เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 265 หญิงสาวหน้าคุ้น
ซูอันนึกไปถึงแจ็ค หม่า ผู้สร้างอาลีบาบา และหวังเจี้ยนหลิน เจ้าพ่อบริษัทอสังหายักษ์ใหญ่ของจีน เมื่อเห็นทักษะ ‘เป็นมิตรกับเศรษฐี’
อืม…ถ้าข้ารวยอย่างพวกเขาทักษะนี้มันคงเป็นทักษะในฝันของข้าเลยใช่ไหม?
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาคิดดูดี ๆ ทักษะ ‘เป็นมิตรกับเศรษฐี’ ถึงแม้จะไม่มีการจำกัดการใช้งาน แต่จริง ๆ แล้วข้อจำกัดในการใช้ของมันนั้นยากพอดูเพราะต้องใช้เงินจำนวนมาก!
แต่แล้วเมื่อเขาลองอ่านอย่างละเอียดอีกที เขาก็สังเกตเห็นว่าเงื่อนไขการใช้ของมันนั้นอธิบายค่อนข้างคลุมเครือ 100,000,000 เหรียญดูเหมือนจะหมายถึงเหรียญทองแดง ซึ่งหมายความว่าถ้าใช้ตำลึงเงินมันก็จะเท่ากับแค่ 100,000 ตำลึงเงินเท่านั้น อืม…ฟังดูไม่มากเกินเท่าไหร่
ปัจจุบันเขามีเงินอยู่ 650,000 ตำลึงเงิน และบ่อนสี่สมุทร ยังคงเป็นหนี้เขาอีก 500,000 ตำลึงเงิน โดยรวมแล้วเขาจะสามารถใช้ความสามารถได้หกครั้ง
หากใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ พวกเขาคงจะสาปแช่งอย่างแน่นอน 100,000 ตำลึงเงินเป็นจำนวนเงินมหาศาลอย่างแน่นอน ต้องรู้ว่าแม้แต่กลุ่มพ่อค้าที่ร่ำรวยในโลกนี้ก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีกหากจะใช้จ่ายเป็นจำนวนเงิน 100,000 ตำลึงเงินในคราวเดียว
ตอนนี้ ซูอันกำลังพิจารณาปัญหาอื่นอยู่ และนั่นคือผลของทักษะหลังจากใช้เงินไป รายละเอียดในส่วนนี้ของทักษะกลับขาดหายไป มันเพียงบอกว่าเขาสามารถเปลี่ยนเป้าหมายให้เป็นเพื่อนได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง อย่างไรก็ตาม บนโลกนี้มีเพื่อนอยู่หลายประเภทเช่นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายหรือเพื่อนที่รีบหนีเมื่อภัยมา ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าผลของทักษะจะมีประสิทธิภาพเพียงใด
ตัวอย่างเช่น ถ้าข้าลองใช้ทักษะนี้กับเจียงลั่วฝู นางจะกลายเป็นเหมือนหนังเรื่อง ‘เพื่อนกันมันส์กระจาย’ หรือเปล่า?
ซูอันรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขายังอยู่ในสภาพที่ถูกผนึก ไม่สามารถใช้งานซูอันน้อยได้!
ลำดับความสำคัญของข้าตอนนี้ควรจะไปหาดอกบัวเร้นลักษณ์ก่อน เลิกคิดฟุ้งซ่านได้แล้ว!
เขายังคงสุ่มรางวัลต่อไป แต่เขาไม่ได้รับสิ่งอื่นที่ควรค่าแก่การสนใจ เขาได้รับแค่เพียงผลไม้พลังชี่อีก 70 ผลและเมื่อรวมกับที่ได้ในตอนแรก สรุปแล้วเขาได้ผลไม้พลังชี่ ทั้งหมด 156 ผลซึ่งหลังจากกินพวกมันทั้งหมด เขาก็เหลือแค่ต้องกินผลไม้พลังชี่อีก 77 ผลเพื่อเติมเต็มอักขระตัวที่สี่ให้เต็ม
ถึงแม้ว่าความเร็วในการบ่มเพาะของเขาจะช้าลงอย่างมากช่วงหลังนี้ แต่มันก็ยังเร็วกว่าผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ในโลกนี้มาก คนอื่น ๆ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปีในการบ่มเพาะอย่างหนักเพื่อที่จะมาถึงระดับเดียวกับเขาในขณะที่เขาใช้เวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น
นอกจากนี้ ระดับการบ่มเพาะของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมากทุกครั้งที่เขาถูกทุบตีเพราะวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ ซึ่งหมายความว่าใช้เวลาเพียงไม่นานเขาจะทันกับคนอื่น ๆ ที่บ่มเพาะก่อนหน้าเขาเป็นสิบปี
หากคนอื่นรู้ความลับของเขา พวกเขาคงจะอิจฉาริษยาและค้นหาความลับในการบ่มเพาะของเขาอย่างบ้าคลั่ง
ซูอันรู้ว่ามันเสี่ยงเช่นกัน แต่เขาก็จำเป็นต้องยอมเสี่ยงเพราะเขาตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกและนั่นคงเป็นไปไม่ได้หากเขาไม่พึ่งพาระบบคีย์บอร์ดและวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ!
