เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 218 ไร้ประสบการณ์
เกิดอะไรขึ้น?
หยวนเหวินตงรู้สึกสับสน ก่อนหน้านี้เขาเห็นแต่ภาพเบลอและจากนั้นชั่วพริบตาร่างของซูอันก็หายไปจากสายตาและอึดใจต่อมา เขาก็ถูกตบที่แก้มอีกครั้ง!
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?
หยวนเหวินตงไม่ใช่คนเดียวที่สงสัยในเรื่องนี้ ฝูงชนต่างก็งุนงงไม่แพ้กัน
ซ่างหงหรี่ตาลงต่างจากคนอื่น ๆ ผู้บ่มเพาะระดับ 8 อย่างเขาย่อมมองเห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจนด้วยสายตาที่เฉียบคมเหนือคนทั่วไป เมื่อครู่ ซูอันใช้ทักษะการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดเพื่อเข้าใกล้หยวนเหวินตง การเคลื่อนไหวของซูอันเร็วเกินไปจนอีกฝ่ายไม่มีโอกาสตอบสนองเลย
ซือคุนก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกัน เขาหันไปจ้องเสวี่ยเอ๋อร์อย่างเคร่งเครียดและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าไม่รายงานข้าเรื่องทักษะการเคลื่อนไหวของไอ้สารเลวนั่น?”
ขณะนี้เสวี่ยเอ๋อร์ก็งุนงงเหมือนกัน “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันนายน้อย! ตอนที่ข้าสู้กับเขา เขาไม่ได้ใช้มันออกมาเลย!”
“ไร้ประโยชน์!” ซือคุนก่นด่าด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวก่อนที่จะหันกลับไปมองที่ลานประลอง
ดวงตาของเสวี่ยเอ๋อร์แดงขึ้นพร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเอง และไม่กล้าพูดอะไรต่อเพราะนางรู้ว่าตัวเองไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
เจียงลั่วฝูยิ้มอย่างพึงพอใจ ถ้านางรู้ว่าเขามีไพ่ตายแบบนี้ นางก็คงไม่กังวลอะไรมาก…
อย่างไรก็ตาม คนที่ตกใจที่สุดคือไม่ใช่ใครอื่นจากตระกูลฉู่ ฉินหว่านหรู เขย่ามือสามีของนางพร้อมกับถามว่า “ท่านพี่ ตาของข้าเล่นตลกกับข้ารึเปล่า?”
ฉู่จงเทียนตกใจไม่น้อยไปกว่านาง เขาตอบด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า “ตาของเราสองคนคงไม่เล่นตลกกับเราพร้อมกันหรอกจริงไหม?”
หลังจากสังเกตเห็นจังหวะการโคจรพลังชี่ของซูอัน ฉู่จงเทียนก็พอจะเดาได้ว่าซูอันเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 3 แต่อย่างไรก็ตามผู้บ่มเพาะระดับ 3 สามารถเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนั้นได้ยังไง?
ที่แท้ซูอันก็ปกปิดความสามารถที่แท้จริงของเขามาโดยตลอด ใครจะคิดว่าเขาแอบบ่มเพาะอย่างเงียบ ๆ จนถึงระดับนี้ได้?
ฉู่ชูเหยียนอดไม่ได้ที่จะถาม “ท่านพ่อ ทักษะการเคลื่อนไหวที่เขาใช้คืออะไร? ทำไมข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน?”
ฉู่จงเทียนส่ายหัวและตอบกลับ “พ่อเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน”
คนที่มีความสุขที่สุดกับเหตุการณ์ปัจจุบันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉู่ฮวนเจา นางมองดูร่างที่อยู่บนลานประลองด้วยสายตาเป็นประกาย พี่เขยของข้าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ! จริงสิ…แบบนี้มันก็หมายความว่าเขาโกหกข้ามานานมากแล้วสินะ! ฮึ่ม! คอยดูเถอะหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับท่านแน่นอน!
“เดี๋ยวนี้มาตรฐานของนักศึกษาชั้นเรียนนภาของสถาบันจันทร์กระจ่าง ตกต่ำขนาดนี้แล้วงั้นเหรอ? ชิ!”
“เป็นอัจฉริยะระดับการบ่มเพาะระดับ 5 แล้วยังไง? แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถตบเขาได้อย่างง่ายดาย ถ้างั้นแบบนี้ข้าคงสามารถฆ่าเขาได้ด้วยมือเดียว!”
“เดี๋ยวนะ…สองคนนั้นกำลังร่วมมือกันแสดงเพื่อตบตาเรารึเปล่า?”
