เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 225 เอาคืนเป็น 10 เท่า
หยวนเหวินจี้รีบกวาดสายตามองไปรอบตัวทันที ซึ่งเขาก็ได้เห็นแสงแวบ ๆ วับ ๆ จากด้านข้าง ทำเอาหัวใจของเขาแทบหยุดเต้นด้วยความตกใจ เขาพยายามจะหลบเลี่ยงแต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว!
เสียงร้องโหยหวนดังกึกก้องบนเวทีประลองพร้อมกันนั้นแขนที่ยังกุมกระบี่อยู่ในมือก็ลอยบินขึ้นไปบนท้องฟ้าโค้งตกลงไปยังด้านล่างของเวที แม้กระทั่งตอนที่แขนตกลงถึงพื้นนิ้วทั้งห้าก็ยังกระตุกไม่หยุดซึ่งทำให้มันกลายเป็นภาพที่ทำให้ชวนขนลุก
ถัดมา ซูอันถีบเข้าไปที่ท้องน้อยของหยวนเหวินจี้อย่างรุนแรงจนหยวนเหวินจี้กระเด็นไถลไปกับพื้น
หยวนเหวินจี้พยายามจะลุกขึ้น แต่อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงเกินกว่าจะขยับตัวได้ จนท้ายที่สุดเขาก็ทำได้แต่จ้องมองไปที่ซูอันด้วยดวงตาที่เคียดแค้นเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้พร้อมกับคำรามออกมาดังลั่น “จ…เจ้า ! เจ้าต่ำช้าเกินไปแล้ว!!!”
—
ท่านยั่วยุ หยวนเหวินจี้ สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +1024!
—
การสูญเสียแขนเป็นเรื่องที่ว่าใหญ่แล้ว แต่ลูกถีบเมื่อครู่ซูอันได้ทำลายจุดตันเถียนของเขาจนแหลกละเอียด ! ซึ่งมันหมายความว่านับจากนี้ไม่ใช่แค่จะเป็นคนแขนด้วนแต่ยังไม่สามารถเป็นผู้บ่มเพาะได้อีกตลอดชีวิต ! เมื่อครู่นี้เองที่เขากำลังฝันว่าจะได้ขึ้นไปยังจุดที่สูงกว่าเดิม แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าเขาตกลงไปในเหวลึกที่ไม่อาจมองเห็นแสงสว่างได้อีกเลย สิ่งนี้ทำให้เขาใกล้จะสติแตก!!
ซูอันเดินเข้าไปใกล้และมองลงไปที่หยวนเหวินจี้ซึ่งกำลังนอนอยู่บนพื้นด้วยแววตาเหยียดหยาม “ข้าไม่ใช่คนใจกว้าง ถ้ามีคนปฏิบัติกับข้าดี ข้าอาจจะแหย่เขาเล็กน้อยด้วยคำพูดของข้า แต่ถ้ามีคนปฏิบัติตัวเลว ๆ กับข้า ข้าจะเอาคืนกลับเป็น 10 เท่า ! ในตอนแรกข้าวางแผนแค่จะหักแขนของเจ้าและสร้างความเสียหายให้จุดตันเถียนของเจ้าสักเล็กน้อยเพื่อล้างแค้นให้ฮวนเจา แต่เนื่องจากเมื่อครู่เจ้าจงใจตัดขาของข้า ดังนั้นเจ้าอย่าได้มาโทษข้าที่โหดร้ายกับเจ้า!”
ที่ด้านล่างเวที หงซิงอิงกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ด้วยสีหน้าหวาดกลัว ไอ้คน ๆ นี้มันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!
ในเวลาเดียวกันบรรดาผู้คนของตระกูลหยวนต่างก็พากันโกรธจนควันแทบออกหู “ซูอัน !!! เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
—
ท่านยั่วยุ หยวนเจิ้งฉู่ สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +1024!
—
—
ท่านยั่วยุ หยวน XXX สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +444!
—
—
ท่านยั่วยุ หยวน YYY สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +444!
