าขัดแย้งกับนายน้อยซืออย่างรุนแรงในชั้นเรียนอีกต่างหาก แค่เจ้ามีอำนาจสักหน่อยเจ้าก็หลงตัวเองจนไปยั่วยุฝั่งตรงข้ามอย่างออกนอกหน้าแบบนี้ เจ้าช่างน่าผิดหวังจริงๆ!”
ซูอันทำได้เพียงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เฮ้อ ข้านี่มันช่างโชคร้ายจริงๆ ที่ต้องคอยทนทุกข์กับแม่ยายที่คอยจับผิดข้าได้ทุกเรื่องแบบนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉู่ฮวนเจาก็รู้สึกว่านางจำเป็นต้องยืนหยัดเพื่อซูอัน “ท่านแม่ มันเป็นซือคุนต่างหากที่เป็นคนเริ่มก่อนในวันนี้ ทำไมท่านต้องตำหนิพี่เขยของข้าด้วย เขาไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย! และที่สำคัญตอนนี้เราควรมากังวลกันในเรื่องที่หลังจากนี้จะมีใครพยายามทำร้ายพี่เขยกันมากกว่า โดยเฉพาะในงานประลองวันพรุ่งนี้!”
“พยายามทำร้ายเขา?” ฉินหว่านหรูตกตะลึง นางตอบกลับตามสัญชาตญาณว่า “เขามีอะไรดีถึงขนาดมีคนพยายามทำร้ายเขา? แทนที่จะคิดถึงเรื่องไร้สาระเช่นนี้ ทำไมเจ้าไม่เอาเวลาไปคิดเรื่องการประลองในวันพรุ่งนี้กับตระกูลหยวนแทน?”
ฉู่ชูเหยียนรู้สึกไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่กับคำพูดของมารดา แต่นางยังลังเลว่าควรจะเอ่ยขัดดีไหม
ในทางกลับกัน ฉู่ฮวนเจานั้นไม่อดทน “ท่านแม่ ท่านทราบหรือไม่ว่าหยวนเหวินตงได้ประกาศต่อสาธารณชนแล้วว่าเขาจะทำให้พี่เขยของข้าพิการตลอดชีวิตในงานประลองระหว่างตระกูล? และแค่นั้นยังไม่พอ วันนี้ซือคุนก็ยังขู่ฆ่าพี่เขยของข้า ซึ่งคนใจแคบอย่างซือคุนนั้นจะต้องใช้โอกาสในงานประลองพยายามล้างแค้นอย่างแน่นอน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหว่านหรูก็ตอบกลับด้วยสีหน้าใจเย็น “การที่หยวนเหวินตงแสดงความตั้งใจแบบนั้นมันก็เท่ากับเข้าทางแผนของเราที่วางเอาไว้ไม่ใช่เหรอไง? และเราจะต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของซูอันไปทำไมเพราะท้ายที่สุดเขาเองก็ไม่ได้ขึ้นไปบนลานประลองอยู่ดี นอกจากนี้ พ่อกับแม่ก็จะอยู่ที่นั่นด้วย เจ้าคิดว่าเราจะนั่งดูอยู่เฉยๆ ให้คนตระกูลหยวนทำร้ายซูอันงั้นเหรอ?”
“ข้าแค่กลัวว่าตระกูลหยวนมีแผนร้ายที่เราคิดไม่ถึงซ่อนอยู่ บอกตามตรงข้ารู้สึกใจคอไม่ค่อยดีทุกครั้งที่นึกถึงงานประลองในวันพรุ่งนี้” ฉู่ชูเหยียนเอ่ยขึ้น
“อืม งั้นทางที่ดีเราควรระมัดระวังเอาไว้ก่อน เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เราจะให้หงซิงอิงลงประลองเป็นคู่แรก เขาเป็นหนึ่งในบรรดาคนรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งไม่ใช่คนของตระกูลเราโดยตรง ดังนั้นเขาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเราในการทดสอบความแข็งแกร่งของตระกูลหยวนในคู่แรก” ฉู่จงเทียนเอ่ยขึ้น “เมื่อ 2-3 วันที่แล้วข้าเรียกเขาให้กลับมาเพื่อเก็บตัวฝึกในคฤหาสน์เรียบร้อย ดังนั้นเขาจึงพร้อมที่จะลงประลองได้ในทันทีหากเราสั่ง”