…
คนส่วนใหญ่ในฝูงชนไม่มีดวงตาที่เฉียบแหลม ดังนั้นพวกเขาจึงมองไม่ออกว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับการเคลื่อนไหวของซูอัน พวกเขาแค่คิดว่าหยวนเหวินตงที่เป็นผู้บ่มเพาะระดับ 5 ไร้ความสามารถถึงขนาดที่โดนคู่ต่อสู้ตบได้อย่างง่ายดาย
เมื่อได้ยินบทสนทนาจากฝูงชนดวงตาของหยวนเหวินตงก็แดงก่ำด้วยความโกรธ
ไอ้เวรนี่! มันกล้าดียังไงถึงแกล้งข้าแบบนี้!
ท่านยั่วยุหยวนเหวินตงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +1024!
ตอนนี้เขาทั้งโกรธและอับอาย แต่ยิ่งไปกว่านั้น เขายังตกใจอีกด้วย เขามองไม่เห็นเลยว่าซูอันเคลื่อนไหวอย่างไรก่อนหน้านี้ และการไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ความสามารถในการคิดของเขาลดลงอย่างน่าเวทนา…
“ไอ้โง่เอ๊ย! พลังธาตุของเจ้ามีไว้เพื่อประดับเล่นงั้นหรือไง! มีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับทักษะการเคลื่อนไหวของซูอัน ดังนั้นอย่าต่อสู้กับเขาแบบตรง ๆ!” เสียงของอู๋เว่ยดังขึ้นในหัวของหยวนเหวินตง…
เมื่อได้ยินคำแนะนำนี้ดวงตาของหยวนเหวินตงก็เป็นประกายทันที เขาไม่เคยคิดที่จะใช้ทักษะพลังธาตุของเขากับซูอัน เพราะเขาคิดว่าผู้บ่มเพาะระดับ 5 อย่างเขาไม่จำเป็นจะต้องใช้มันในการกำราบผู้บ่มเพาะระดับ 3 ยิ่งไปกว่านั้นเขากังวลว่าการต่อสู้มันจะจบเร็วเกินไปจนเขายังไม่ได้ทรมานซูอันให้สาสม เขาต้องการที่จะสู้กับซูอันให้นานที่สุดเพื่อทรมานซูอันอย่างช้าๆ
อย่างไรก็ตาม…หลังจากที่โดนตบสองครั้ง เขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป เขารู้สึกว่าเขาต้องฉีกซูอันให้เป็นชิ้น ๆ ให้เร็วที่สุดเพื่อระบายความโกรธของเขา
“เจ้าทำให้ข้าโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้วไอ้สารเลว!” หยวนเหวินตงถ่มน้ำลายพร้อมกับกระโดดถอยไปที่มุมของลานประลองเพื่อเว้นระยะห่างให้มากที่สุดจากนั้นเขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ชั่วร้าย “ข้ายอมรับว่าทักษะการเคลื่อนไหวของเจ้าน่ากลัวกว่าที่ข้าคิด แต่มันก็แค่นั้นแหละ! ต่อหน้าพลังยิ่งใหญ่ความเร็วของเจ้ามันไร้ความหมายทั้งหมด!”
หลังจากพูดจบ ดาบและกระบี่ของฝูงชนที่อยู่ใกล้ลานประลองต่างเริ่มสั่นราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังเรียกพวกมันอยู่ ฝูงชนตกใจรีบจับอาวุธของพวกเขาเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้มันบินหนีไป
มีแต่เฉพาะเหล่าผู้ของตระกูลหยวนเท่านั้นที่เตรียมการเอาไว้แล้ว พวกเขาปล่อยให้อาวุธของตัวเองบินไปหาหยวนเหวินตงและจากนั้นทั้งดาบและกระบี่นับสิบเล่มก็ลอยวนอยู่รอบ ๆ หยวนเหวินตงอย่างอลังการ
“นี่คือความสามารถของผู้บ่มเพาะระดับ5?”
“ว้าว! กองทัพกระบี่บินนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!”
“ฮ่าฮ่า! ผู้บ่มเพาะระดับ 5 อย่างหยวนเหวินตงจะพ่ายแพ้ให้กับคนสารเลวของตระกูลฉู่ได้ยังไง?”
…
ฉินหว่านหรูรู้สึกตื่นตระหนกในทันที “ทำไมซูอันไม่ใช้ทักษะการเคลื่อนไหวของเขาตามไปปิดระยะหยวนเหวินตงและกุมความได้เปรียบเอาไว้? ทำไมตอนนี้เขากลับยืนอยู่เฉย ๆ ราวกับรอให้หยวนเหวินตง โจมตีเขาก่อนซะอย่างนั้น! เขากำลังทำบ้าอะไรกัน? ไม่ว่าทักษะการเคลื่อนไหวของเขาจะเร็วแค่ไหน เขาจะหลบอาวุธพวกนั้นทั้งหมดได้ยังไง?”
