เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 220 โล่ประหลาด
เมื่อถูกจ้องมองโดยซ่างหงและบุคคลระดับสูงคนอื่น ๆ ฉู่จงเทียนก็แสดงสีหน้างุนงงไม่ต่างกับพวกเขา
พวกเจ้าอยากรู้งั้นเหรอว่าโล่ในมือของซูอันมันคืออะไร?
ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน!
กลับไปที่ลานประลอง หยวนเหวินตงรู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นลม ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เกินความเข้าใจของเขามากเกินไปและโดยเฉพาะในตอนนี้เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มที่ดูลึกลับของอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง
ไอ้เวรนี่มันเตรียมไพ่ลับกี่ใบมาจัดการข้ากันแน่!?
เมื่อสัมผัสได้ถึงกำลังใจที่ลดลงของหยวนเหวินตง ผู้นำของตระกูลอู๋ และตระกูลหยวน ต่างรีบพูดกับเขาผ่านพลังชี่อย่างร้อนรน
“ไอ้โง่! โล่ที่ตระกูลฉู่สร้างขึ้นอาจจัดการกับอาวุธบินของเจ้าได้ แต่เจ้าก็ยังมีระดับการบ่มเพาะที่เหนือกว่าถึง2ระดับ จงใช้ความได้เปรียบตรงจุดนั้นต่อสู้ระยะประชิดกับซูอันซะ!”
“เลิกควบคุมอาวุธทั้งหมดซะและต่อสู้กับซูอัน ในระยะประชิดไม่ว่าทักษะการเคลื่อนไหวของซูอันจะแข็งแกร่งเพียงใด พลังของเจ้าก็ยังเหนือกว่าเขามาก เขาไม่มีทางทะลวงพลังป้องกันของเจ้าได้!”
เมื่อได้ฟังคำแนะนำจากทั้งสองคนแล้ว จิตวิญญาณการต่อสู้ของหยวนเหวินตง ก็เพิ่มพูนกลับมาอย่างรวดเร็ว
จริงด้วย! ถึงแม้ว่าไอ้เวรซูอันมันจะเตรียมของเล่นของมันมาต่อกรกับทักษะการควบคุมอาวุธของข้า แต่ความแตกต่างในเรื่องระดับการบ่มเพาะนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะทดแทนได้ง่าย ๆ แม้ว่าข้าจะไม่ใช้ความสามารถด้านธาตุ แต่แค่พึ่งพาความแข็งแกร่งในด้านการบ่มเพาะมันก็ควรจะเพียงพอที่จะบดขยี้มัน!
หยวนเหวินตงสงบใจลงได้ทันทีหลังจากคิดออก เขามองไปที่ซูอันและพูดอย่างเย็นชาว่า “ซูอัน อาวุธลึกลับของเจ้าทำให้ข้าประหลาดใจจริง ๆ แต่มันก็แค่นั้นแหละ นั่นเป็นของจากตระกูลฉู่ ไม่ใช่ของ ๆ เจ้า เช่นเดียวกับที่ข้าบอกเจ้าครั้งที่แล้ว การพึ่งพาความแข็งแกร่งของผู้อื่นมันย่อมทำได้อย่างจำกัด ท้ายที่สุดการพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองคือสิ่งที่สำคัญที่สุดต่างหาก!”
ตั้งแต่ขึ้นมาบนลานประลองเขาเสียหน้าให้กับซูอันไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้หยวนเหวินตงอยากจะกู้หน้าของตัวเองเต็มแก่โดยการอัดซูอันให้จมอยู่แทบเท้า
หลังจากพูดจบ หยวนเหวินตงก็ชักกระบี่ของเขาเองออกจากเอวแล้วสะบัดไปมาด้วยการเคลื่อนไหวที่มั่นคง ทั่วทั้งกระบี่ของเขามีแสงสีขาวเคลือบเป็นชั้นบาง ๆ ซึ่งบ่งบอกว่าเขาใช้ปราณกระบี่เคลือบกระบี่อีกชั้นหนึ่งเพื่อเพิ่มพลังโจมตี
ภาพที่เห็นนี้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมที่อยู่บริเวณรอบๆ
ตามคาด! ผู้บ่มเพาะระดับ 5 ย่อมมีทักษะการใช้กระบี่ที่น่าตื่นตา!
