เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 197 1 ต่อ 100
ซูอันก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเขาไม่เห็นหงซิงอิงในชั้นเรียนวันนี้ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่พลาดโอกาสสั่งสอนไอ้เด็กนั่น …ที่แท้อีกฝ่ายก็ถูกเรียกตัวกลับมาฝึกพิเศษนี่เอง
ฉินหว่านหรูหันไปหาซูอันและกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากับหงซิงอิงไม่ลงรอยกัน แต่เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ข้าขอให้เจ้าอย่าเพิ่งกวนประสาทเขาสักวันหนึ่งก่อน! เราไม่ต้องการให้เขาแสดงผลงานต่ำกว่าที่ควรจะเป็นเพราะเจ้าไปยียวนอารมณ์ของเขา”
ฉู่ฮวนเจาไม่สามารถทนต่อความลำเอียงของแม่นางได้ “ท่านแม่ พี่เขยของข้าก็จะสู้พรุ่งนี้เหมือนกัน! ท่านควรจะสนใจอารมณ์ของเขาบ้างสิ!”
ฉินหว่านหรูกลอกตา “ที่เขาต้องเข้าร่วมก็เพื่อแค่ล่อให้หยวนเหวินตงไม่แข่งเป็นคู่แรกๆ ก็เท่านั้น เขาไม่จำเป็นต้องลงสนามด้วยซ้ำ!”
ฉู่จงเทียนหัวเราะออกมาและพูดว่า “ซูอัน เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ต่อให้ถึงตาเจ้าจริงๆ เจ้าก็แค่ยอมรับความพ่ายแพ้ไปก็แค่นั้น”
แม้แต่ชายที่เป็นคนมีเกียรติอย่างฉู่จงเทียนก็เห็นด้วยกับแผนการนี้ของภรรยา
ซูอันคุ้นเคยกับการถูกมองข้ามอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวล ถ้าพรุ่งนี้ข้าต้องขึ้นไปบนเวทีจริงๆ มันก็หมายความว่าตระกูลฉู่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่จนตรอก ดังนั้นหากมันเกิดขึ้นจริง ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อพลิกสถานการณ์”
ท้ายที่สุดแล้ว พระเอกของเรื่องมักจะปรากฏตัวในตอนท้ายจริงไหม?
“ฮึ่ม! ถ้าเจ้าพูดอะไรที่มันเป็นมงคลไม่เป็นก็ไม่ต้องพูด!” ฉินหว่านหรูจ้องไปที่ซูอัน นางไม่พอใจกับคำพูดที่ไม่เป็นมงคลของเขา
จากนั้นด้วยความหงุดหงิดนางจึงหันไปเอ็ดฉู่ฮวนเจาต่อ “ฮวนเจา เจ้าเองก็เหมือนกัน แทนที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องคนอื่น เจ้าควรกังวลเรื่องเกี่ยวกับตัวเองแทนมากกว่า! วันๆ เจ้าเอาแต่ทำตัวเกียจคร้านไม่ตั้งใจบ่มเพาะจนตอนนี้เจ้าอยู่แค่ระดับ 3 เท่านั้นเอง เจ้าจะถูกจัดให้เป็นคนรองสุดท้ายที่จะขึ้นประลองในวันพรุ่งนี้ก่อน ซูอัน หากไม่มีอะไรผิดพลาด เจ้าคงจะไม่ต้องเข้าร่วมการต่อสู้และได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย”
ฉู่ฮวนเจาทำหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม ความคิดที่ว่านางถูกจัดลำดับคู่ประลองให้อยู่ก่อนพี่เขยทำให้อารมณ์ของนางดีขึ้นเล็กน้อย
ฉู่จงเทียนหันไปหาฉู่ชูเหยียนและเอ่ยว่า “พรุ่งนี้เจ้า หงซิงอิง เยว่ซาน ฉู่ฮงไฉ และฉู่อวี้เฉิงจะเป็นห้าคนแรก การประลองห้ารอบแรกนี้ควรเป็นชัยชนะของเราทั้งหมด และจากนั้นตราบใดที่เราชนะการประลองอีกหนึ่งคู่ ปัญหาทุกอย่างก็จะจบ”
ซูอันแอบกระตุกแขนเสื้อฉู่ฮวนเจา และถามเบาๆ “ใครคือ ฉู่ฮงไฉ และฉู่อวี้เฉิง?”
