เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 282 อาจารย์ผู้แสนวิเศษ
บทที่ 282 อาจารย์ผู้แสนวิเศษ
ซือคุนทั้งโกรธและตกใจเมื่อรู้ว่าค้างคาวพวกนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เขาไม่กล้าที่จะประมาทอีกต่อไป จากนั้นเขาจึงเรียกพายุหมุนที่เต็มไปด้วยใบมีดลมเพื่อสังหารค้างคาวทั้งหมดที่อยู่รอบตัวเขา
ทางด้านเฉียวเสวี่ยอิงก็เริ่มบังคับให้ใบไม้สีเขียวพุ่งออกไปโจมตีราวกับมีดสั้นเข้าเชือดค้างคาวขนาดใหญ่ทีละตัว ในเวลาเดียวกัน ผมหางม้าเล็ก ๆ บนศีรษะของนางเริ่มงอกขึ้น ขยายเป็นเถาวัลย์นับไม่ถ้วนที่เต็มไปด้วยหนามสีเขียว เถาวัลย์เหล่านี้ฟาดฟันค้างคาวอย่างไร้ความปราณี
ค้างคาวที่เหลือรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าพวกมันเลือกเหยื่อที่เกินกำลังและรีบหนีออกจากพื้นที่โดยเหลือเพียงซากศพของพวกมันสองสามตัวอยู่ในบริเวณ
อย่างไรก็ตาม เฉียวเสวี่ยอิงไม่ได้รวบผมของนางทันที เมื่อมองดูซากค้างคาวเปื้อนเลือดที่แขวนอยู่บนเถาวัลย์ที่ยื่นออกมาจากผมของนาง นางยกดาบขึ้นสับมันออก ในเวลาเพียงครู่เดียวผมของนางก็กลับมายาวเหมือนเดิม
ในอีกทางหนึ่ง ซือคุนก็มองไปรอบ ๆ แต่กลับไม่เห็นวี่แววของซูอันและ ฉู่ชูเหยียน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกหลอกให้เป็นเหยื่อค้างคาว ซือคุนจึงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไอ้สารเลวซูอัน! ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้น ๆ ให้ได้แม้ว่าข้าจะต้องไล่ตามเจ้าไปถึงประตูนรกก็ตาม!”
—
ท่านยั่วยุซือคุนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!
—
“นายน้อย สถานที่แห่งนี้ดูน่ากลัว ข้าว่าลางไม่ดีแล้วล่ะ ทำไมเราไม่ถอยกลับก่อนแล้วค่อยคิดกันใหม่ว่าจะเอายังไง?” เฉียวเสวี่ยอิงถาม
ซือคุนมองอย่างเย็นชาและพูดว่า “เจ้ากังวลเกี่ยวกับคุณหนูของเจ้ามากเลยใช่ไหม? เจ้าคิดว่าข้าไม่เห็นเหรอว่าเจ้าโจมตีพวกนั้นแบบไม่จริงจังก่อนหน้านี้? เจ้าคิดว่าเป็นความผิดของใครที่พวกมันหนีมาได้ถึงที่นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ายั้งมือไว้!”
“ข้า…” เฉียวเสวี่ยอิงรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย นางเตือนซือคุนอย่างสัตย์จริง ในฐานะผู้บ่มเพาะธาตุไม้ ทำให้นางสามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่อยู่รอบ ๆ ตัวของตน แต่สถานที่นี้มีแรงกดดันแปลก ๆ ซึ่งทำให้นางไม่สามารถใช้พลังงานชี่ได้อย่างราบรื่น นางรู้สึกเหมือนว่าที่นี่มีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนตัวอยู่…
ซือคุนรู้ตัวช้าไปว่าเขาสูญเสียลูกน้องไปหลายคนแล้ว และไม่ฉลาดเลยถ้าจะแตกหักกับเฉียวเสวี่ยอิงในเวลานี้ ดังนั้นเขาจึงปรับน้ำเสียงของเขาให้นุ่มนวลและพูดขึ้นอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “เสวี่ยเอ๋อร์ ข้าหงุดหงิดมากเกินไปจึงพูดรุนแรงกับเจ้า เจ้าอย่าใส่ใจเลยนะ แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะดูน่ากลัวไปสักหน่อย แต่มันก็น่าจะมีแต่พวกค้างคาวหมูป่าและสัตว์อสูรชั้นต่ำ หากเราระวังตัวให้ดีก็คงไม่น่าจะมีอันตรายอะไรร้ายแรง และยิ่งไปกว่านั้นเราจะรอให้ฉู่ชูเหยียนเสียชีวิตคามือซูอันไม่ได้ เราต้องรีบไปชิงตัวนางมาและพานางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
เฉียวเสวี่ยอิงพยักหน้า “ใช่ นายน้อย ก่อนหน้านี้มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าใจอ่อนเกินไป”
ซือคุนหัวเราะและพูดว่า “ไม่เป็นไร นี่แสดงว่าเจ้าเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวและเห็นคุณค่าของความภักดี ข้าคงจะกังวลมากกว่านี้ ถ้าเห็นเจ้าทำตัวโหดร้ายกับฉู่ชูเหยียนจนเกินไปทั้งที่เคยเป็นคนสนิทของนางมาก่อน”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เฉียวเสวี่ยอิงผู้ซึ่งรู้สึกขัดแย้งในใจมาตลอดในที่สุดก็สามารถยิ้มออกมาได้ “ขอบคุณที่เข้าใจข้า นายน้อย”
ซือคุนพยักหน้าก่อนที่จะกวักมือเรียกนางเข้าไปในทางเดินที่ลึกกว่าเดิม
ขณะที่ซือคุนและคนอื่น ๆ จัดการกับค้างคาวหมูป่าดูดเลือด ซูอันก็รีบอุ้มฉู่ชูเหยียนวิ่งเข้าไปในอุโมงค์ลึกกว่าเดิม
“ไอ้ค้างคาวพวกนั้นมีเชื้อไวรัสหรืออะไรสักอย่างหรือเปล่า?” ซูอันบ่นอย่างกังวล
ก่อนหน้านี้มีค้างคาวจำนวนมากบินไปมา และอากาศก็อบอวลไปด้วยเนื้อและเลือดของพวกมัน ต้องรู้ว่าค้างคาวเป็นที่รู้จักในฐานะถังเก็บเชื้อโรคและไวรัสในโลกก่อนหน้าของเขา แม้แต่แบร์กริลส์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ยืนอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร เวลาจะกินค้างคาวยังต้องปรุงเป็นเวลาหลายชั่วโมงก่อนถึงจะกล้ากินมัน
อย่างไรก็ตาม ความคิดดังกล่าวถูกขับออกจากสมองของซูอันอย่างรวดเร็ว เราใกล้จะถูกฆ่าแล้ว! ใครจะมัวมาสนใจเรื่องไวรัสหรือเชื้อโรคกันล่ะ!
