เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 239 ผู้เห็นเหตุการณ์คนสำคัญ
บทที่ 239 ผู้เห็นเหตุการณ์คนสำคัญ
ซูอันมองไปที่เสวี่ยเอ๋อร์ ด้วยความประหลาดใจ โอ้? ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้เปิดเผยความลับของเขา มิฉะนั้นซือคุนคงไม่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนี้
ว่าแต่นางช่วยเขาปิดบังทำไม?
เอ๊ะ หรือว่านางตกหลุมรักเขาโดยไม่รู้ตัว?
เมื่อเห็นว่าซูอันมองอยู่ เสวี่ยเอ๋อร์ก็ดึงสายตากลับมา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายน้อยถึงโกรธมาก เขาเองก็อยากจะตะบันหน้ามันทุกครั้งที่เห็นเหมือนกัน!
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +520!
ซูอันรู้สึกขบขันกับแต้มคะแนนตัวเลข 520 นี้ แม้ว่านางจะทำท่าเหมือนรังเกียจเขา แต่ดูเหมือนว่าความรู้สึกของนางจะซื่อสัตย์กว่ามาก! [1]
เมื่อเห็นว่าซือคุนเริ่มโกรธ เหมยเชาฟงก็รีบกล่าวว่า “คำให้การของญาติไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้ นอกจากนี้ คำพูดของซูอันยังเป็นเท็จ ทุกคนในตระกูลฉู่รู้ว่าเขากำลังนอนแยกห้องกับฉู่ชูเหยียน แล้วเขาจะปฏิบัติกิจระหว่างสามีภรรยาได้ยังไง?”
“ใครบอกว่าข้าแยกห้องกับเขา!” ทันใดนั้นเสียงที่ไพเราะก็ดังขึ้นจากด้านหลังฝูงชน
ฝูงชนหันกลับมาอย่างรวดเร็วและได้เห็นหญิงงามสวมชุดขาวเดินช้า ๆ เข้ามาราวกับเทพธิดาจากสวรรค์
“คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่…”
“นางมีเสน่ห์กว่าที่คนอื่นเล่าลือกันซะอีก!”
“ถ้าข้ามีภรรยาแบบนาง ข้าจะไม่ยอมลุกจากเตียงเด็ดขาด!”
“ใช่! ใครจะเสียคืนอันมีค่ากับสาวงามเช่นนี้เพื่อไปฆ่าคนแทน? มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ทำได้!”
…
คำพูดที่ดังมาจากฝูงชนทำให้ ซูอัน ประหลาดใจ ทุกสิ่งที่เขาพูดไปกลับกลายเป็นว่าไม่มีอะไรน่าเชื่อมากไปกว่าการปรากฏตัวของฉู่ชูเหยียน
ฉู่ชูเหยียนเดินเข้ามาในศาลและกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องสอบสวนเรื่องนี้หรอก เมื่อคืนนี้เขานอนอยู่กับข้า!”
ราวกับคลื่นลูกใหญ่กำลังพัดผ่าน ฉู่จงเทียนเบิกตากว้าง ซ่างหงถึงกับสำลักชาที่เขาจิบอยู่ แม้แต่เซี่ยอี้ก็ตกใจเกินกว่าจะทุบโต๊ะให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
“เป็นไปไม่ได้!!!!!!!” ซือคุนหันไปหาเสวี่ยเอ๋อร์ด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธจัด “เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าพวกเขานอนแยกห้องกัน!?????”
เสวี่ยเอ๋อร์เองก็สับสนเหมือนกัน ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ชูเหยียนและซูอันพัฒนาขึ้นภายในเวลาไม่กี่วันได้งั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้!
