เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 268 พานพบกันอย่างไม่บังเอิญ
เมื่อโดนเสวี่ยเอ๋อร์ด่า ซูอันก็ถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า “เจ้าน่าจะรู้ถึงผลลัพธ์อยู่แล้วว่าการที่เจ้ารับใช้เจ้านายคนอื่นแล้วถูกจับได้จะต้องเจอกับอะไร เอาล่ะถ้าเจ้ายังยืนกรานที่จะเงียบต่อไป ข้าจะเริ่มล่ะนะ!”
ชายหนุ่มหยิบกระบี่ที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาแล้วชี้ไปที่เสื้อคลุมของนาง
ฉู่ชูเหยียนก้าวไปข้างหน้าและหยุดเขา “พอแล้ว มันไม่ถูกต้องที่เราจะสร้างความอับอายให้กับผู้หญิงแบบนี้!”
ซูอันยักไหล่ “ที่นี่มีแค่เราและเจ้าเป็นผู้หญิง แถมข้ายังเคยเห็นทุกส่วนสัดของร่างกายนางแล้ว นี่จะถือว่าเราทำให้นางอับอายได้ยังไง?”
ฉู่ชูเหยียนพบว่าตัวเองพูดไม่ออก ด้วยเหตุผลบางอย่าง ถึงแม้ว่าคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้ามักจะมีตรรกะที่บิดเบี้ยวแต่นางกลับรู้สึกว่ามันยากที่จะโต้แย้งกับเขา
เฉียวเสวี่ยอิงจ้องเขม็งที่ซูอัน นางอยากจะมีความสามารถในแบบที่จ้องใครก็ได้แล้วคนนั้นตายทันที เรื่องที่เขาพูดเมื่อครู่เป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของนาง แต่ชายคนนี้พูดราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย!
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +512!
—
ฉู่ชูเหยียนโบกมือของนางและสลายน้ำแข็งที่ปกคลุมร่างกายของเฉียวเสวี่ยอิงออกไป
เฉียวเสวี่ยอิงตกตะลึง “นี่ท่านปล่อยข้าเหรอ?”
“ถึงแม้ว่าแรงจูงใจของเจ้าที่เข้าหาข้านั้นไม่บริสุทธิ์ แต่มันไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเราเป็นเหมือนพี่น้องกันมานานหลายปี ข้าไม่สามารถเอาชีวิตเจ้าได้ จากนี้ไปขอให้เจ้าโชคดี” ฉู่ชูเหยียนเอ่ยขึ้น
ซูอันรู้สึกว่าภรรยาของเขามีเมตตาต่อศัตรูโดยไม่จำเป็น และก็รู้สึกว่ามันจะส่งผลเสียต่อนางในอนาคต อย่างไรก็ตาม คำพูดที่ออกจากปากของเขากลับกลายเป็นคำชมว่า “ที่รัก…หัวใจของเจ้างดงามราวกับทำมาจากทองคำจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนอื่นถึงเรียกเจ้าว่าเทพธิดา!”
เฉียวเสวี่ยอิงจ้องไปที่ซูอันอย่างเกลียดชัง “คุณหนูของข้าสูงส่งราวกับเป็นเทพธิดาอยู่แล้วแต่น่าเสียดายที่นางกลับแต่งงานกับคนสารเลวอย่างเจ้า จนทำให้กลายเป็นเหมือนดอกไม้ติดอยู่บนมูลวัว!”
ชายหนุ่มยักไหล่ให้คำพูดของเฉียวเสวี่ยอิงและพูดว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่ามูลวัวสามารถให้สารอาหารมากมายแก่ดอกไม้ ซึ่งช่วยให้มันเบ่งบานอย่างมีเสน่ห์? ในความคิดของข้า การได้ติดอยู่บนมูลวัวถือเป็นพรอันยิ่งใหญ่ที่สุดของดอกไม้!”