—
…
หยวนเจิ้งฉู่จะสงบสติอารมณ์ได้อย่างไรหลังจากเห็นสมาชิกตระกูลของตัวเองสองคนพิการไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ เขากระโดดขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับบรรดาผู้บ่มเพาะของตระกูลตนทันทีโดยตั้งใจจะคิดบัญชีกับซูอัน
อย่างไรก็ตาม ฉู่จงเทียนที่ก่อนหน้านี้เตรียมพร้อมอยู่ตลอด เขารีบนำคนของเขากระโดดขึ้นไปบนเวทีอย่างทันควันเพื่อหยุดคนของตระกูลหยวนเช่นกัน “หยวนเจิ้งฉู่ สติของเจ้าฟั่นเฟือนไปหมดแล้วรึไง ? นี่เจ้าต้องให้ข้าย้ำอีกกี่ครั้งกันว่าผู้อาวุโสอย่างเราไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการประลองของรุ่นเยาว์?”
หยวนเจิ้งฉู่รู้ว่าเขาไม่อาจสู้กับฉู่จงเทียนไหว ดังนั้นเขาจึงหันไปหาซ่างหงและเอ่ยอ้อนวอน “ผู้ตรวจการซ่าง เด็กหนุ่มผู้นี้โหดเหี้ยมเกินไป โปรดท่านให้ความเป็นธรรมแก่ตระกูลหยวนของข้าด้วย!”
ซูอันยืนอยู่ท่ามกลางสมาชิกของตระกูลฉู่ เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น ดังนั้นจึงพูดออกไปเสียงดัง “ลุงหยวนข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าพูดที่นี่ เราตกลงกันล่วงหน้าเอาไว้แล้วนี่นาว่าการต่อสู้ครั้งนี้เป็นไปเพื่อชำระหนี้แค้น แต่ตอนนี้เจ้ากลับกำลังคร่ำครวญ นี่เจ้ากำลังทำตัวเป็นพวกขี้แพ้ชวนตีรึไงกัน?”
หยวนเจิ้งฉู่สำลักเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใครเป็นลุงของเจ้ากันไอ้เด็กเวร ! ถ้าข้ามีหลานชายแบบเจ้าข้าคงหักคอเจ้าตายไปตั้งแต่แรกเกิดแล้ว!
—
ท่านยั่วยุ หยวนเจิ้งฉู่ สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!
—
อันที่จริงซ่างหงเองก็รู้สึกผิดหวังเช่นกัน ตระกูลหยวนไร้ประโยชน์มากกว่าที่เขาคาดไว้ พวกเขาพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วตอนนี้กลับคาดหวังให้เขาช่วยเก็บกวาดให้อีกงั้นเหรอ?
แต่แทนที่จะแสดงท่าที ซ่างหงกลับหันไปหาเจียงลั่วฝูและกล่าวว่า “อาจารย์ใหญ่เจียง ข้าไม่นึกเลยจริง ๆ ว่า 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานจะมีอำนาจยอดเยี่ยมได้ขนาดนี้ ข้าคงชมเชยสถาบันของท่านจากใจจริง”
การโจมตีก่อนหน้านี้ของซูอัน เห็นได้ชัดว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของ 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐาน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง หยวนเหวินจี้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าซูอันกลับไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีได้
เจียงลั่วฝูหวนนึกย้อนถึงการต่อสู้ที่เพิ่งผ่านพ้นไป พูดตามตรงนางเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าซูอันสามารถใช้ 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานเอาชนะหยวนเหวินจี้ได้อย่างไร นางมองออกแค่เพียงเล็กน้อยว่า 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานที่ซูอันใช้เมื่อครู่มันดูแตกต่างออกไป แต่นางก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าความแตกต่างนั้นมันสร้างผลกระทบที่มหาศาลขนาดนั้นได้ยังไง
“13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานเป็นทักษะที่เกิดจากการตกผลึกทางปัญญามาหลายศตวรรษของสถาบันเรา ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่มันจะมีจุดแข็งที่น่าอัศจรรย์ แต่น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ใดที่มีพรสวรรค์เพียงพอที่จะเข้าใจความซับซ้อนที่ซ่อนลึกอยู่ภายในของมันและเอาออกมาใช้งานได้” เจียงลั่วฝูตอบกลับ
เซี่ยอี้พูดขึ้นแทรกทันทีเมื่อได้โอกาส “ผู้ตรวจการซ่าง ไม่ว่าเราจะมองอย่างไร การโจมตีเมื่อครู่นี้ของซูอันนั้นเป็นทักษะของ 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานของสถาบันจันทร์กระจ่างอย่างไม่ต้องสงสัย หากหยวนเหวินจี้ไม่มีปัญญาแม้แต่จะหลบหลีกการโจมตีนี้ได้ มันคงยากที่จะตำหนิซูอันว่าไม่ยั้งมือ”
ซ่างหงพยักหน้าเห็นด้วย จากสถานการณ์ คงจะยากสำหรับเขาที่จะเข้าข้างตระกูลหยวน “ผู้นำตระกูลหยวน ก่อนหน้านี้ทุกฝ่ายตกลงกันแล้วว่าจะไม่เรียกร้องสิ่งใด ๆ ไม่ว่าผลจะออกมารูปแบบไหน ดังนั้นตอนนี้ท่านไม่ควรที่จะเรียกร้องสิ่งใดให้มากความ!”
