เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 240 โอกาสสุดท้าย
บทที่ 240 โอกาสสุดท้าย
เหมยเชาฟงรู้สึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้กำจัดจางอวี้ทิ้งเสีย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ อย่างไรก็ตาม หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็คงจะไม่ฆ่าจางอวี้ เพราะเขาไม่เคยเบื่อหน่ายหญิงมีเสน่ห์เช่นนาง
จางอวี้เลือกที่จะเพิกเฉยต่อเหมยเชาฟงและให้การต่อ “นอกจากนี้ การตายของใต้เท้าหยางเว่ยก็ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเขาเช่นกัน โดยคำสั่งของผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง ”
ทุกคนตกใจที่ได้ยินคำให้การของจางอวี้ ภรรยาของหยางเว่ย พุ่งไปหา เหมยเชาฟงอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ถูกหยุดไว้โดยเจ้าหน้าที่ศาล
ฝูงชนก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน ถึงยังไม่มีหลักฐานอะไรที่เป็นรูปธรรม แต่พวกเขาพากันเชื่อในคำพูดของจางอวี้แล้ว การที่เหมยเชาฟงสังหาร ถานเว่ยและแย่งชิงภรรยาของผู้อื่นนั้นเลวร้ายมากจนทำให้ฝูงชนโกรธเคือง
“นังขยะชั้นต่ำนั่น!” ซือคุนจะไม่รู้สึกโกรธเคืองได้ยังไง เมื่อครู่เขายังสะใจกับการเห็น ซูอันถูกประนามว่าเป็นฆาตกรอยู่เลย แต่แผนการของพวกเขากลับถูกทำลายไปเพราะกะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว!
“นายน้อยโปรดอย่ากังวล ไม่มีทางที่จางอวี้จะรู้จักตัวตนของท่าน นอกจากนี้ เหมยเชาฟงคงไม่กล้าซัดทอดมาถึงท่าน” ซือเล่อจื่อส่งเสียงผ่านพลังชี่ไปยังซือคุนเพื่อปลอบประโลมเขา
“ฮึ่ม!” ซือคุนคำรามในลำคอ แต่คำพูดของซือเล่อจื่อทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย
เซี่ยอี้ตบโต๊ะอีกครั้งก่อนออกคำสั่ง “จับกุมเหมยเชาฟงและพยานทุกคนที่กล่าวหาซูอัน ในข้อหาฆาตกรรมก่อนหน้านี้มาสอบปากคำทั้งหมด! ข้าขอรับรองว่าจะให้ความยุติธรรมแก่ผู้ที่สูญเสีย และให้ผู้ตายได้นอนตาหลับ!”
เหมยเชาฟงมีอิทธิพลในโลกใต้ดินมาหลายปี ดังนั้นผู้คุมในห้องพิจารณาคดีจึงไม่ถือเป็นอะไรกับเขาเลย ความคิดแรกที่ผ่านมาในหัวของเขาคือการหนีไป แต่เขาก็หยุดความคิดนั้นทันที เหตุเพราะซ่างหง เจ้าเมืองเซี่ยและอ๋องฉู่ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน แม้แต่รองผู้พิพากษาผางก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาแต่อย่างใด ไม่มีทางที่เขาจะหนีไปได้ หากเขาพยายามที่จะทำอย่างนั้นมันก็ยิ่งเป็นการยืนยันคำพูดของจางอวี้ให้เป็นจริงยิ่งขึ้น
ถ้าเขาตั้งสติสักนิด อาจยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์กลับได้ เขาพอจะมีความสัมพันธ์กับคนใหญ่โตอยู่บ้าง และนายน้อยซือที่มีอำนาจอันยิ่งใหญ่อยู่ในมือก็เหมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว
ด้วยความคิดเช่นนี้ เขาจึงเลิกดิ้นรนและยอมให้เจ้าหน้าที่ใส่กุญแจมือ
ในขณะที่เขากำลังทบทวนส่วนได้เสีย จู่ ๆ ซูอันก็เดินมาหาเขาด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “เจ้าว่าแปลกไหม เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว เจ้ายังพยายามจะใส่กุญแจมือข้าอยู่เลย แต่ตอนนี้กุญแจมือกลับใส่อยู่ที่เจ้าซะแล้ว โลกนี้มันก็ลึกลับดีนะว่าไหม?”
“ไอ้เลวซูอัน! อย่าทำตัวปากดีให้มากนัก เจ้าไม่โชคดีแบบนี้ไปตลอดชีวิตแน่ แค่เจ้าพลาดเมื่อไหร่ก็จบ!” เหมยเชาฟงถ่มน้ำลายอย่างโกรธจัด
ด้วยอิทธิพลของตระกูลซือ ซือคุนสามารถวางแผนฆ่าซูอันได้เป็นร้อยรอบ แม้ว่าซูอันจะโชคดีรอดไปได้ 99 รอบ แต่ถ้าครั้งที่ร้อยโชคไม่ดี มันก็ต้องตายในที่สุด
ท่านยั่วยุเหมยเชาฟงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +998!