หลังจากพักผ่อนได้พักใหญ่ ซูอันก็รู้สึกว่าเขาอาการดีขึ้นมาก ดังนั้นเขาจึงออกจากป่าเพื่อตามหาจี้เสี่ยวซีอีกครั้ง อารมณ์ของเขาค่อนข้างดีจากการได้รับอุปกรณ์และทักษะมาอย่างละหนึ่งจากการสุ่มรางวัล
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาเดินออกจากป่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งค้าง ขนลุกไปทั้งตัว หัวใจเริ่มเต้นแรงด้วยความประหม่า
มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดสีเขียวอยู่ข้างหน้าเขา นางมีรูปร่างผอมเพรียวและทรวดทรงองค์เอวที่เย้ายวนชวนหลงใหล สายลมบางเบาพัดผ่านจนทำให้กระโปรงของนางพลิ้วไหว ใบหน้าของนางถูกซ่อนอยู่หลังผ้าปิดหน้าที่ดูลึกลับ
หากเป็นชายคนอื่น ๆ คงจะยินดีที่ได้พบเจอหญิงสาวที่สวยงามเช่นนี้กลางป่าเขา แต่สำหรับซูอัน เขาไม่มีอารมณ์ที่จะชื่นชมกับความงามของนางแม้แต่น้อยเพราะเขาเคยมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปร่างเพรียวบางของนางแล้ว
หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเสวี่ยเอ๋อร์!
เสวี่ยเอ๋อร์ยิ้มกว้างทันทีเมื่อนางเห็นซูอัน ฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าเจอเจ้าแล้ว!
ดวงตาของซูอันกะพริบอย่างประหม่าครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะสงบสติอารมณ์ได้ในที่สุด แต่แทนที่จะหันหลังหนี เขากลับเดินหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “โอ้? แม่นางเฉียว ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่”
เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจ ด้วยความแค้นระหว่างพวกเขา นางคิดว่าเขาจะต้องแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ทันทีแน่นอนเมื่อพบกัน แต่อีกฝ่ายกลับเข้าหานางอย่างเป็นมิตรแทน
อย่างไรก็ตามหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งนางก็พอจะนึกออกว่าในขณะนี้นางคือ เฉียวเสวี่ยอิงแห่งสถาบันจันทร์กระจ่าง ไม่ใช่เสวี่ยเอ๋อร์ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่รู้จักนาง
ฮึ่ม! ต้องเป็นเพราะข้าอยู่ในอันดับที่สิบในการจัดอันดับสิบสุดยอดสาวงามแน่ ๆ เขาถึงพยายามจะคุยกับข้า! ไอ้คน ๆ นี้นี่มัน… แม้มันจะไร้สมรรถภาพ แต่มันก็ยังมักมากอยู่ดี!
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +233!
—
หัวใจของซูอันเต้นผิดจังหวะ โว้ว ๆ นางคงจะเกลียดข้ามากจริง ๆ ขนาดข้าทักนางดี ๆ นางยังโกรธข้าได้เลยเหรอเนี่ย?!
เมื่อมองดูซูอันเดินเข้าหานางราวกับเป็นคนโง่เขลา ริมฝีปากของเฉียวเสวี่ยอิงก็ฉีกกว้างเยาะเย้ย นางยังไม่อยากฆ่าเขาในตอนนี้ ครั้งสุดท้ายนั้นเจ้าทำให้ข้าทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก… ทำให้ข้า… ข้า… ฮึ่ม! ข้าจะระบายความโกรธของข้าได้ยังไงถ้าข้าไม่ ‘เล่น’ กับเจ้าสักหน่อย?
“แม่นางเฉียว ทำไมตอนนี้เจ้าถึงได้ดูอารมณ์ดีแบบนี้? เอ…หรือว่าเป็นเพราะข้ากัน?” ซูอันแสร้งถอนหายใจ “ช่างเถอะ มันช่วยไม่ได้หรอก ด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของข้า มันยากสำหรับผู้หญิงคนไหนที่จะไม่อารมณ์ดีเมื่อได้พบหน้าข้า”
เฉียวเสวี่ยอิงถึงกับนิ่งอึ้ง
เจ้ายังหน้าด้านไม่มีเปลี่ยน!