คำพูดของซ่างหงทำให้ฝูงชนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว
“จริงด้วย ! พวกเราก็ได้ยินเหมือนกัน!”
“ตระกูลหยวนยอมรับความพ่ายแพ้ไม่เป็นรึไง!”
“ต้องไร้ความสามารถขนาดไหนถึงไม่สามารถรับมือกับ 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานได้?”
…
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อครู่เขาได้ใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันไปชั่วพริบตาหนึ่งและเป็นโชคดีจริง ๆ ที่ดูเหมือนว่าไม่มีใครสังเกตเห็น จากที่ทุกคนพูดกัน ดูเหมือนว่าทุกคนจะเข้าใจกันแค่ว่าเขาใช้ 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานของสถาบันจันทร์กระจ่าง โดยมองไม่ออกว่ามันถูกเกื้อหนุนโดย วิชาร่างก้าวทานตะวัน ส่งผลให้กลายเป็น ‘เพลงกระบี่ปราบมาร’ ในตำนาน!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ซูอันไม่รู้ก็คือมีใครบางคนในฝูงชนจ้องมองมาที่เขาอย่างตั้งใจ “เพลงกระบี่เมื่อครู่นี้ทำไมมันถึงคล้ายกับของชายคนนั้นมากขนาดนั้น ? ไม่ ไม่ ไม่ได้ ! ข้าต้องรีบรายงานให้เบื้องบนรู้ในทันที!”
เมื่อเห็นว่าฝูงชนเริ่มโกรธเคืองและด่าทออย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตระกูลหยวนที่เห็นว่าสถานการณ์ทุกอย่างไม่ได้เป็นใจกับฝั่งของตนอีกต่อไปก็ทำได้แค่ถอยหนีออกไปด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
ทางด้านของอู๋เว่ยที่เห็นว่าไม่มีทางที่จะกอบกู้สถานการณ์ได้อีกต่อไป เขาจึงรีบจากไปด้วยเช่นกันโดยที่ไม่ได้ร่ำลาซ่างหงแม้แต่น้อย เพราะเขารู้สึกโมโหมากที่อีกฝ่ายไม่ยอมช่วยเหลืออะไรเลย
อู๋ฉิงก่อนเดินจากไปกับพ่อของนาง นางลอบจ้องเขม็งไปที่ซูอันด้วยแววตาอาฆาต ไอ้คน ๆ นี้ทำลายแผนของตระกูลอู๋ของข้า ! ฮึ่ม ! ฝากเอาไว้ก่อนเถอะข้าจะให้ผานหลงและฝูเฟิงคิดแผนการระบายความแค้นนี้ให้ได้!
เจียงลั่วฝูก็ยืนขึ้นเช่นกัน นางอยากที่จะถามคำถามหลายคำถามกับซูอัน แต่เมื่อนึกถึงผู้คนจำนวนมากที่ยังคงอยู่ที่นี่มันจึงดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่เวลาเหมาะสักเท่าไหร่ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะจากไปก่อนแล้วค่อยไปถามเขาอีกทีตอนอยู่ในสถาบันแทน
เมื่อเห็นว่าเจียงลั่วฝูลุกขึ้นยืน จี๋เติ้งถูก็รีบก้มศีรษะลงราวกับว่าไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นหน้าก่อนจะเดินออกจากพื้นที่ไปอย่างเงียบ ๆ ในเวลาเดียวกัน เขาคิดว่าเด็กหนุ่มจากตระกูลหยวนได้ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสไปขนาดนั้น ดังนั้นหลังจากนี้ตระกูลหยวนจะต้องมาขอให้เขาช่วยรักษาอาการบาดเจ็บอย่างแน่นอน
หึหึหึ เงินกำลังจะมาเข้ากระเป๋าข้าอีกแล้ว ไอ้เจ้าเด็กน้อยซูอันนี่มันตัวทำเงินให้ข้าแท้ ๆ เลยข้าชักชอบเจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ซะแล้ว!