ซูอันหัวเราะขบขัน “ทำไมเจ้าถึงชอบพูดคำเดิม ๆ? เจ้าเคยสังเกตตัวเองไหมว่าเจ้าเคยพูดคำเหล่านี้มาหลายครั้งแล้ว? เจ้าเป็นนกแก้วหรือไง? หรือว่าคำพูดพวกนี้เป็นคำเดียวที่เจ้ารู้จัก?”
“ข้าชอบพูดคำเดิม ๆ ตรงไหน?” หยวนเหวินตงตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าเขาคล้อยตามคำพูดของซูอันมากเกินไปจนเผลอโต้เถียงอีกแล้ว เมื่อรู้สึกตัวเขาจึงคำรามอย่างโกรธจัด “เจ้ามีดีอย่างเดียวก็คือปากที่เฉียบคมของเจ้าเท่านั้น!”
หลังจากพูดจบเขาไม่กล้าที่จะประมาทซูอันอีกต่อไป เขาใช้เพลงกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขามีเพื่อโจมตีซูอันทันที…
“มังกรพเนจรเริงระบำ!”
ร่างกายของหยวนเหวินตงพุ่งเข้าไปหาซูอันเร็วราวกับสายฟ้า การเคลื่อนไหวไม่ใช่เป็นการพุ่งตรงไปหาซูอันแบบดื้อ ๆ ทิศทางการเคลื่อนที่ของเขาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เขาเคลื่อนไปทางซ้ายชั่วครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็เคลื่อนที่เฉียงไปทางขวาต่ออีกรอบ สิ่งนี้ทำให้ซูอัน ยากจะคาดเดาการเคลื่อนไหวของเขาจนในเวลาไม่นาน ซูอันก็ถูกต้อนจนไร้ทางหลบหนี
วิถีกระบี่ของหยวนเหวินตงถูกมองเห็นเป็นแค่ภาพลาง ๆ เพราะความเร็วที่ยิ่งยวดและมันฉวัดเฉวียนไปมาราวกับมังกรที่กำลังสัญจรไปมาในสนามรบ และท้ายที่สุดกระบี่ของเขาพุ่งเข้าหาซูอันอย่างรุนแรงและซึ่งมันมีอำนาจเพียงพอที่จะฉีกซูอันเป็นชิ้นๆ
ฉู่ฮวนเจาจิกชายเสื้อของตัวเองอย่างประหม่าในขณะที่ฉู่ชูเหยียนจ้องมองดูฉากนี้อย่างตั้งใจและเตรียมที่จะพุ่งขึ้นไปช่วยซูอันหากเขาไม่สามารถต่อกรกับเพลงกระบี่นี้ได้ แต่ในใจของนางก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านางจะพุ่งขึ้นไปช่วยเขาทันหรือเปล่าเพราะตอนนี้นางมีอาการบาดเจ็บจากการประลองกับอู๋ตี้ก่อนหน้านี้…
ซูอันชักกระบี่ของเขาออกจากฝักและจากนั้นเขาก็เริ่มร่ายรำวิชากระบี่เดียวที่เขารู้จัก 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานของสถาบันจันทร์กระจ่าง!
หลังจากวิเคราะห์ความรุนแรงของเพลงกระบี่หยวนเหวินตงอย่างรวดเร็ว ซูอันก็ตัดสินใจที่จะไม่ปะทะกับอีกฝ่ายโดยตรง อย่างไรก็ตาม ประเด็นคือหยวนเหวินตงได้ปิดทางหลบหลีกของเขาด้วยปราณกระบี่ที่เกิดจากพลังชี่จำนวนมากดังนั้นเขาจึงเหลือช่องว่างให้หลบหลีกได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น…
ซูอันสามารถหลบปราณกระบี่ได้เกือบทั้งหมด แต่ยังมีอีก2-3สายที่เขาไม่สามารถหลบพ้นและนั่นทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากโคจรพลังชี่ไปที่มือของเขาและพยายามจับกระบี่ให้มั่นคงที่สุดเพื่อต่อต้านมัน
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
เสียงโลหะกระทบกันดังก้องในอากาศพร้อมกับซูอันถูกบังคับให้ต้องถอยหลังไปหลายก้าว เขารู้สึกว่าพลังชี่ของเขาปั่นป่วนไปทั่วทั้งร่างกายจากแรงปะทะและมือของเขาก็รู้สึกเจ็บจนชา เขาเกือบจะทำกระบี่หลุดมือไปแล้วด้วยซ้ำเมื่อครู่
ซูอันขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าช่องว่างระหว่างผู้บ่มเพาะระดับ 3 กับผู้บ่มเพาะระดับ 5 จะแตกต่างกันมากกว่าที่เขาคิดไว้!
