เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 222 ย้อนคำพูด
ในขณะนั้นเอง อู๋เว่ยและหยวนเจิ้งฉู่หันกลับมามองผลลัพธ์ของการประลองโดยคาดหวังว่าจะได้เห็นหยวนเหวินตงทำให้ซูอันพิการ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาเห็นกลับทำให้ทั้งสองอ้าปากค้าง
หยวนเจิ้งฉู่ผงะไปครู่หนึ่งก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวจากความโกรธสุดขีด ด้วยใบหน้าที่ดุร้าย เขากระโจนไปหาซูอันพร้อมกับคำรามลั่น “เจ้ากล้าทำร้ายลูกชายของข้าแบบนี้ได้ยังไง ? ตาย!”
—
ท่านยั่วยุ หยวนเจิ้งฉู่ สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +1024!
—
แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของหยวนเจิ้งฉู่จะต่ำกว่าอ๋องทั้งสอง แต่การฆ่าซูอันนั้นง่ายไม่ต่างอะไรกับการเดินในสวนสาธารณะ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาพุ่งตัวออกไปหาซูอันด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งซูอันไม่มีทางหลบทันแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ ทางด้านของซูอันเองก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหลบเลี่ยงอยู่แล้ว เนื่องจากในเวลาชั่วอึดใจถัดมาร่างสูงตระหง่านก็ปรากฏขึ้นบังเขาไว้มิด ฉู่จงเทียนหยุดการโจมตีของหยวนเจิ้งฉู่พร้อมกับเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยให้กับฝั่งตรงข้าม จากนั้นเขาพูดว่า “หยวนเจิ้งฉู่ นี่เป็นความขัดแย้งระหว่างรุ่นเยาว์ ผู้อาวุโสอย่างเจ้าเข้ามารังแกเด็กรุ่นเยาว์เพื่ออะไร?”
ฉู่จงเทียนรู้สึกสะใจเป็นอย่างมากที่ได้พูดประโยคนี้ย้อนคืนให้อีกฝ่าย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ใจกว้างไม่ชอบอาฆาตแค้นใครและรักสงบ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมให้ใครมาเหยียบย่ำเขาได้ ตระกูลหยวนแสดงท่าทีจองหองมาทั้งวันแล้ว ดังนั้นมันถึงเวลาที่เขาจะต้องเอาคืนบ้าง!
“เจ้า !” หยวนเจิ้งฉู่โกรธจัด แต่ระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำกว่าฉู่จงเทียน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทะลวงการป้องกันของอีกฝ่ายได้
ทางด้านของอู๋เว่ยก็กระโดดลงมายังลานประลองเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แทนที่เขาจะเดินไปหาฉู่จงเทียน เขากลับเดินไปที่ด้านข้างของหยวนเหวินตงเพื่อช่วยห้ามเลือดก่อน จากนั้นเขาจึงตรวจดูบาดแผลก่อนที่จะขมวดคิ้วแน่น
เมื่อเห็นสีหน้าของอู๋เว่ย หยวนเจิ้งฉู่ก็รีบวิ่งกลับไปหาลูกชายเองและหยิบโอสถฟื้นฟูออกมาสองสามเม็ดแล้วยัดใส่ปาก จากนั้นเขาก็หันไปหาซูอันและตะโกนว่า “กฎของงานประลองระหว่างตระกูลระบุว่านักสู้ไม่ควรทำร้ายคู่ต่อสู้ของพวกเขาไม่ใช่รึไง ? แต่ทำไมเมื่อครู่เจ้ากลับแทงลูกชายของข้าจนพิการแบบนี้ ! จิตใจของเจ้านี่มันเลวทรามยิ่งกว่าปีศาจจากนรกซะอีก!”
—
ท่านยั่วยุ หยวนเจิ้งฉู่ สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!
