เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 24 อนาคตภายภาคหน้า (ปลาย)
บทที่ 24 อนาคตภายภาคหน้า (ปลาย)
ทว่าต่อมา เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาอำมหิตที่มองมาทางตน จึงรีบเปลี่ยนน้ำเสียงของเขาทันที “ที่รัก ความจริงข้าไม่รู้เรื่องของนางก็แสดงให้เจ้าเห็นแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าไม่ได้สนใจนางเลยสักนิด? นอกจากนั้น เจ้าก็รู้สถานการณ์ตอนนี้ดี ข้าจะไปหมายปองนางได้ยังไงกัน?”
เมื่อเห็นใบหน้าของมัวหมองของอีกฝ่าย ฉินว่านหรูก็รีบปล่อยมือของนาง “สามีข้าขอโทษ”
ฉู่จงเทียนเพียงส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เป็นข้าเองที่ทำให้เจ้าคิดไปไกล”
เพราะเกลียดที่จะเห็นใบหน้าอันเศร้าหมองของผู้เป็นสามี ฉินว่านหรูจึงรีบถามเปลี่ยนเรื่องว่า “แล้วนี่ชูเหยียนไปไหนแล้ว?”
“นางพาคุณหนูตระกูลเพ่ยไปเที่ยวชมรอบเมืองน่ะ” ฉู่จงเทียนเอ่ยตอบ
ฉินว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วยุ่ง “คนจากตระกูลเพ่ย นางอาจจะอยู่ฝ่ายของราชันลมปราณก็เป็นได้ ข้าอดคิดไม่ได้ว่านางอาจจะมีเจตนาร้ายต่อเรา นางถึงได้มาเลือกเข้าเรียนที่สถาบันจันทร์กระจ่างเช่นนี้”
ฉู่จงเทียนหัวเราะ “วางใจเถอะ! ลูกของเราเป็นคนฉลาด นางรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร”
ฉินว่านหรูส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ “เพ่ยเหมียนหมานอาจจะดูเหมือนเด็ก แต่ข้ามองออกว่านางมีความคิดไม่ต่างจากจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ แถมดวงตาของนางก็ยั่วยวนเหล่าบุรุษที่อยู่รอบ ๆ นางอยู่ตลอดเวลา ข้าไม่ชอบนาง”
นายใหญ่ตระกูลฉู่ระเบิดหัวเราะออกมา “นี่เจ้ากลัวว่านางจะแย่งสามีของลูกของเราอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อนึกถึงใบหน้าไม่เอาถ่านของซูอัน มันก็เป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่ ฉินว่านหรู จะจินตนาการได้ว่า เพ่ยเหมียนหมาน จะอยากได้ตัวลูกเขยที่ไร้ค่าของนางไป นางหัวเราะออกมาและเอ่ยว่า “ข้าจะฉลองหากนางสามารถเอาเจ้านั่นออกจากชีวิตของชูเหยียนได้!”
ฮัดเช่ยยย!
ทันใดนั้นเองซูอันก็จามออกมาเสียงดัง เขาสงสัยจริง ๆ ว่าคุณหนูหรือคุณผู้หญิงคนไหนกำลังคิดถึงเขาอยู่
“นายน้อย ท่านไม่สบายหรือเปล่า? ข้าจะไปหาเสื้อผ้าหนา ๆ มาให้ท่านใส่เดี๋ยวนี้!” เสียงอุทานของใครบางคนดังขึ้นอย่างกระทันหัน และก่อนที่ซูอันจะทันได้มีปฏิกิริยาอะไร เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็นำเสื้อคลุมมาห่มรอบตัวของเขาเสียแล้ว
ซูอันมองดูคนตรงหน้าใกล้ ๆ อย่างมึนงง เด็กตรงหน้าของเขาดูน่าจะอายุประมาณ 14-15 ปีเท่านั้น อีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าสีฟ้า ผมถูกมัดเป็นมวยสองข้างบนศีรษะ ดวงตาของอีกฝ่ายกลมโต ดูอ่อนเยาว์และเชื่อคนง่าย
“ไม่เป็…เดี๋ยวนะ…เจ้าเป็นใครกัน?”
“นายน้อย ข้าได้รับมอบหมายให้มาเป็นสหายที่จะไปเรียนกับท่าน!” เด็กหนุ่มตอบด้วยร้อยยิ้มขี้เล่น
“สหายที่จะไปเรียนกับข้า?” ซูอันมึนงงไปชั่วขณะก่อนที่เขาจะตระหนักได้ว่านี่อาจเกี่ยวข้องกับการที่เขาจะต้องเข้าเรียนที่สถาบันจันทร์กระจ่างก็เป็นได้ เขาก็แค่เข้าไปเรียนในสำนักบ่มเพาะสรรพวิชาของตระกูลเท่านั้น มันจำเป็นจะต้องหาเพื่อนไปเรียนกับเขาเลยอย่างนั้นเหรอ?