ฉู่ฮวนเจาแอบชำเลืองมองแม่และพี่สาวของนาง ก่อนที่จะกระซิบกลับว่า “ฉู่ฮงไฉ เป็นลูกชายของอาคนที่สองของข้า เขามีตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชากองทหารคุ้มกันตระกูลของเราและยังมีหน้าที่ปกป้องบ่อน้ำแห่งจิตวิญญาณของเราซึ่งถูกวางยาจนใช้การไม่ได้ไปเมื่อหลายวันก่อน และตั้งแต่นั้นมาเขาก็เอาแต่เก็บตัวไม่ออกมาพบเจอหน้าใครสักเท่าไหร่ เพราะความละอายใจที่ล้มเหลวในหน้าที่ของตัวเอง
ส่วนฉู่อวี้เฉิง เขาเป็นลูกชายของอาคนที่สามของข้า ตอนเด็กเขาอ้วนและน่ารักมาก แต่พอโตขึ้นเขาก็ยิ่งอ้วนขึ้นกว่าเดิม นอกจากนั้นเขาก็ไม่มีอะไรที่เป็นพิเศษมากไปกว่าคนอื่นๆ”
ซูอันเหลือบไปที่ฉู่จงเทียน น้องชายคนที่สองและคนที่สามล้วนแต่มีบุตรชายทั้งนั้น แต่ท่านมีบุตรเป็นธิดาทั้งหมด ท่านนี่ช่างโชคร้ายจริงๆ
ซูอันไม่ได้มีอคติต่อผู้หญิง อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่ามันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับตระกูลที่มีชื่อเสียงในการให้กำเนิดบุตรชาย เพื่อสืบสายเลือดและสืบทอดมรดก ถ้าฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรูมีลูกชาย พวกเขาก็คงจะไม่จำเป็นต้องเสียสละฉู่ชูเหยียนโดยการเร่งให้นางแต่งงานกับคนอื่นตั้งแต่แรก
อืม อันที่จริงเรื่องนี้ข้าควรจะขอบคุณพ่อตาของข้าอยู่เหมือนกัน ที่ดันโชคร้ายแต่มาเข้าทางข้าแบบนี้!
ในที่สุดฉินหว่านหรูก็ได้ยินเสียงกระซิบที่แผ่วเบา นางขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจทันทีที่เห็นว่าลูกสาวคนรองของนางใกล้ชิดกับซูอันอีกแล้ว “ฮวนเจา ถ้าเจ้าอิ่มแล้ว เจ้าก็ควรกลับไปที่ห้องของเจ้าทันที เจ้าต้องนอนหลับให้เพียงพอเผื่อเอาไว้ว่าพรุ่งนี้หากเจ้าต้องขึ้นประลอง เจ้าจะได้สู้ได้อย่างเต็มกำลัง!”
สมองลูกสาวคนรองของข้าผิดปกติรึไงกัน? การที่ลูกสาวคนโตของข้าตัดสินใจแต่งงานกับซูอันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะนางต้องการจะหาคนธรรมดาตั้งแต่แรก แต่เกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวคนรองของข้า? ทำไมนางถึงดูอยากจะใกล้ชิดกับซูอันมากขึ้นเรื่อยๆ?
ฉู่ฮวนเจาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ท่านแม่! ท่านไม่ได้บอกว่าพรุ่งนี้ข้าคงไม่ได้ขึ้นไปประลองไม่ใช่เหรอไง?” นางบ่น
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การจ้องมองอย่างไม่ลดละของดวงตาที่โกรธจัดของมารดา นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลุกขึ้นเดินกลับห้องของนางไปอย่างไม่เต็มใจ
ฉินหว่านหรูหันไปมองซูอัน “เจ้าก็ควรกลับไปด้วย เดี๋ยวพวกข้าจะยังต้องหารือรายละเอียดเกี่ยวกับการประลองในวันพรุ่งนี้ต่ออีกหน่อย”
คำพูดและน้ำเสียงของนางสื่อให้เห็นชัดเจนว่าซูอันไม่มีคุณสมบัติพอที่จะอยู่ร่วมฟัง ท้ายที่สุด หน้าที่เดียวของซูอันคือล่อให้หยวนเหวินตงไม่ประลองในคู่แรกๆ ก็แค่นั้น
ซูอันยักไหล่อย่างสบายๆ ให้นาง เขาก็เองก็ไม่ได้สนใจอยากจะฟังอะไรต่ออีกแล้วเช่นกัน ดังนั้นการได้กลับไปที่ห้องก่อนนับได้ว่าเป็นเรื่องที่เขาต้องการอยู่แล้ว
แต่แล้วในขณะที่เขาปิดประตู เขาก็ได้ยินบทสนทนาจากด้านในที่ลอดผ่านช่องประตูออกมาเบาๆ
“คนที่น่าเกรงขามที่สุดในตระกูลหยวนน่าจะเป็นหยวนเหวินตง ส่วนคนอื่นๆ ไม่ได้เป็นภัยคุกคามเลย สำหรับตระกูลอู๋ รุ่นเยาว์ส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่สามารถแข่งขันกับเราได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่ภัยคุกคามเช่นกัน…”
ต่อมาเมื่อซูอันเดินออกจากห้องโถง เฉิงโซวผิงก็รีบวิ่งมาที่ด้านข้างของเขาด้วยรอยยิ้มประจบประแจง “นายน้อย เป็นยังไงบ้างอาหารวันนี้ ท่านเพลิดเพลินมากเลยใช่ไหม?”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้รอยยิ้มประจบแจงของเฉิงโซวผิง แต่แล้วความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว เขาคว้าไหล่ของเฉิงโซวผิงและรีบพากลับไปที่ห้องของตนเองอย่างรวดเร็ว “ในเมืองมีการรับเดิมพันผลของงานประลองระหว่างตระกูลในวันพรุ่งนี้รึเปล่า?”