ในทางกลับกัน หยวนเหวินตงกลับยืนได้อย่างมั่นคงหลังจากปะทะ การปะทะเมื่อครู่ได้ยืนยันความแข็งแกร่งของเขาแล้วว่าอยู่เหนืออีกฝ่ายอย่างชัดเจน
ที่แท้ไอ้เวรซูอันมันก็มีพลังแค่นี้เอง ก่อนหน้านี้ข้าเกือบจะกลัวเขาซะแล้ว!
ใบหน้าของหยวนเหวินตงเริ่มร้อนขึ้นเมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เจ้าทำให้ข้าอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีทั้ง ๆ ที่เจ้ามีดีเพียงแค่นี้เนี่ยนะ? ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้!
ท่านยั่วยุหยวนเหวินตงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +768!
ซูอันพูดไม่ออก ไอ้คน ๆ นี้มันโกรธได้ทุกเวลาแบบนี้ได้ยังไง? ไม่ว่ามันจะชนะหรือแพ้มันก็โกรธข้าได้หมดเลย อารมณ์ของมันไร้เหตุผลไม่ต่างกับฉินหว่านหรูแม้แต่น้อย!
ทางด้านของฝูงชนที่ดูอยู่ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับผลที่ออกมาเช่นกัน
“ข้านึกเอาไว้แล้ว! ซูอันจะสามารถเอาชนะนายน้อยหยวนได้ยังไง? พอพวกเขาเริ่มสู้กันในระยะประชิด ความแตกต่างระหว่างพวกเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจน!”
“แต่ข้าคิดว่าซูอันก็ค่อนข้างน่าเกรงขามเช่นกัน ด้วยความสามารถระดับนี้อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่ใช่คนไร้ค่าอย่างที่ใคร ๆ ก็พูดกันแน่นอน”
“ต่อให้ก่อนหน้านี้เราจะประเมินเขาต่ำไป แต่เขาจะแข็งแกร่งได้ขนาดไหนกันเชียว? จากคลื่นพลังพลังชี่ที่เขาโคจรมันเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงผู้บ่มเพาะระดับ3เท่านั้น ไม่มีทางที่เขาจะเทียบได้กับนายน้อยหยวน!”
“ดูเหมือนว่าเขาจะซ่อนเร้นความแข็งแกร่งมาโดยตลอด เขากัดฟันทนต่อคำดูถูกต่าง ๆ นานามากมายจากผู้คนทั้งเมืองด้วยความหวังว่าจะมีโอกาสได้แสดงให้ทุกคนเห็นค่าของเขาในงานประลองนี้ หากเขาประลองกับคนอื่นชื่อเสียงของเขาคงเฉิดฉายแน่ ๆ แต่น่าเสียดายที่วันนี้เขากลับต้องมาเจอกับหยวนเหวินตงที่มีระดับการบ่มในระดับที่5!”
“โธ่เว้ย เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์จริง ๆ! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้แต่งงานกับคุณหนูใหญ่ฉู่ เขาต้องวางแผนเอาไว้ล่วงหน้ามานานแล้วแน่ๆ!”
…
มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีความคิดแบบนี้เช่นกัน เจ้าเมืองเซี่ยอี้มองไปที่ฉู่จงเทียนอย่างครุ่นคิด ชายคนนี้มักจะแสดงภาพลักษณ์ที่ดูซื่อตรงและมีคุณธรรม แต่ดูเหมือนว่าแท้จริงแล้วเขากลับเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่งเหมือนกัน!
ซ่างหงใช้โอกาสนี้สอนบทเรียนให้ลูกชายของเขา “เจ้าเห็นไหมเชียนเอ๋อ? ข้าบอกเจ้าแล้วว่าคน ๆ นี้ไม่ธรรมดาอย่างที่เราคิดใช่ไหม เขาได้ซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขามาโดยตลอด”