เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 198 ปกปิดเคล็ดวิชา
หลังจากที่เขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ่อนโกยเงิน ซูอันก็ตระหนักได้ว่าโลกนี้แย่มากในด้านคณิตศาสตร์ อัตราต่อรองที่บ่อนต่างๆ เสนอให้ลูกค้านั้นไม่ได้คำนึงถึงโอกาสความน่าจะเป็นของลูกค้าบางคนที่อาจมีดวงที่เหนือมนุษย์ที่สามารถทำให้บ่อนล้มละลายได้
ซูอันกังวลว่าสิ่งเดียวกันจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ แทนที่จะเสี่ยงกับเจ้ามือรับแทงไม่มีปัญญาจ่ายเงินในครั้งเดียว เขาจึงเลือกที่จะลดเงินรางวัลของตนลงเพื่อให้ฝั่งเจ้ามือยังพอรับได้กับราคาที่ต้องจ่าย ด้วยวิธีนี้ อย่างน้อยเขาก็จะได้เงินสดมาไม่ใช่แค่ตั๋วหนี้อีกใบ
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของซูอันทำให้เฉิงโซวผิงตื่นตระหนก “นายน้อย ท่านไม่ควรสิ้นเปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์แบบนี้! แม้ว่าท่านจะมีดวงที่เหนือคนทั่วไป แต่รอบนี้ดวงมันช่วยอะไรท่านไม่ได้หรอกนายน้อย!”
“ทำตามที่ข้าพูดก็พอ เจ้าไม่ต้องออกความเห็น!” ซูอันตวาดลั่น
เฉิงโซวผิงบ่นในใจ ‘ถ้าท่านมั่นใจขนาดนั้น ทำไมท่านถึงไม่ลงเงิน 2 หมื่นให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ จะลงทำไมแค่หมื่นเดียว? ใครที่ไหนกันจะกลัวว่าตัวเองได้เงินจากบ่อนมากเกินไป? ท้ายที่สุดท่านเองก็กลัวว่าจะเสียเงินหมดไม่ใช่รึไง?’
“เจ้ากำลังคิดอะไร?” ซูอันจ้องเขม็งไปที่เฉิงโซวผิง
“ม…ไม่มีอะไรนายน้อย!” เฉิงโซวผิงตอบด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง “แต่ว่านายน้อย ตระกูลของเรา ห้ามเล่นการพนันอย่างเคร่งครัด…ข้าไม่กล้าแหกกฎ…”
“งั้นสิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้จริงไหม…” ซูอันยัดเงินหนึ่งร้อยตำลึงเข้าไปในเสื้อคลุมของเฉิงโซวผิง “นี่คือค่าจ้างของเจ้าสำหรับการทำธุระให้ข้า และนอกจากนี้ข้าจะให้เงินปันผลแก่เจ้าหลังจากที่ข้าเก็บเงินรางวัลได้จากการเดิมพันนี้”
ดวงตาของเฉิงโซวผิงเป็นประกายเมื่อเห็นเงินถูกยัดเข้ามา สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเบิกบานทันที “นายน้อยวางใจได้เลย! ข้าจะทำมันให้สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ!”
หลังจากพูดจบ เฉิงโซวผิงรีบออกจากห้องไปในทันที
ซูอันรู้สึกประหลาดใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่ารวดเร็วของเฉิงโซวผิง ไอ้เด็กนี่คงไม่คิดหนีไปกับเงินของเขาใช่ไหม? แต่ว่าพวกคนรับใช้ในโลกนี้มีพันธสัญญาติดตัวอยู่และโลกภายนอกก็อันตรายเช่นกัน เขาคงไม่สามารถหนีไปไหนได้รอดจริงไหม?