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +131!
—
อย่างไรก็ตาม นางยังคงยิ้มและพูดว่า “นายน้อยซู ท่านไม่กลัวว่าภรรยาของท่านจะไม่พอใจเหรอ?”
อืม…ก่อนอื่นข้าจะทำให้เจ้าตกหลุมรักข้าก่อนที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงต่อเจ้า มาดูกันว่าถึงตอนนั้นเจ้าจะทำหน้ายังไง!
ซูอันโบกมือและพูดว่า “แม่นางเฉียว ได้โปรดอย่ากังวล ภรรยาของข้าบอกว่านางไม่รังเกียจถ้าข้าจะมีผู้หญิงคนอื่น ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าสามารถไปถามนางได้ตามสบาย”
เฉียวเสวี่ยอิงเดาะลิ้นของนางด้วยความรำคาญ เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นทั้งที่มีภรรยาอยู่แล้ว?
อย่างไรก็ตาม เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นในใจนาง นางตระหนักว่านางยังคงรู้สึกขุ่นเคืองแทนฉู่ชูเหยียน ดูเหมือนว่าเวลาหลายปีที่นางอยู่รับใช้เคียงข้างฉู่ชูเหยียน อีกฝ่ายได้สร้างความประทับใจให้กับนางเป็นอย่างมาก
“แม่นางเฉียว เจ้ามาทำอะไรที่นี่คนเดียว? มันไม่ปลอดภัยสำหรับเจ้าเลยนะรู้หรือเปล่า? มิติลับนี้ดูเหมือนจะอันตรายกว่าที่ระบุไว้ในบันทึกมาก” ซูอันกล่าว “แต่เจ้าวางใจ เมื่อเจ้าพบข้าแล้ว เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจอีกต่อไป จากนี้ไปข้าจะปกป้องเจ้าเอง!”
“ท่านงั้นเหรอ?” เฉียวเสวี่ยอิง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ย อย่างไรก็ตาม นางเปลี่ยนน้ำเสียงอย่างรวดเร็วและตอบว่า “ข้าซึ้งใจในน้ำใจของท่านยิ่งนัก นายน้อยซู”
“เดี๋ยวก่อน ‘ท่าน’ งั้นเหรอ?’ นั่นมันคืออะไร? เจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ?” ซูอัน แสร้งทำท่าทางกระวนกระวายใจทันที “เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับหยวนเหวินตงมั้ย? เขาเป็นผู้บ่มเพาะระดับห้าเชียวนะ ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ ข้าเนี่ยแหละที่เป็นคนเอาชนะเขาได้! แล้วยังมี…”
เฉียวเสวี่ยอิงไม่สามารถทนฟังเรื่องไร้สาระของเขาได้อีกต่อไป นางขัดจังหวะเขาและถามว่า “ท่านพบนักศึกษาคนอื่นระหว่างทางบ้างมั้ย?”
“นักศึกษางั้นเหรอ? ไม่นะ เจ้าเป็นคนแรกที่ข้าเจอ อา…มันคงเป็นโชคชะตาที่พาเรามาพบกัน!” ซูอันหัวเราะคิกคัก
“ไม่เจอใครเลยเหรอ?” เฉียวเสวี่ยอิงมองดูบาดแผลบนหน้าอกของ ซูอัน “ถ้างั้นบาดแผลของท่านมาจากไหน?”
“ข้าบังเอิญเจอทหารผีดิบสองสามตัวและต่อสู้กับพวกมัน โอ้ มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดจริง ๆ มิติลับนี้มีอะไรแปลกเยอะมาก! ข้าไม่คิดว่าจะมีผีดิบอยู่ที่นี่เลย… สถาบันน่าจะบอกอะไรเราล่วงหน้าบ้างเจ้าว่าไหม!” ซูอันพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก การแสดงของเขาแนบเนียนเกินกว่าที่ใครจะรู้เท่าทันได้
เฉียวเสวี่ยอิงไตร่ตรองคำพูดของซูอัน นางนึกถึงสิ่งที่นางเห็นในหุบเขาที่นางเดินผ่านมาก่อนหน้านี้ นางขมวดคิ้วในขณะที่คิดว่าเจียเจิ้งจิ่งและคนอื่น ๆ ได้พบกับผีดิบและถูกพวกมันฆ่าตายไปแล้วหรือเปล่า?
“หืม? ที่รัก! เจ้ามาทำอะไรที่นี่!” จู่ ๆ ซูอันเหลือบมองไปด้านหลังเฉียวเสวี่ยอิงและอุทานด้วยความยินดี