หญิงสาวทั้งสาวถึงกับนิ่งสนิทเมื่อฟังคำพูดของซูอัน
“โชคชะตาช่างเป็นใจจริง ๆ ที่ได้เจอคุณหนูฉู่ที่นี่!”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะที่สดชื่นก็ดังขึ้นไม่ห่างออกไปมากนัก และนั่นทำให้พวกเขาทั้งสามหันไปมองอย่างรวดเร็ว และได้เห็นซือคุนกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ติดตามของเขา
ซูอันแอบยอมรับอยู่ในใจว่าซือคุนช่างโดดเด่นจริง ๆ โดยเฉพาะตอนนี้ที่อยู่ท่ามกลางไอ้พวกลูกกะจ๊อกที่กำลังทำสีหน้าทะมึนรอบ ๆ ตัวเขา แต่ยิ่งเขาดูดีขึ้นเท่าไร ซูอันก็ยิ่งอยากจะชกเข้าไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายมากขึ้นเท่านั้น
โลกใบนี้มีคนหล่อแบบเขาคนเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีของเลียนแบบเกรดต่ำกว่าอีก!
ดวงตาของเฉียวเสวี่ยอิงเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็น ซือคุน นางรู้ว่าความล้มเหลวของนางคงทำให้นายน้อยผิดหวัง แต่สิ่งที่นางกังวลมากกว่าในตอนนี้คือความขัดแย้งระหว่างนายน้อยกับฉู่ชูเหยียน นางจะทำอย่างไรหากทั้งสองสู้กันตอนนี้?
ฉู่ชูเหยียนเหลือบมองซือคุนและพูดว่า “นายน้อยซือ อะไรทำให้ท่านมาที่นี่ได้?”
“ข้าแค่สำรวจไปรอบ ๆ มิติลับและบังเอิญผ่านมา มันคงเป็นโชคดีสำหรับข้าจริง ๆ ที่ได้พบกับคุณหนูฉู่ที่นี่” ซือคุนตอบด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ฉู่ชูเหยียนอย่างตั้งใจ โดยถือว่าซูอันเป็นเพียงแค่อากาศบางๆ
“โชคดีงั้นเหรอ? ข้าว่ามันอาจจะไม่ใช่หรอก”
ฉู่ชูเหยียนมองซือคุนและลูกน้องที่อยู่รอบตัวเขา มีผู้บ่มเพาะระดับสี่สองคนและผู้บ่มเพาะระดับสามห้าคน แต่น่าสังเกตว่านางไม่เคยเห็นพวกเขาในสถาบันมาก่อน น่าประหลาดใจที่ตระกูลซือจัดการส่งคนเหล่านี้เข้ามาในมิติลับนี้ได้
“คุณหนูฉู่ ท่านล้อข้าเล่นแล้ว” ซือคุนยังคงมีรอยยิ้มบนริมฝีปากแต่ในใจของเขากลับรู้สึกหงุดหงิด
เสวี่ยเอ๋อร์ช่างไม่มีประโยชน์จริง ๆ นางทำให้ข้าผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อซูอันได้พบกับฉู่ชูเหยียนอย่างนี้แล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะปลิดชีพเขาอีกต่อไป!
“ข้าจะคุยกับท่านเมื่อเราออกจากมิติลับ สำหรับตอนนี้เราจำเป็นต้องสำรวจพื้นที่ต่อไป” ฉู่ชูเหยียนหันหลังกลับและออกจากพื้นที่ในทันที
ภายใต้สถานการณ์ปกติ นางจะไม่กลัวซือคุนและลูกน้องของเขา แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่นางได้รับจากการต่อสู้กับอู๋ตี้ ที่เป็นผู้บ่มเพาะระดับหกบนเวทีประลองเมื่อวันก่อนยังไม่ฟื้นฟูทั้งหมด และระดับการบ่มเพาะของซือคุนไม่น่าจะอยู่ต่ำกว่านางและเขาก็มีเสวี่ยเอ๋อร์อยู่เคียงข้างอีกต่างหาก ดังนั้นหากนางสู้กับเขาที่นี่นางย่อมเสียเปรียบอย่างแน่นอน!
“คุณหนูฉู่ กรุณารอสักครู่” ซือคุนเรียกหญิงสาว “มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นมากมายในมิติลับ ทำให้มันอันตรายกว่าเมื่อก่อน ทำไมเราไม่จับกลุ่มกันเพื่อดูแลกันและกันล่ะ?”
