เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 257 ฆ่าล้างฝ่ายเดียว
ซูอันมองลูกธนูที่ปักอยู่กับพื้นด้วยความสงสัย เขาได้ปะทะกับผีดิบชาวบ้านมาก่อน ถึงแม้จะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถฆ่ามันได้แม้แต่ตัวเดียว ทว่าลูกธนูเหล่านี้กลับสามารถทำอันตรายมันได้อย่างยิ่งยวดซะงั้น?
ทหารนักธนูผีดิบแข็งแกร่งเกินไปหรือลูกธนูมีสารพิเศษบางอย่างเคลือบไว้หรือไม่?
ในไม่ช้าผีดิบของทั้งสองฝ่ายก็เริ่มปะทะกัน การจู่โจมของเหล่าอัศวินนั้นทรงพลังเกินไป ผีดิบชาวบ้านที่มีแต่อาวุธที่ทรุดโทรม ไม่อาจหยุดพวกมันได้เลย ในชั่วพริบตา อัศวินผีดิบทำลายแนวรบของผีดิบชาวบ้านจนเป็นช่องโหว่กว้างและจากนั้นพวกมันตีตลบหลังกลุ่มผีดิบชาวบ้านอีกรอบอย่างรุนแรง
ด้วยการโจมตีประสานล้อมหน้าหลัง จำนวนของผีดิบชาวบ้านที่ถูกสังหารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นเท่าทวีคูณ
“นี่มันเป็นการฆ่าล้างอยู่ฝ่ายเดียว!” ซูอันรู้สึกตกใจ ผีดิบชาวบ้านที่เคยปิดล้อมเขามาจนมุมที่นี่ ไม่อาจเทียบได้เลยกับผีดิบทหาร!
ผีดิบชาวบ้านพยายามใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบเชิงปริมาณในการรุมศัตรู แม้ว่าร่างกายของพวกมันจะถูกผ่าเป็นสองซีก พวกมันยังคงต่อสู้กับผีดิบทหารต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกมันจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะสิ้นใจ น่าเสียดายที่ความดื้อรั้นของพวกมันไม่สามารถทดแทนข้อเสียเปรียบทางด้านความแข็งแกร่งและอุปกรณ์ได้
ในไม่ช้าก็ไม่เหลือผีดิบชาวบ้านที่ยังคงยืนหยัดได้ ร่างกายของพวกมันถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระจัดกระจายไปทั่วสนามรบ
แม่ทัพผีดิบสำรวจสนามรบก่อนที่จะมาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ที่ซูอันหลบอยู่
ซูอัน หายใจช้าลงจนเกือบจะหยุดนิ่ง เขากลัวที่จะส่งเสียงดังออกมาแม้เพียงน้อยเพราะกลัวว่าแม่ทัพผีดิบจะสังเกตเห็นเขา เขาเกือบเสียชีวิตมาแล้วจากการรับมือกับผีดิบชาวบ้านเหล่านั้น แต่กับกองทัพผีดิบกลุ่มนี้ เขาแทบไม่มีโอกาสรอดเลย
โชคดีที่ต้นไม้นี้ค่อนข้างสูงและแม่ทัพผีดิบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง
ยิ่งไปกว่านั้น ผีดิบชาวบ้านได้กัดกินหนูปีศาจขนทองสองสามตัวไว้ข้างใต้ก่อนหน้านี้ ทำให้มีกลิ่นเหม็นของเลือดและเนื้อไปทั่วบริเวณ มิฉะนั้น กลิ่นของเขาในฐานะคนที่ยังมีชีวิตอยู่คงจะดึงดูดความสนใจของผีดิบทหารได้อย่างแน่นอนไม่ว่าเขาจะพยายามซ่อนตัวอย่างไร
แม่ทัพผีดิบสำรวจสนามรบไปเรื่อย ๆ เพื่อหาผู้รอดชีวิต มันกระทืบซากร่างของผีดิบชาวบ้านอย่างไร้ความปราณี และเมื่อหลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้รอดชีวิต มันก็โบกมือก่อนที่จะมีเสียเป่าแตรเขาสัตว์ดังก้องกังวาน ซึ่งหลังจากนั้นพวกทหารผีดิบก็ตั้งแถวอย่างรวดเร็วและเดินกลับไปยังเส้นทางที่พวกมันเคยออกมา
“โว้ว มีสัญญาณถอยทัพด้วย!” ดวงตาของซูอันเกือบจะถลนออกมาจากเบ้า ผีดิบเหล่านี้มีความเป็นมืออาชีพมากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
หลังจากที่ทหารผีดิบเดินห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ ในที่สุดซูอันก็กระโดดลงมาจากต้นไม้ เมื่อมองดูซากแขนขาของผีดิบชาวบ้านที่หักกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ แก้มของเขาเริ่มกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ ถ้าจี้เสี่ยวซี อยู่ที่นี่ นางคงจะอาเจียนออกมาหมดแน่!