“น่าเสียดายที่เจ้าจะไม่ได้อยู่เห็นวันนั้น” ซูอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ความผิดฐานฆ่าข้าราชสำนักรวมถึงคดีฆาตกรรมอื่น ๆ ที่เขาทำและการกระทำเลวร้ายอื่น ๆ ที่เขาก่อขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้ก็มากเกินพอที่จะทำให้เขาถูกประหารชีวิตเป็นร้อยครั้ง
“ซูอัน ถ้าข้าจะลงนรก ข้าก็จะลากเจ้าไปด้วย!”
เสียงตะโกนของเหมยเชาฟงขณะที่ถูกลากออกไป ยังได้ยินจากที่ไกลๆ
ซูอันส่ายหัว เขากำลังจะยั่วยุซือคุนต่อเพื่อสะสมคะแนนความโกรธแค้นให้มากขึ้น แต่ซือคุนกลับหายไปแล้ว ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการอยู่ต่อหลังจากเห็นว่าแผนใส่ร้ายของเขาล้มเหลว
ต่อจากนั้น เซี่ยอี้ได้สั่งให้ทหารบางส่วนไปเฝ้าพิทักษ์ฝ่ายจางอวี้เพื่อปกป้องนางในฐานะพยานคนสำคัญ
เมื่อพิจารณาคดีเสร็จ ฝูงชนค่อย ๆ แยกย้ายกันไป แต่เรื่องราวความตื่นเต้นที่ได้รับในวันนี้ยังคงทำให้พวกเขาคึกคัก เรียกได้ว่าในอีกไม่กี่วัน ทุกคนในเมืองจันทร์กระจ่างจะรู้ทุกรายละเอียดของการพิจารณาคดีแน่นอน
ก่อนที่ซ่างหงจะจากไป เขามองฉู่จงเทียนเป็นเวลานานก่อนที่จะกล่าวว่า “อ๋องฉู่ เจ้าทำให้ข้าประทับใจจริงๆ”
“เจ้าประทับใจข้า? เพราะอะไร?” ฉู่จงเทียนถามกลับ
ซ่างหงเหลือบมองซูอันก่อนอธิบายว่า “ข้าประทับใจสายตาที่เฉียบคมของเจ้า ในขณะที่ทุกคนดูถูกเขา เจ้าเลือกที่จะรับเขามาเป็นลูกเขยของเจ้า ดูเหมือนว่าความสามารถในการดูคนของเจ้าจะเหนือกว่าข้ามาก!”
ฉู่จงเทียนรับคำชมอย่างยินดีและตอบว่า “ผู้ตรวจการซ่าง ชมข้ามากเกินไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ!”
หลังจากนั้นทั้งสองก็แยกกันไปตามทางของตัวเอง
ขณะกลับไปที่ตระกูลฉู่ ฉู่ชูเหยียนได้ยิงคำถามใส่ซูอันไม่หยุด “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าจางอวี้จะช่วยเจ้า?”
ซูอันยิ้มในขณะที่เขาอธิบาย “จริง ๆ แล้ว ข้าได้พบกับถานเว่ยระหว่างการเดินทางออกจากเมือง ข้ารู้มาว่าเขามีเงินจำนวนหนึ่งซ่อนอยู่ที่กำแพงบ้านของเขา ตอนนั้นข้ายังค่อนข้างยากจน และเขาได้ตายไปแล้ว ข้าเลยคิดว่าจะเอาเงินของเขามาใช้เองแต่ข้าดันไปเห็นจางอวี้แอบแสดงความเคารพต่อสามีที่เสียชีวิตของนางอยู่ในบ้าน”
“ในตอนนั้นข้าก็นึกขึ้นมาได้ถึงเรื่องที่จางอวี้เต็มใจที่จะเป็นคนรักของเหมยเชาฟงอาจเป็นเรื่องโกหก การแสดงความเคารพต่อสามีผู้ล่วงลับแสดงให้เห็นว่านางรักสามีมาก และการที่นางต้องทำอย่างลับ ๆ แสดงว่านางพยายามปกปิดมันจากสำนักดอกบ๊วย เมื่อรวบรวมเบาะแสเหล่านี้ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ข้าก็สามารถเข้าใจเจตนาของนางได้คร่าว ๆ ข้าจึงได้ขอให้เจ้าไปพานางมา”
“ด้วยศักดิ์ศรีและฐานะคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่น่าจะสามารถโน้มน้าวให้นางเคลื่อนไหวได้”
ฉู่ชูเหยียนรู้สึกชื่นชมจางอวี้ “นางเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งจริง ๆ เพื่อล้างแค้นแทนสามีของนาง นางจึงยอมทนความอัปยศอดสูรับใช้เหมยเชาฟง ดีจริง ๆ ที่ท้ายที่สุดการเสียสละของนางก็ไม่สูญเปล่า”
“ใช่ นางเป็นคนที่ควรค่าแก่การชื่นชม” ซูอันพยักหน้าเห็นด้วย “ว่าแต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับข้าบ้าง เจ้าจะยอมสละทุกอย่างและล้างแค้นเพื่อข้าหรือเปล่า?”