…
ในขณะเดียวกัน เฉิงโซวผิงก็เดินไปที่บ่อนการพนันด้วยความคิดที่เจิดจรัสในหัว
นายน้อยของเราต้องการเดิมพันเงินหนึ่งหมื่นตำลึงให้กับตัวเอง เพราะเขาคงไม่พอใจกับการที่ทุกคนดูถูกเขา เขามีเงินอยู่แล้วเจ็ดล้านห้า ดังนั้นการสูญเสียเงินหมื่นตำลึงจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่
อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนรับใช้ ข้าจำเป็นต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดดังนั้นข้าจะปล่อยให้เขาเสียเงินไปเปล่าๆ ได้อย่างไร? เอาล่ะ ข้าจะเดิมพันให้คู่ต่อสู้ของนายน้อยชนะก็แล้วกัน! จากนั้นเมื่อนายน้อยแพ้การต่อสู้เขาก็จะยังคงได้รับเงิน ซึ่งหลังจากนั้นเขาจะต้องชื่นชมไหวพริบอันเฉียบแหลมของข้าแน่นอน!
ฮ่าฮ่าฮ่า ข้านี่มันฉลาดจริงๆ!
ในขณะเดียวกัน ซูอันที่กำลังเดินไปที่เตียงเพื่อจะล้มตัวนอนก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงผู้เฒ่ามี่กระแอมอยู่ข้างหลังเขา
“ท..ท่านผู้อาวุโส ท่านมาหาข้างมีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?” ซูอัน เอ่ยถามด้วยท่าทีสุภาพ เขาไม่กล้าแสดงท่าทีเกเรตามปกติ
ผู้เฒ่ามี่พยักหน้าก่อนจะตอบกลับ “ความคืบหน้าของเจ้าเมื่อคืนนี้เร็วเกินไปจนข้าฟุ้งซ่านและลืมที่จะเตือนเจ้าถึงบางสิ่งบางอย่าง ในงานประลองหากเจ้ามีโอกาสได้ขึ้นไปบนเวทีเจ้าจะต้องไม่ใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันที่ข้าสอนเจ้า เว้นแต่เจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่น มิเช่นนั้นมันอาจนำอันตรายมาสู่เราทั้งคู่ได้”
“หา?” ซูอันอ้าปากค้าง
ข้าใช้ความพยายามอย่างมากในการฝึก ‘เพลงกระบี่ปราบมาร’ แต่จู่ๆ กลับถูกบอกว่าใช้ไม่ได้แล้ว?
ผู้เฒ่ามี่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับซูอัน
เขาสอนวิชาร่างก้าวทานตะวันให้กับซูอันเพื่อป้องกันตัวเองในสถานการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะหาร่างที่เหมาะสมเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้ไอ้เจ้าหนุ่มนี่เป็นอะไรไปก่อนที่เขาจะยึดร่างนี้อย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม เขาเองไม่คาดคิดว่าซูอันจะฝึกวิชาร่างก้าวทานตะวันได้รวดเร็วขนาดนี้ วิชาร่างก้าวทานตะวันมีอยู่ 9 ขั้น ขั้นแรกผู้ฝึกจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างไร้กังวลแม้จะตกอยู่ในวงล้อมของผู้บ่มเพาะที่อยู่ในระดับเดียวกัน หรือถ้าหากฝึกไปจนบรรลุขั้น 9 แล้ว ต่อให้จะเผชิญกับผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์(ระดับ 9) ผู้ฝึกก็ยังสามารถหลบหลีกการโจมตีได้อย่างไม่ยากเย็น
คนส่วนใหญ่จะใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะบรรลุขั้นแรก ดังนั้น ผู้เฒ่ามี่คิดว่าแค่เวลาไม่กี่คืนในการฝึก วิชาร่างก้าวทานตะวันซูอันคงจะสามารถใช้มันได้แค่ป้องกันตัวเองเล็กๆ น้อยๆ ในระหว่างงานประลองระหว่างตระกูล