“สู้มาแทบตายแต่ข้ากลับไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย!” ซูอันกัดฟันด้วยความหงุดหงิด
ข้าเกือบเสียชีวิตหลายครั้ง แต่ข้าไม่ได้อะไรเลย หากเป็นในเกม สัตว์ประหลาดชั้นต่ำอย่างผีดิบก็ยังดรอปเหรียญทองและอาวุธ!
หืม? เดี๋ยวนะ แม้ว่าจะไม่มีเหรียญทอง แต่บนพื้นก็มีอาวุธตกอยู่บ้างนี่นา?
ซูอันสำรวจสนามรบอย่างรวดเร็ว เขาเพิกเฉยต่ออาวุธของเหล่าผีดิบชาวบ้านจำพวกจอบ เสียม หรือเครื่องมือทำการเกษตรต่าง ๆ เพราะเขาไม่ต้องการใช้อาวุธที่มันดูกระจอก ๆ สำหรับเขามีเพียงอาวุธที่งดงามเท่านั้นที่เหมาะกับรสนิยมอันสูงส่งของเขา!
เขาจำได้ว่ามีผีดิบชาวบ้านสองสามตัวที่ถือดาบและกระบี่ ดังนั้นเขาจึงเริ่มตระเวนไปทั่ว อย่างไรก็ตาม…ท้ายที่สุดความพยายามของเขาก็ไร้ประโยชน์เพราะเขาไม่สามารถหาอาวุธที่เหมาะสมได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว ดาบและกระบี่ของผีดิบชาวบ้านอยู่ในสภาพแตกหักจากการปะทะกับอาวุธที่แข็งแกร่งกว่าของกองทัพผีดิบ
ถ้าเพียงแต่เขาสามารถหาอาวุธอย่างที่กองทัพผีดิบใช้อยู่ได้…
น่าเสียดายที่กองทัพผีดิบได้นำซากและอาวุธของพวกเดียวกันกลับไปด้วยตอนที่พวกมันสำรวจสนามรบก่อนหน้านี้
พูดถึงเรื่องนี้ในเมื่อผีดิบคือคนที่เคยตายมาก่อนแล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกมันต้อง ‘ตาย’ อีกครั้ง?
จากนั้นซูอันก็สะดุดอะไรบางอย่าง ทำให้เสียหลักไปเล็กน้อยข้างหน้า เขารักษาสมดุลอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหันกลับไปมอง เอ๊t? มันเป็นลูกธนูสีดำสนิท ไม่ใช่ลูกธนูที่ผีดิบชาวบ้านยิงใส่เขาก่อนหน้านี้
“อาวุธจากกองทัพผีดิบ!”
ซูอันคิดเกี่ยวกับห่าฝนลูกธนูที่สามารถทำลายล้างฝูงผีดิบชาวบ้านได้อย่างง่ายดาย ซึ่งแม้แต่เขายังไม่สามารถฆ่าพวกมันได้แม้แต่ตัวเดียว เห็นได้ชัดว่าลูกธนูเหล่านี้ไม่ธรรมดาแน่นอน!
ลูกธนูส่วนใหญ่ของกองทัพผีดิบทหารถูกพวกมันเก็บกลับคืนไปจนเกือบหมด แต่อย่างไรก็ตามด้วยจำนวนลูกธนูอันมากมายที่พวกมันยิงออกมา มันก็มีบ้างที่พวกมันจะพลาดมองไม่เห็นในบางดอกและไม่ได้เก็บกลับไป
ซูอันตระเวนสำรวจพื้นที่อย่างรวดเร็ว และในที่สุดเขาก็พบลูกธนูเจ็ดดอก
เพียงแค่ถือลูกธนูเหล่านี้ไว้ในมือ เขาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกจับใจจนน่าขนลุก พวกมันต้องเป็นลูกธนูที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ข้าสงสัยว่ามันจะมีประสิทธิภาพมากแค่ไหนเมื่อใช้กับมนุษย์?” ซูอัน ไม่ชำนาญในการยิงธนู แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่ ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา เขาสามารถเขวี้ยงมันได้เหมือนพุ่งแหลน
หลังจากพบว่าไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว ซูอันก็รีบกลับไปยังที่ที่เขาจากมา เขากังวลว่าในขณะนี้จี้เสี่ยวซีเป็นอย่างไรบ้าง?