ฉู่ชูเหยียนกลอกตา “เจ้าเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่าคนดีมักตายก่อนเวลาอันควร แต่พวกคนเลวกลับอยู่ได้เป็นศตวรรษไหม? ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าจะมีอะไรเกิดกับเจ้าได้บ้าง?”
“ฮ่า ๆ ข้าดีใจที่เจ้าคิดเรื่องข้ามากขนาดนี้” ซูอันหัวเราะ
อาการชื่นมื่นของซูอัน ทำให้ฉู่ชูเหยียนอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ นี่ข้าไม่ได้ชมเจ้า!
“พูดถึงเรื่องนั้น เจ้าบอกว่าเจ้าจะเอาเงินของถานเว่ยมาใช้งั้นเหรอ? จางอวี้ก็น่าสงสารพออยู่แล้ว เจ้าคงจะไม่เอาเงินเก็บของสามีนางมาใช้เองหรอกใช่ไหม?”
“ไม่แน่นอน” ซูอันตอบ “ข้าให้เงินกับนางทันที มิฉะนั้นข้าจะมั่นใจได้ยังไงว่าครั้งนี้นางจะช่วยข้า?”
“ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่ได้เลวร้ายจนถึงขีดสุด” แม้ว่านางจะพูดจารุนแรงเล็กน้อย แต่มุมปากของนางกลับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น นางพอใจกับน้ำใจของซูอันที่มีต่อผู้อื่น
ทันใดนั้นซูอันก็ตระหนักถึงปัญหาใหม่ ถ้าเหมยเชาฟงตายไปสำนักดอกบ๊วยจะไม่พังไปด้วยเหรอ? ถ้าอย่างนั้น ตั๋วหนี้ 7,500,000 ตำลึงจากสำนักดอกบ๊วยจะไม่กลายเป็นตั๋วหนี้เปล่างั้นเหรอ?
โชคดีที่ข้าบริจาคเงินให้สถาบันจันทร์กระจ่างไปก่อนหน้านี้แล้ว โอ้ เรื่องนี้มันกลายเป็นปัญหาของเจียงลั่วฝูไปแล้วสินะ…
…
เมืองจันทร์กระจ่างยามค่ำคืน เหมยเชาฟงที่อยู่ในหยาเหมินกำลังนั่งสงบสติของตัวเองแต่แล้วจู่ ๆ เขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งและลืมตาขึ้นมา
เขาได้ยินเสียงร้องโอดโอยอยู่ไม่ไกล มันเป็นเสียงของผู้คุมเรือนจำที่เฝ้าห้องขังอยู่
ในไม่ช้าร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น จากนั้นก็ใช้กุญแจที่ได้มาจากผู้คุมเรือนจำไขประตูห้องขังของเขา
“ผู้อาวุโสซือ!”
แม้ว่าร่างนั้นจะปกปิดตัวตน แต่เหมยเชาฟงก็ยังจำอีกฝ่ายได้
“นายน้อยส่งข้ามาที่นี่เพื่อพาเจ้าออกไป” ซือเล่อจื่อตอบ
เหมยเชาฟงขมวดคิ้ว “พวกเราจะหนีอย่างนั้นเหรอ? นั่นจะไม่เท่ากับว่าข้ายอมรับผิดเหรอ?”
“เจ้ายังฝันว่าจะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์อีกเหรอ? เจ้าน่าจะรู้ก่อนหน้านี้ว่าควรเก็บพวงใต้หว่างขาของเจ้าไว้ให้ดี!” ซือเล่อจื่อพูดเสียงดัง
“นังนั่น! ข้าจะฆ่านาง!” เหมยเชาฟงคำรามอย่างโกรธแค้น
“จางอวี้อยู่ในความคุ้มครองของจวนท่านเจ้าเมือง เจ้าเลิกคิดไปได้เลยเรื่องที่จะแตะต้องนาง!” ซือเล่อจื่อตอบ
“นายน้อยมอบหมายให้ข้าช่วยเจ้าเพื่อให้โอกาสครั้งสุดท้ายตราบใดที่เจ้าสามารถกำจัดซูอันได้ นายน้อยจะส่งเจ้าไปยังเมืองอื่นที่เจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระต่อไป ไม่เช่นนั้น… เจ้าน่าจะรู้ดีกว่าใคร ๆ ว่าคนไร้ประโยชน์อยู่ต่อไปก็ไม่มีความหมาย!”