—
ซูอันยักไหล่อย่างไม่แยแสและตอบกลับว่า “มันมีเพียงเส้นกั้นบาง ๆ ระหว่างชัยชนะและความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ โดยเฉพาะที่เมื่อครู่นี้ข้าเห็นว่าลูกของเจ้ามีทักษะกระบี่ที่ดีเยี่ยม ข้าจึงคิดว่าเขาอาจมีไพ่ตายอื่น ๆ ที่เขายังไม่ได้ใช้ออกมาเหลืออยู่ ดังนั้นในฐานะที่ข้าเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 3 และลูกของเจ้าเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 5 ข้าจึงตัดสินใจที่จะไม่ออมมืออีกต่อไป แต่ใครจะไปนึกว่าลูกของเจ้ากลับอ่อนแอกว่าที่ข้าคิดไว้มาก ฮ่าฮ่า ข้าไม่ควรมองว่าเขาอยู่ระดับเดียวกับชูเหยียน ภรรยาของข้าเลยจริง ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่หยวนเหวินตงเคยกล่าวเย้ยหยันเมื่อตอนที่หยวนเหวินจี้ทำร้ายฉู่ฮวนเจาโดยเจตนา ดังนั้นซูอันจึงตั้งใจใช้คำพูดเดียวกันย้อนอีกฝ่ายให้เจ็บใจกว่าเดิม
“เจ้า !!!” หยวนเหวินตงแหกปากตะโกนด้วยความโมโหก่อนที่จะหมดสติไปจากอาการบาดเจ็บและความกระวนกระวายใจของเขา
—
ท่านยั่วยุ หยวนเหวินตง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +1024!
—
“เจ้ามันเลว ! เจ้ากล้าที่จะ…” หยวนเจิ้งฉู่โกรธจัด แต่เขาคิดหาเหตุผลที่จะเอามาหักล้างข้อโต้แย้งของซูอันไม่ได้
—
ท่านยั่วยุ หยวนเจิ้งฉู่ สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +1024!
—
ตอนนั้นเองที่ฉู่จงเทียนพูดขึ้นว่า “หยวนเจิ้งฉู่ ซูอันเป็นบุตรเขยของข้า เขาไม่ใช่คนไร้หัวนอนปลายเท้า แต่เห็นแก่ที่ลูกชายของเจ้าบาดเจ็บ ข้าจะไม่เอาเรื่องที่เจ้าพยายามทำร้ายเขยของข้า แต่นับจากนี้จงจำคำข้าเอาไว้ ตระกูลฉู่ไม่อนุญาตให้ใครมาดูถูกสมาชิกในตระกูลอย่างไร้เหตุผล ไม่อย่างนั้นนั้นข้าจะสั่งสอนคนที่กล้าดูถูกคนในตระกูลของข้าให้หลาบจำ!”
“เจ้า !” ใบหน้าของหยวนเจิ้งฉู่แดงก่ำ แต่ในแง่ของสถานะหรือระดับการบ่มเพาะ เขาอยู่ต่ำกว่าฉู่จงเทียน แม้ว่าเขาจะโกรธ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้กับอีกฝ่ายตรงๆ
อู๋เว่ยรับช่วงต่อทันที เขาหันไปหาผู้ตัดสินการประลองและเอ่ยถามเสียงดัง “ผู้ตัดสิน มันเป็นกฎของงานประลองนี้ที่นักสู้จะต้องไม่ทำร้ายคู่ต่อสู้โดยเจตนา ในการต่อสู้ครั้งก่อน ถึงแม้ว่าหยวนเหวินจี้จะพลาดทำร้ายฉู่ฮวนเจา แต่อาการบาดเจ็บของนางไม่ได้รุนแรงและจะหายดีในเวลาไม่ช้า กลับกัน เมื่อครู่ซูอันกลับทำร้ายหยวนเหวินตงจนพิการ ดังนั้นข้าขอออกความเห็นให้ยกเลิกคุณสมบัติของเขาในฐานะนักสู้และประกาศว่าการประลองคู่นี้เป็นฝ่ายของตระกูลฉู่ที่เป็นผู้แพ้!”