อย่างไรก็ตาม ซูอันกลับมีความสามารถอย่างไม่คาดคิด ชายหนุ่มบรรลุขั้นแรกอย่างรวดเร็ว แถมตอนนี้น่าจะบรรรลุไปถึงขั้นที่สองแล้วด้วยซ้ำ ถ้าหากซูอันใช้มันบนลานประลองในวันพรุ่งนี้ มันอาจจะสร้างปัญหาให้กับเขาได้ถึงแม้ว่าในเมืองจันทร์กระจ่างน่าจะไม่มีใครสามารถระบุทักษะการเคลื่อนไหวนี้ได้ แต่ปลอดภัยเอาไว้ก่อนดีกว่าเสียใจที่หลัง
ยิ่งผู้เฒ่ามี่คิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกประหม่ามากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมาเพื่อเตือนซูอันล่วงหน้า
เมื่อเห็นว่าซูอันตกใจกับสิ่งที่พูด เขาจึงพูดต่อไปว่า “ข้าจะสอนวิธีเปลี่ยนเส้นทางการโคจรพลังชี่ในระหว่างใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันให้ไม่เหมือนเดิมกับของเก่า ด้วยวิธีนี้ มันจะไม่ง่ายที่คนอื่นจะมองเห็นที่มาของทักษะการเคลื่อนไหวของเจ้า”
ซูอันดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น “ผู้อาวุโสช่างน่าเหลือเชื่อ! ข้าไม่ยักรู้ว่าบนโลกนี้จะมีวิธีการปกปิดทักษะการเคลื่อนไหวที่น่าเกรงขามเช่นนี้ได้!”
อย่างไรก็ตามในใจของซูอันตอนนี้รู้สึกตื่นตระหนก เขาไม่คิดเลยว่าทักษะการเคลื่อนไหวนี้ที่ผู้เฒ่ามี่สอนมาให้เขาจะกลับกลายเป็นของอันตรายถึงขนาดไม่ควรใช้ต่อหน้าฝูงชน ก่อนหน้านี้ผู้เฒ่ามี่เคยเตือนเขาเอาไว้แล้วว่าเขาต้องไม่เปิดเผยชื่อทักษะการเคลื่อนไหวนี้ให้ใครรู้ และพอมาตอนนี้เขากลับถูกห้ามไม่ให้ใช้งานมันด้วยแถมถึงขนาดบอกวิธีเปลี่ยนแปลงเคล็ดวิชาเพื่อปกปิดมันอีกต่างหาก ชายชราคนนี้ซ่อนความลับอะไรเอาไว้อยู่กันแน่?
ข้าต้องระวังให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นวันหนึ่งข้าอาจจะซวยเพราะชายชราคนนี้!
ในขณะที่ซูอันกำลังฝึกวิชาร่างก้าวทานตะวันที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ เฉิงโซวผิงก็เดินเตร่ไปตามบ่อนใหญ่ๆ ในเมือง ก่อนที่จะเลือกบ่อนที่ให้อัตราตอบแทนสูงกว่าบ่อนอื่นๆ สำหรับการแทงให้ฝั่งของซูอันแพ้
“ถ้านายน้อยจับได้ว่าข้าเปลี่ยนเดิมพัน เขาจะตีข้าจนตายไหมเนี่ย?” เฉิงโซวผิงลังเลเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็เกลี้ยกล่อมตัวเองจนใจเย็นลง
ไม่สิข้าทำสิ่งนี้เพราะข้าหวังดีกับเขาต่างหาก คนรับใช้ที่ดีจะต้องคอยปกป้องเจ้านายไม่ว่าจะเป็นจากศัตรูภายนอกหรือแม้แต่การตัดสินใจของตัวผู้เป็นนายเอง!
หลังจากเชื่อมั่นแล้วว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้อง เฉิงโซวผิง ก็วางเดิมพันทั้งหมด 10,000 ตำลึงเงินให้ฝั่งตรงข้ามของซูอัน
ไม่นานหลังจากที่เฉิงโซวผิงเดินจากไป ชายหญิงคู่หนึ่งก็เดินออกจากห้องส่วนตัวด้านในบ่อน ชายหนุ่มมีรูปลักษณ์ที่สูงสง่าในขณะที่ฝั่งหญิงสาวก็ดูงดงามราวกับเป็นคุณหนูจากตระกูลชนชั้นสูง