“เรื่องนั่นมันไม่จำเป็น” ฉู่ชูเหยียนตอบกลับทันควัน นางไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
“โธ่ นี่เจ้ายังไม่เข้าใจอีกเหรอ? นางกำลังบอกกับเจ้าอ้อม ๆ ว่าอย่ามาเป็นก้างขวางคอขัดจังหวะเวลาของคู่รักอย่างเรา!” ซูอันโบกมือไล่ซือคุนออกไปด้วยสีหน้ารังเกียจก่อนที่จะรีบไล่ตามฉู่ชูเหยียนไป…
มองดูร่างทั้งสองที่ตามกันออกไป ซือคุนกำหมัดแน่นอย่างเดือดดาลจนกระดูกของเขาลั่นเสียงดัง
ไอ้เวรซูอัน! เจ้าไม่ได้ตายดีแน่!
—
ท่านยั่วยุซือคุนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +512!
—
ในขณะเดียวกัน หลังจากวิ่งไล่ตามฉู่ชูเหยียนออกไป ซูอันก็ถามด้วยความสงสัย “ที่รัก…มันแปลกมากที่เจ้าบังเอิญมาปรากฏตัวตอนที่ข้าอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ เจ้าแอบตามข้ามาเพราะเป็นห่วงใช่ไหม?”
“ข้าไม่ได้ว่างขนาดนั้น” ฉู่ชูเหยียนตอบ “ข้าได้พบกับจี้เสี่ยวซีก่อนหน้านี้ และนางบอกข้าว่าเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย ข้าก็เลยตามมาดู”
“เสี่ยวซี เป็นอะไรบ้างหรือเปล่า?” ซูอันถามอย่างกังวล เขากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของจี้เสี่ยวซีมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าเขาได้ล่อพวกผีดิบออกมาแล้ว แต่ในมิติลับแห่งนี้ก็ยังมีอันตรายอื่น ๆ ซ่อนอยู่อีก มันคงไม่ปลอดภัยแน่นอนหากทิ้งให้นางอยู่ตามลำพังนานๆ
“นอกจากขาแพลงแล้ว นางดูสบายดี” ฉู่ชูเหยียนตอบ นางหยุดครู่หนึ่งก่อนจะถามอีกครั้ง “ดูเหมือนนางจะเป็นห่วงเจ้ามาก ความสัมพันธ์เจ้าสองคนดูไม่เหมือนเพื่อนทั่วไป?”
“อ่า…ไม่คิดว่าเจ้าจะคิดออกเร็วขนาดนี้” ซูอันหัวเราะอย่างเต็มที่ “ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะอวดเกี่ยวกับความสามารถพิเศษของข้า แต่คนเคยเรียกข้าว่านักลวงหัวใจหญิงสาว ผู้หญิงคนไหนที่รู้จักข้าจะพบว่าตัวเองตกหลุมรักข้า… อ๊ะ…เจ้าอย่าเพิ่งเดินหนีข้าไปสิ!”
ในระหว่างที่เดินหนี ฉู่ชูเหยียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาเมื่อซูอันวิ่งตามมาทัน “ถ้างั้นทำไมเสวี่ยเอ๋อร์ถึงไม่ตกหลุมรักเจ้าในตอนนั้นล่ะ?”
“นางอาจดูอยากจะฆ่าข้ามาก แต่จริง ๆ แล้วนี่คือสิ่งที่เรียกว่า ‘ทะเลาะเพราะรัก'[1] ความรักและความเกลียดชังเป็นเหรียญสองด้าน ใครจะรู้? ความรู้สึกของนางที่มีต่อข้าอาจจะพลิกกลับได้ในทันที!”
ฉู่ชูเหยียนนิ่งงัน
“แต่ที่รัก เจ้าไม่จำเป็นต้องอิจฉา! ไม่ว่าผู้หญิงอื่นจะรักข้ามากแค่ไหน ก็ไม่มีใครสามารถทดแทนตำแหน่งที่เจ้ามีในใจข้าได้!” ซูอันตบหน้าอกของเขาอย่างมั่นใจ
1. ใช้เพื่ออธิบายคู่สามีภรรยาที่มักจะเถียงกันหรือทะเลาะกัน แต่ถึงแม้จะดูไม่ลงรอยกัน แต่แท้จริงแล้วพวกเขารักกันและห่วงใยกันเพียงแต่ว่าวิธีที่พวกเขาแสดงความรู้สึกออกมานั้นต่างจากคนอื่น