ดูเหมือนว่าตระกูลนี้จะร่ำรวยจนใช้เงินแบบไม่ต้องคิดเลยสินะ…ดี เขาชอบ
“เมื่อครู่นี้เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”
“นายน้อย?”
“ข้าไม่ได้ยินเลย พูดดัง ๆ หน่อย!”
“นายน้อย!!” เด็กหนุ่มพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง
“ไม่เลว ๆ ข้าบอกได้เลยว่าอนาคตของเจ้าจะต้องสดใสอย่างแน่นอน!”
ราวกับว่าดอกไม้แห่งความสุขได้เบ่งบานบนใบหน้าของซูอัน ตั้งแต่เขามาถึงโลกนี้ ทุกอย่างก็ดูจะไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการเลยสักนิด เขาอาจจะเป็นลูกเขยของตระกูลฉู่ แต่ก็ไม่มีใครในที่นี้ให้ความเคารพในตัวเขาเลยสักคน แล้วจะนับประสาอะไรกับเรียกเขาว่า ‘นายน้อย’
เพราะว่ามันหายากมากที่จะมีคนปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ ดังนั้นมันจึงทำให้ซูอันรู้สึกอิ่มเอมใจเป็นอย่างมากเมื่อมีคนทำตามที่เขาสั่งเช่นนี้
“เจ้าชื่ออะไร?”
อีกฝ่ายมองหน้าเขาและเอ่ยอย่างกังวลว่า “นายน้อย ข้ามีนามว่าเฉิงโซวผิง”
“ผิงที่มาจากอะไร?” ซูอันคิดว่าชื่อของสหายในการศึกษามักจะมีตัวอักษร ฝู (โชคลาภ) หวาง (เจริญรุ่งเรือง) หรือไม่ก็ไฉ (เงินทอง) ผสมอยู่ในชื่อเสียอีก หรืออย่างน้อยก็น่าจะเป็นชื่อที่จำง่ายอย่าง 9527 ใครเป็นคนตั้งชื่อที่แปลกประหลาดแบบนี้ให้เด็กตรงหน้ากัน?
“เฉิงโซวผิง คำว่า โซวผิง มาจาก ‘ปากที่ปิดแน่นเหมือนกับขวดที่ปิดสนิท’ มันคือชื่อที่เจ้านายคนเก่ามอบให้ข้า!” ขณะที่เอ่ย เด็กหนุ่มก็ยืดอกอย่างภาคภูมิใจ
“ไม่เลว เจ้าได้รับชื่อมาจากนายเก่าของเจ้าซะด้วย” ซูอันไม่ได้คุ้นชินกับธรรมเนียมปฏิบัติของที่นี่นัก แต่เขาคิดว่ามันน่าเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับชื่อจากเจ้านายของตน ยกตัวอย่างเช่น’ เจิ้งเฉิงกง’ ที่อยู่ในโลกก่อนของเขา แต่หลังจากที่อีกฝ่ายได้รับชื่อพระราชทานราชทินนามจากองค์จักรพรรดิ ทุกคนก็เริ่มเรียกเขาว่า ’กั๋วซิ่งเหยีย’ นับแต่นั้นมา
“นายน้อย ท่านชมข้าเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้เจ้านายเก่าของข้าเอ็นดูข้ามากจริง ๆ แต่อยู่ ๆ วันหนึ่งข้าก็ถูกย้ายให้ทำอยู่ในส่วนครัว ตอนแรกข้าคิดว่าตัวเองอาจจะเผลอทำให้นายท่านขุ่นเคืองโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่ตอนนี้ข้าได้ถูกมอบหมายให้เป็นสหายร่วมเรียนของท่าน ข้าจึงเข้าใจแล้วว่าเจ้านายเก่าของข้าทำแบบนั้นเพื่ออะไร เขาคงจะพยายามฟูมฟักข้าผ่านความทุกข์ยากพวกนั้นเพื่อที่ข้าจะได้พร้อมที่จะรับมือกับเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นเมื่อเวลามาถึง!” แววตาเป็นประกายระยิบระยับขณะที่เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวก่อนนะ…” ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซูอันกลับรู้สึกว่ายิ่งเขาฟังเรื่องที่คนตรงหน้าเล่ามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดูแปลกประหลาดมากขึ้นเท่านั้น เขาตระหนักดีว่าคนอื่น ๆ ภายในคฤหาสน์ตระกูลฉู่คิดอย่างไรกับตน แต่คนตรงหน้ายังคงว่ามันคืองานที่มีเกียรติอย่างนั้นเหรอ?
ดูเหมือนว่าไอ้เจ้าเด็กผู้นี้มันค่อนข้างจะไม่ฉลาดเท่าไหร่สินะ
นอกจากนี้ เด็กตรงหน้าบอกว่าเจ้านายเก่าของตนเองเอ็นดูเขามากแท้ ๆ แต่แล้วทำไมเขาถึงถูกย้ายไปทำงานในห้องครัวได้กัน?
อย่างไรก็ตาม ซูอันไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากนัก เขาสนใจเรื่องของตัวเองมากกว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่มาพักหนึ่งแล้ว เจ้าก็น่าจะรู้เรื่องอะไรบ้างใช่หรือเปล่า?”
เฉิงโซวผิงใช้มือทุบอกของตัวเองและเอ่ยว่า “แน่นอน! ตั้งแต่เรื่องของเจ้านายเก่าลงมาจนถึงคนใช้ทุกคนที่ทำงานในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ ไม่มีเรื่องของผู้ใดที่ข้าไม่รู้!”
ซูอันได้วางแผนที่จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์แห่งนี้ เขาเพิ่งมาที่ได้แค่สองวันเท่านั้น แต่กลับมีคนจำนวนมากที่วางแผนที่จะให้เขาตาย และสิ่งที่ทำให้แย่กว่าเดิมก็คือ เขาไม่รู้เลยว่าปัญหามันเกิดจากอะไร ซึ่งมันทำให้เขาตระหนักอยู่ตลอดว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไปว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดตระกูลฉู่จึงเลือกข้ามาเป็นบุตรเขยของพวกเขา?”
นี่คือสิ่งเดียวที่เขาสงสัยมาตลอด ฉู่ชูเหยียน ตั้งแต่พื้นเพไปจนถึงรูปลักษณ์ของนางนั้นไร้ที่ติ
ในขณะที่ซูอัน ไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็เป็นเพียงแค่ขยะไร้ค่าชิ้นหนึ่งเท่านั้น เส้นทางชีวิตของพวกเขาทั้งคู่ไม่น่าจะสามารถมาบรรจบกันได้ ทว่าเหตุการณ์กลับพลิกผันอย่างน่าพิศวง พวกเขาได้เป็นสามีภรรยาของกันและกัน ดูยังไงมันก็น่าสงสัยเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ได้ยินคำถามของซูอัน เฉิงโซวผิงก็มองเขาด้วยสายตางงงัน “ไม่ใช่เพราะใบหน้าที่หล่อเหลาของท่านหรอกหรือ?”
ดวงตาของซูอันขยายใหญ่ขึ้น ดูเหมือนว่าไอ้เจ้าเด็กนี่จะได้ไหวพริบในการพูดจาไร้สาระจากเขาไปเสียแล้ว “แค่ก แค่ก ที่เจ้าว่ามาก็สมเหตุสมผลอยู่ แต่มันไม่มีเหตุผลอื่นอยู่เบื้องหลังเลยอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่มีเลยสักนิด ที่คุณหนูเลือกนายน้อยก็เพราะว่าใบหน้าอันหล่อเหลาของท่าน”
ลึก ๆ ภายในใจของ เฉิงโซวผิงเขาคิดกับตัวเองว่า ‘นี่ท่านไม่รู้ตัวเลยอย่างนั้นหรือ? มันไม่มีสิ่งใดในตัวท่านที่สามารถพูดได้ว่าเป็นจุดแข็งเลยเว้นแต่ใบหน้าของท่าน!’ แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้เศษเสี้ยวความคิดพวกนี้แสดงออกบนใบหน้าของตัวเอง เขาทำสีหน้าให้ดูจริงจังมาที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เจ้าจะบอกว่าคุณหนูของเจ้าเป็นคนเลือกข้าด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ?” ซูอันจับประเด็นสำคัญจากคำพูดของอีกฝ่ายได้อย่างชาญฉลาด
“สิ่งที่ท่านพูดนั้นถูกต้องแล้ว นายหญิงไม่พอใจเป็นอย่างมากกับการตัดสินใจของคุณหนู และได้ขอให้คุณหนูตัดสินใจใหม่อีกครั้ง” เฉิงโซวผิงเอ่ยตอบ
ซูอันที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไรที่ไม่จำเป็นให้ข้าฟังก็ได้”
ตอนแรกเขาคิดว่าฉู่ชูเหยียนถูกบังคับให้ต้องแต่งงานกับเขาเพราะความต้องการของบิดามารดาเสียอีกและด้วยเหตุผลนี้มันพอจะอธิบายได้ว่าทำไม ฉินว่านหรู ถึงไม่ชอบขี้หน้าเขาสักเท่าไหร่
ถ้างั้นเหตุใดฉู่ชูเหยียนถึงเลือกให้เขามาเป็นสามีของนางกันแน่? แน่นอนว่ามันน่าจะไม่ใช่แค่เพราะเรื่องหน้าตาหรอกจริงไหม ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ตัวดีว่าตัวเองหล่อมากก็ตาม!