ยิ่งนางคิดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่นางก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น “นี่เขากำลังทำตัวโอ้อวดอีกแล้วใช่ไหม!”
ท่านยั่วยุฉินหว่านหรูสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +567!
ฉู่จงเทียนปลอบโยน “ข้าเดาว่าซูอันคงยังขาดประสบการณ์การต่อสู้จริงอยู่ เจ้าอย่าไปถือโทษโกรธเขาให้มากเลย เอาแค่ความสามารถก่อนหน้านี้ของเขามันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เราภาคภูมิใจได้”
ฉินหว่านหรูยังคงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ตอนแรกข้าเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับเขาหรอก แต่ตอนนี้มันแตกต่างกัน เขามีทักษะการเคลื่อนไหวที่น่าเกรงขามขนาดนี้ หากเขาใช้มันอย่างชาญฉลาดบางทีเขาอาจจะเอาชนะหยวนเหวินได้ก็ได้ แต่ตอนนี้เขากลับใช้มันเพื่อทำให้หยวนเหวินตง อับอายขายหน้าแค่เท่านั้นแถมเขายังเอาเวลาไปเล่นไร้สาระกับไอ้ดนตรีประกอบอะไรนั่นอีก พอเห็นแบบนี้จะไม่ให้ข้าโกรธได้ยังไง?”
ในมุมมองของนาง ถ้าซูอันใช้ทักษะการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของเขาโจมตีหยวนเหวินตงแบบฉับพลันอย่างรุนแรงป่านนี้บางทีเขาอาจจะชนะไปแล้ว ทว่าสิ่งที่เขาทำกลับเป็นแค่ตบหน้าอีกฝ่ายแค่สองครั้ง การทำเช่นนี้มันได้ประโยชน์เพียงแค่ทำให้ตระกูลหยวนเสียหน้าก็แค่นั้น แต่ผลเสียก็คือมันทำให้หยวนเหวินตงโกรธและเมื่ออีกฝ่ายตั้งตัวได้ ความต่างของระดับการบ่มเพาะจะเริ่มส่งผลและทำให้ความได้เปรียบของการมีทักษะการเคลื่อนไหวที่เหนือกว่าหายไปทันที
การประลองครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตระกูลฉู่ ถ้าซูอันยอมรับความพ่ายแพ้ตั้งแต่เริ่มต้น นางคงไม่รู้สึกหงุดหงิดใจขนาดนี้ แต่เมื่อครู่ ซูอันกลับจุดประกายความหวังให้นาง แต่ต่อมาเขากลับกำลังดับความหวังของนางอีกรอบ สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกอยากจะคลุ้มคลั่ง
ฉู่จงเทียนถอนหายใจและพูดว่า “เขายังเด็กอยู่ เขาจะได้เรียนรู้หลังจากเหตุการณ์นี้ ตอนนี้เราควรเตรียมตัวที่จะก้าวเข้าไปปกป้องเขา ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะตายภายใต้บรรดาคมอาวุธของหยวนเหวินตง
ฉู่ฮวนเจาอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ทำไมท่านทั้งสองถึงไม่มั่นใจในตัวพี่เขยเอาซะเลย? ข้าเชื่อว่าเขาสามารถเอาชนะหยวนเหวินตงได้แน่นอน!”
ตอนนี้เองที่หงซิงอิงพบโอกาสที่สมบูรณ์แบบในการพูดแทรก “คุณหนูรอง ความแตกต่างของพลังในแต่ละระดับการบ่มเพาะกว้างมาก และยิ่งโดยเฉพาะผู้บ่มเพาะระดับ 5 เช่นหยวนเหวินตงซึ่งนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง ต่อให้เป็นผู้บ่มเพาะระดับเดียวกันกับเขามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะเขาได้”
ถึงแม้ว่าเขาจะมีความจงรักภักดีต่อตระกูลฉู่ แต่ระหว่างการได้เห็นตระกูลฉู่แพ้การประลองกับเห็นซูอันได้รับชัยชนะ เขาขอเห็นตระกูลฉู่แพ้จะดีกว่า เขาทนความคิดที่ว่าซูอันมีชื่อเสียงเหนือเขาไม่ได้ และที่แย่ไปกว่านั้นเขาดันแพ้ในรอบการประลองของเขาเองแถมก่อนหน้านี้เขาเองก็เยาะเย้ยซูอันไปเยอะอีกต่างหาก หากซูอันชนะขึ้นมาจริง ๆ เขาคงไม่กล้ามองหน้าฝั่งตรงข้ามได้อีกตลอดชีวิต!