“ไร้สาระ !” ฉู่จงเทียนตะโกนลั่น “อู๋เว่ย เจ้าคิดว่าทุกคนที่นี่ตาบอดกันงั้นเหรอ ? เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเมื่อครู่หยวนเหวินตง เองก็พยายามหาโอกาสจากการประลองนี้ตั้งใจทำให้ซูอัน พิการเช่นกัน ! แต่ท้ายที่สุดมันกลับเป็นเขาเองที่กลายเป็นคนพิการซะเอง ชะตากรรมของเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าการถูกกรรมตามทัน ดังนั้นถ้าจะตำหนิอะไรสักอย่าง เจ้าก็ควรจะไปตำหนิชะตากรรมของเขาไม่ใช่ซูอัน!”
หลายคนในฝูงชนที่เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน พวกเขาต่างตะโกนเห็นด้วยกับฉู่จงเทียน “ถูกต้อง ! หยวนเหวินตงพยายามทำให้ซูอันพิการก่อน!”
อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนตระกูลหยวนโต้กลับทันที “ไร้สาระ ! ทำไมนายน้อยหยวนต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย ? ผู้บ่มเพาะระดับ 5 อย่างเขาไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปใช้วิธีสกปรกกับผู้บ่มเพาะระดับ 3 อย่างซูอันแม้แต่น้อย ! ซูอันต่างหากที่ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่นายน้อยหยวนประมาทแล้วทำร้ายนายน้อยหยวนอย่างชั่วร้าย!”
อันที่จริงผู้ชมส่วนใหญ่เป็นมนุษย์ธรรมดาหรือผู้บ่มเพาะระดับต่ำ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกเขาจึงทำได้แต่ฟังคำพูดวิเคราะห์ของทั้งสองฝ่ายก่อนจากนั้นพวกเขาจึงจะค่อยตัดสินใจว่าควรจะสนับสนุนฝ่ายใด
ในขณะเดียวกัน แทนที่จะเอ่ยคำตัดสินของตัวเองก่อน ซ่างหงกลับหันไปหาเซี่ยอี้กับเจียงลั่วฝูและถามว่า “เจ้าเมืองเซี่ย อาจารย์ใหญ่เจียง พวกท่านสองคนคิดอย่างไร?
จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เซี่ยอี้คิดในใจ ถ้าเขาแสดงจุดยืนในเวลานี้ มันจะเท่ากับว่าทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่อยู่ในแวดวงการเมืองมาหลายปี เขาจึงรู้วิธีจัดการกับสถานการณ์แบบนี้เช่นกัน “ขออภัยที่สายตาของข้าช่วงนี้ค่อนข้างจะฝ้าฟาง เมื่อครู่ข้ามองไม่ออกจริง ๆ ว่านายน้อยซู โจมตีสวนกลับนายน้อยหยวนสำเร็จได้อย่างไร ดังนั้นข้าคงต้องขอรบกวนท่านผู้ตรวจการซ่างชี้แนะข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ซะแล้ว”
คำพูดของเขาทำให้หลาย ๆ คนสงสัยมากกว่าเดิม ทุกคนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อครู่หยวนเหวินตง กำลังได้เปรียบ แต่เหตุไฉนผลลัพธ์มันกลับตาลปัตรในท้ายที่สุดแบบนี้ได้?
“ขยะเอ๊ย ! ไอ้ขยะหยวนเหวินตง ทำไมมันต้องไปตอบคำถามของไอ้เวรซูอันในช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนั้นด้วย ? มันสมควรแล้วที่จะพิการ !” ซือคุนกระดกถ้วยชาอย่างหงุดหงิด เขาได้เตรียมการหลายอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าหยวนเหวินตงจะสามารถกำจัดซูอันได้ แต่ตอนนี้แผนของเขากลับล้มเหลวอย่างน่าอนาถ
เสวี่ยเอ๋อร์พยายามปลอบเขา “เป็นไปได้ว่าหยวนเหวินตงคงเกลียดซูอันมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้”
“เหอะ ! ถ้างั้นมันก็ยิ่งเป็นขยะมากกว่าเดิม !” ซือคุนเผลอกำมือแรงจนถ้วยน้ำชาในมือของเขาแตกละเอียด
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เสวี่ยเอ๋อร์ก็เงียบไปในทันที นางไม่อยากตอแยกับซือคุนให้มากเกินไปในช่วงเวลาที่เขากำลังโกรธแบบนี้