แม้แต่ ซูอันก็ไม่มีอารมณ์ที่จะจ้องมองคะแนนความโกรธแค้นที่หลั่งไหลเข้ามา เพราะเขาเองก็กำลังอ้าปากค้างมองฉู่ชูเหยียน เขารู้สึกเหลือเชื่อที่นางยอมพูดเรื่องที่ทำให้นางต้องเสื่อมเสียต่อหน้าคนอื่นเพื่อเขาแบบนี้
ในทุกวันนี้แม้ว่าทั้งสองจะแต่งงานกัน แต่ก็มีข่าวลือมากมายว่าพวกเขายังไม่เคยร่วมหอกันและแยกห้องนอนกัน ด้วยเหตุนี้นางจึงยังคงเป็นนางฟ้าที่สูงส่งและบริสุทธิ์ในสายตาของทุกคน
อย่างไรก็ตาม การที่นางยอมรับว่าได้นอนกับเขาได้ทำลายความใฝ่ฝันของบรรดาชายที่หลงใหลในตัวนางจนหมดสิ้น
นางเต็มใจเสียสละชื่อเสียงของนางเพื่อเขาจริงๆ
ซูอันรู้สึกประทับใจเมื่อพบว่าฉู่ชูเหยียนเองก็เป็นคนที่อบอุ่นแตกต่างจากความเย็นชาที่มักแสดงออกมา
“แค่ก แค่ก!” ในที่สุดเซี่ยอี้ก็สะดุ้งตกใจ เขาตบโต๊ะและพูดเสียงดัง “คุณหนูฉู่ ศาลไม่ใช่ที่สำหรับโกหก เจ้าแน่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่เจ้าเพิ่งพูดมาหรือเปล่า?!”
“ข้าแน่ใจ” ฉู่ชูเหยียนยืนอยู่อย่างสงบที่กลางห้อง ขณะที่ลมอ่อน ๆ พัดพาชุดของนางให้แผ่วพริ้ว ฝูงชนพบว่าตัวเองมึนเมาในความงามของนาง “นอกจากนี้ ข้าได้พาผู้เห็นเหตุการณ์อีกคนหนึ่งเข้ามาด้วย”
“ผู้เห็นเหตุการณ์อีกคน?”
ไม่ว่าฉู่จงเทียนหรือแม้แต่ซือคุนและคนอื่น ๆ ต่างก็พากันสับสน พวกเขาคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะพลิกกลับไปมาได้ขนาดนี้
“นำผู้เห็นเหตุการณ์เข้ามา!” เซี่ยอี้สั่งการ
ฉู่ชูเหยียนพยักหน้า จากนั้นทหารของตระกูลฉู่ก็รีบพาคนเข้ามา เหมยเชาฟงยังคงยืนทำเป็นใจเย็นอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเขาเห็นว่าผู้เห็นเหตุการณ์ที่ฉู่ชูเหยียนนำตัวมาเป็นใคร ความสงบของเขาก็พังทลายลงในทันที
เมื่อเห็นหน้าผู้เห็นเหตุการณ์ใบหน้าของเสวี่ยเอ๋อร์ก็บิดเบี้ยว นางรีบอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันให้ซือคุนฟังอย่างรวดเร็ว
ซือคุนรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เขาหันไปมองเหมยเชาฟงด้วยแววตาที่เดือดจัด กล้าดียังไงเอาความกระสันต์ทางเพศของมันมาทำลายแผนของเขา!?
“บอกมาว่าเจ้าเป็นใคร?” เซี่ยอี้สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเหมยเชาฟงและ ซือคุนอย่างรวดเร็ว เขาจึงรีบถามผู้เห็นเหตุการณ์ที่เพิ่งถูกนำตัวเข้ามาใหม่ทันที
ผู้หญิงที่ทหารของตระกูลฉู่พาเข้ามาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วพูดว่า “ท่านเจ้าเมืองเซี่ย ข้าผู้น้อยแซ่จาง มีนามว่า จางอวี้ เป็นภรรยาของถานเว่ย”
“ถานเว่ย?” เซี่ยอี้รู้ดีว่าใครคือถานเว่ย และเขาเริ่มสังเกตปฏิกริยาของคนในศาลด้วยสายตาอันเฉียบคม
ซ่างหงขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าแผนของพวกเขาจะล้มเหลวอีกครั้งสินะ…
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่? กลับไปเดี๋ยวนี้!” เหมยเชาฟงที่ตั้งตัวได้หลังจากความตกตะลึงรีบเดินไปที่ด้านข้างของจางอวี้และพยายามไล่นางออกไป
ท่าทีดุร้ายของเหมยเชาฟงทำให้จางอวี้ต้องก้มหน้าลงอย่างหวาดกลัวจนตัวสั่น
ฉู่ชูเหยียนก้าวเข้ามาคั่นกลางระหว่างทั้งสองคนทันทีและพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “เจ้ากำลังพยายามข่มขู่ผู้เห็นเหตุการณ์ของข้างั้นเหรอ?”