เขารีบกลับไปที่ต้นไม้ที่ทั้งสองแยกจากกัน แต่เมื่อไปถึงเขากลับไม่เห็นเงาของจี้เสี่ยวซีแม้แต่น้อยดังนั้นเขาจึงรีบค้นหาไปทั่วบริเวณด้วยอาการตื่นตระหนก แต่เมื่อไม่พบทรัพย์สินใด ๆ ของนางตกหล่นในพื้นที่ เขาก็โล่งใจเพราะมันหมายความว่านางน่าจะออกจากหุบเขาได้อย่างปลอดภัยไปแล้ว…
ความคิดแรกของเขาคือรีบวิ่งออกจากหุบเขาบ้านี่เพื่อตามหานาง แต่เมื่อคิดถึงว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้วตั้งแต่ที่พวกเขาจากกัน ถ้าตามนางไปตอนนี้ก็คงไม่ทันแน่นอน นอกจากนี้ มิติลับจะเปิดแค่เพียงสิบวันเท่านั้น เขายังต้องหาดอกบัวเร้นลักษณ์ ดังนั้นเวลาจึงมีค่าสำหรับเขามากเช่นกัน
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ซูอันก็ตัดสินใจเดินมุ่งหน้าเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาต่อไป
แม้ว่าเขาจะเดาได้ว่าด้านในจะต้องมีอันตรายซ่อนอยู่มากมาย แต่จากความรู้ที่เขาได้รับในการอ่านนิยายแฟนตาซีมากมายในชีวิตก่อนหน้านี้ เขารู้ว่าสัตว์อสูรระดับสูงมักจะมาพร้อมกับสมบัติล้ำค่าเหนือจินตนาการ เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของกองทัพผีดิบ เป็นไปได้ไหมว่าพวกมันอาจจะครอบครองหรือพิทักษ์สมบัติล้ำค่าที่น่าอัศจรรย์บางอย่างอยู่?
เพื่อประโยชน์ของ ‘ซูอันน้อย’ เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะเผชิญอันตรายครั้งนี้!
ดังนั้นเขาจึงกัดฟันและเริ่มเดินเข้าไปยังส่วนลึกของหุบเขาด้วยความระมัดระวัง เขาพร้อมที่จะเรียกจ้าววายุหนีหากมีอันตรายใด ๆ เข้ามา
น่าประหลาดใจที่หุบเขาแห่งนี้เงียบสงบอย่างผิดปกติ บางทีอาจเป็นเพราะการจู่โจมของกองทัพผีดิบก่อนหน้านี้ ทำให้ไม่มีสัตว์อสูรดุร้ายหรือผีดิบตลอดทาง
แม้จะไม่เห็นวี่แววของผีดิบทหารแต่ซูอันไม่ได้กังวลว่าจะหลงทาง เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหนาวเหน็บอย่างน่าขนลุกที่ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งยังคงมีกลิ่นอายของกองทัพผีดิบหลงเหลืออยู่
ตราบใดที่เขาติดตามกลิ่นอายนี้ไปเรื่อย ๆ เขาน่าจะสามารถค้นหาฐานที่มั่นของพวกมันได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเข้าใกล้พวกมันมากเกินไป
เขาไล่ตามกลิ่นอายของกองทัพผีดิบต่อไปประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนจะหยุดลงทันทีเมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นข้างหน้าเขา จากนั้นเขาจึงชะลอฝีเท้าและก้าวเดินอย่างระมัดระวัง ในไม่ช้า เขาก็มองเห็นกองทัพผีดิบ…
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผีดิบทหารที่เขาเจอกลับเดินตรงไปที่เนินเขาข้างหน้าพวกมันโดยไม่หยุดและจากนั้นจู่ ๆ ร่างของพวกมันก็หายวับไปในวินาทีที่พวกมันเดินชนเข้ากับเนินเขานั่น!