เฉิงโซวผิงพยักหน้าเป็นคำตอบ “มีสินายน้อย! และดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะเอนเอียงการเดิมพันมายังฝั่งของตระกูลเรา พวกเขาค่อนข้างมั่นใจเกี่ยวกับความสามารถของคุณหนูใหญ่…”
ซูอันขัดจังหวะ “เจ้าไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่บอกข้ามาว่าอัตราต่อรองของข้าในปัจจุบันเป็นอย่างไร?”
เฉิงโซวผิงยกนิ้วเดียวด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
“หนึ่งต่อสิบ?” ซูอันขมวดคิ้ว “นั่นมันจะน้อยไปหน่อยไหม ข้าว่าตัวข้าไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ!”
แต่แล้วในขณะที่เขากำลังจะหยิบธนบัตรจากเสื้อคลุม เฉิงโซวผิงกลับขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน “นายน้อย มันไม่ใช่สิบต่อหนึ่ง แต่เป็นร้อยต่อหนึ่ง!”
เฉิงโซวผิงคาดว่านายน้อยผู้จองหองจะโกรธ แต่น่าประหลาดใจที่เขากลับเห็นว่าซูอันดันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ร้อยต่อหนึ่ง? ฮ่า ๆๆๆ! ดูเหมือนว่าสวรรค์จะอยู่ข้างข้า! รอบนี้ข้ารวยแน่นอน!”
เฉิงโซวผิงกะพริบตาด้วยความงุนงง เกิดอะไรขึ้น? เมื่อคืนนายน้อยตกเตียงหัวกระแทกพื้นจนกลายเป็นบ้าไปแล้วงั้นเหรอ?
แต่แล้วซูอันก็นึกขึ้นได้ว่าแผนการของเขานี้อาจมีอุปสรรคอยู่ “ว่าแต่ใครเป็นคนรับแทง? บ่อนโกยเงินคงไม่ได้เป็นเจ้ามือเพียงคนเดียวในเมืองใช่ไหม?”
ขณะนี้เงินเจ็ดล้านครึ่ง บ่อนโกยเงินยังไม่สามารถจ่ายให้เขาได้ ดังนั้นหากเขาแทงไปอีกที บ่อนโกยเงินก็คงไม่มีปัญญาจ่ายให้เขาอีกแน่นอนจริงไหม?
เฉิงโซวผิงส่ายหัวและตอบว่า “เนื่องจากความสูญเสียอย่างหนักให้กับท่านรอบที่แล้ว รอบนี้จึงไม่ใช่บ่อนโกยเงินที่เป็นคนรับแทง แต่เป็นบ่อนอื่นที่กำลังใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อผลักดันธุรกิจการพนันของพวกเขาเอง”
ดวงตาของซูอันเป็นประกาย “นี่ฟังดูสมบูรณ์แบบ! เอาล่ะเจ้าเอาเงินสองหมื่นตำลึงนี้ไปเดิมพันชัยชนะของข้า!”
แต่ครู่ต่อมาเขาเปลี่ยนใจและเอาคืนครึ่งหนึ่ง “ไม่ดีกว่า เจ้าเอาไปแค่หมื่นตำลึงก็พอ”