เหมยเชาฟงเถียงกลับทันที “นางเป็นแค่นางบำเรอของข้า นางจะมาเป็นพยานได้ยังไง!”
“ข้าไม่ใช่นางบำเรอของเจ้า ข้าเป็นภรรยาของถานเว่ย! เจ้าใช้วิธีการที่น่ารังเกียจมาบังคับขืนใจข้า!” จางอวี้มองไปที่เหมยเชาฟงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เหมยเชาฟงรู้สึกตัวชาราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็นจัด สายตาของผู้หญิงตรงหน้านั้นเปลี่ยนไป ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานางยอมจำนนและไม่เคยลังเลที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของเขา เขารู้สึกพึงพอใจมากจนเอาไปคุยโวถึงเรื่องนี้ต่อหน้าเสวี่ยเอ๋อร์ด้วย และยัง…
สิ่งที่นางทำทั้งหมดเป็นการแสดงงั้นเหรอ?
เซี่ยอี้แอบมองซ่างหงและเห็นว่าซ่างหงไม่มีปฏิกริยาอะไรเลย เขาเริ่มรู้สึกสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ “จางอวี้ เจ้าอย่าลังเลที่จะพูดความจริง พวกเราจะช่วยเจ้าให้ได้รับความยุติธรรมอย่างแน่นอน”
จางอวี้เริ่มอธิบายทุกอย่างทั้งน้ำตา
นางกับถานเว่ยเป็นคู่รักกันมาตั้งแต่วัยรุ่น แต่ตระกูลจางของนางคัดค้านความสัมพันธ์ของพวกเขาและดูถูกเหยียดหยามต่อความจนและภูมิหลังที่ดำมืดของถานเว่ย ดังนั้นถานเว่ยจึงเข้าร่วมสำนักดอกบ๊วยด้วยความหวังว่าตัวเองจะยิ่งใหญ่ขึ้น ศัตรูของสำนักที่มีจำนวนมากทำให้เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นชื่อเสียงและเงินทองก็ไหลมาเทมาโดยที่เขาไม่ต้องพยายามเลย
ในที่สุด เมื่อจางอวี้ยืนยันที่จะแต่งงาน พ่อแม่ของนางก็ยอมรับพวกเขาอย่างไม่เต็มใจนัก หนทางความรักที่ยากลำบากทำให้พวกเขายิ่งรักและหวงแหนกันมากขึ้น ชีวิตครอบครัวของพวกเขาสมบูรณ์ไปด้วยความสุข แต่อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าสำนักแห่งสำนักดอกบ๊วยมาเยี่ยมพวกเขาและเกิดหลงใหลในความงามของนาง เขาจึงวางแผนจะลักพาตัวนางซึ่งทำให้ ถานเว่ยโกรธจัด ถานเว่ยพยายามต่อสู้เพื่อภรรยาของตัวเอง แต่ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาแตกต่างกันมาก ท้ายที่สุดถานเว่ยแทบจะเอาชีวิตรอดไม่ได้หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากจางอวี้
เพื่อปกป้องสามี จางอวี้เลือกที่จะลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงเป็นนางบำเรอของเหมยเชาฟง ยอมให้เหมยเชาฟงดูหมิ่นนางในทุกวิถีทางที่เขาต้องการ ที่นางอดทนมาตลอดเพราะเขาสัญญากับนางว่าจะปล่อยถานเว่ยไป
อย่างไรก็ตาม ไม่นานมานี้…นางได้รับข่าวว่าถานเว่ยถูกดอกบ๊วยสิบสองฆ่า นางสิ้นหวังและต้องการจบชีวิตตัวเอง หวังจะไปเจอกับ ถานเว่ยในปรโลก แต่ความโกรธและความขุ่นเคืองได้หยุดนางไว้ นางจะจากไปเฉย ๆ ได้อย่างไร? นางไม่สามารถปล่อยให้ เหมยเชาฟง ลอยนวลจากเรื่องนี้ไปได้นางต้องหาโอกาสล้างแค้น!
นางเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองและเริ่มทำดีเพื่อเอาชนะใจของเหมยเชาฟง นางทำให้เหมยเชาฟงคิดว่านางหลงรักเขาเข้าแล้วจากนั้นเขาจะได้คลายความระมัดระวังต่อนางลง
จริง ๆ แล้วนางแอบรวบรวมหลักฐานการกระทำผิดของเหมยเชาฟง และรอโอกาสที่จะมาถึง เมื่อเช้าวันนี้คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉู่ได้มาเยี่ยมนาง และนางก็รู้ได้ทันทีว่าโอกาสของนางมาถึงแล้ว…
“ไร้สาระ! หญิงสำส่อนคนนี้มายั่วยวนข้าเพราะเห็นว่าข้ามีทั้งอำนาจและเงินทอง ถานเว่ยทนไม่ไหวจึงเลือกที่จะจากไปด้วยความอับอาย ข้าไม่เคยบังคับขืนใจอะไรนางเลย!” เหมยเชาฟงละล่ำละลักอธิบาย
ไม่มีทางที่ซูอันจะพลาดโอกาสทองแบบนี้ “ฮ่า! ผู้หญิงยั่วยวนเจ้า? เจ้าคิดว่าคนหน้าตาอัปลักษณ์อย่างเจ้าน่าพิศวาสเหมือนข้างั้นเหรอ? เจ้าไปหากระจกส่องดูหน้าตัวเองซะก่อน!”
เหมยเชาฟงโกรธจนหน้าแดง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาอยู่ในศาล เขาคงจะพุ่งไปตบหน้าซูอันให้ฟันร่วงสักสามสี่ซี่!
ท่านยั่วยุเหมยเชาฟงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +501!
ตอนนี้เองที่ผางชุนพูดขึ้นเพื่อเตือนว่า “จางอวี้ สิ่งที่เจ้าเพิ่งพูดถึงไม่เกี่ยวข้องกับคดีปัจจุบัน เราจะพิจารณาเรื่องระหว่างเจ้ากับเหมยเชาฟงในภายหลัง”
“ไม่ มันเกี่ยวข้องกับคดีปัจจุบัน!” จางอวี้เงยหน้าขึ้นและพูดเสียงดัง “เมื่อวานนี้เอง ข้าได้ยินเหมยเชาฟงสั่งให้ลูกน้องของเขาปลอมหลักฐานขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายลูกเขยตระกูลฉู่ และเขายังเป็นคนที่ฆ่าดอกบ๊วยทั้งสิบสามอีกด้วย นอกจากนี้เขาเป็นเพียงคนเดียวในสำนักดอกบ๊วยที่สามารถเลียนแบบวิชากระบี่ของสถาบันจันทร์กระจ่างได้”
หลังจากจางอวี้พูดจบก็เกิดความโกลาหลอย่างมาก แม้แต่บรรดาญาติและสหายของดอกบ๊วยสิบสามก็หันมามองเหมยเชาฟงด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“นังบ้า! กล้าดียังไงมาใส่ร้ายข้า!”
1.เสวี่ยเอ๋อร์ ให้ 520 คะแนนความโกรธแค้น หมายถึง ‘ข้ารักเจ้า’ ในภาษาจีน