หลังจากวิ่งไปพักหนึ่ง ซูอันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อสังเกตเห็นว่าในที่สุดเขาก็เข้าใกล้จุดสิ้นสุดของอุโมงค์ทางเดินแล้ว
แม้ว่าตามอุโมงค์ทางเดินจะยังค่อนข้างปลอดภัย แต่มันไม่มีที่ให้หลบซ่อนได้เลย ถ้าซือคุนตามมาทัน พวกเขาทั้งสองก็ไม่พ้นต้องตาย
แน่นอนว่าปลายทางเดินก็เต็มไปด้วยอันตรายเช่นกัน โดยเฉพาะกองทัพผีดิบที่ชายหนุ่มเคยเจอมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะหาที่ซ่อนตัวและปักหลักในมุมอับสายตา ตราบใดที่ไม่ได้ทำเสียงดังให้กองทัพผีดิบรู้ตัว ก็น่าจะมีโอกาสรอดชีวิต…
แผนการของเขาคือล่อซือคุนให้เข้ามาในถ้ำลึกมากพอ และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกองทัพผีดิบ…
อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกับที่เขาก้าวพ้นออกจากอุโมงค์ทางเดิน เขาก็รู้สึกได้ถึงเสียงของวัตถุที่แหวกผ่านอากาศอย่างรวดเร็วเข้ามาหาศีรษะของเขาจาก 2 ด้านซ้ายขวาซึ่งโชคดีที่เขาเตรียมพร้อมอยู่แล้วและใช้วิชาร่างก้าวทานตะวัน ถอยกลับเพื่อหลบได้อย่างทันท่วงที!
เมื่อตั้งหลักได้ ซูอันก็มองไปที่อีกฝ่ายทันที พวกมันเป็นผีดิบทหารสองตัวที่ใช้ขวานเป็นอาวุธ!
ทหารผีดิบสองตัวแสดงท่าทีประหลาดใจที่พวกมันโจมตีพลาด พวกมันมั่นใจว่าเล็งเป้าไปที่ศีรษะของซูอันอย่างแม่นยำแล้ว แต่จู่ ๆ เป้าหมายกลับหายวับไปต่อหน้าต่อตาซะงั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากช่วงเวลาแห่งความประหลาดใจสั้น ๆ พวกมันยกขวานขึ้นโดยสัญชาตญาณและเริ่มวิ่งไล่ซูอัน
ชายหนุ่มส่ายหัว ทหารผีดิบสองตัวนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่ในระดับสอง ดังนั้นไม่มีทางที่พวกมันจะตามเขาทัน แต่เขาลังเลที่จะต่อสู้เพราะมีฉู่ชูเหยียนอยู่ในอ้อมแขน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะหนีแทน ซึ่งแน่นอนว่าความเร็วของเขาเร็วกว่าผีดิบทหารทั้งสอง ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่มีอะไรต้องกังวล
แต่การไล่ล่าของพวกมันทำให้ผีดิบทหารตัวอื่นหันมาให้ความสนใจ และวิ่งเข้ามาสมทบไล่จับซูอันมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับเล่นงูกินหาง ในไม่ช้าก็มีผีดิบทหารไล่ตามเขามากกว่ายี่สิบตัว
เมื่อเห็นภาพนี้ ซูอันก็ขมวดคิ้วแน่น ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกกดดันเล็กน้อย หากยังคงวิ่งหนีแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อีกไม่นานผีดิบทหารคงจะไล่ต้อนพวกเขาจนมุม
ดังนั้นในขณะที่หลบหนีจากการโจมตีของพวกมัน เขาจึงเริ่มสอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณเพื่อหาที่ซ่อน แต่แม้ว่าพื้นที่จะกว้างกว่าทางเดิน แต่รอบ ๆ ถ้ำนั้นแทบจะว่างเปล่า ไม่มีพื้นที่ใด ๆ ให้หลบซ่อนได้
“ทักษะการเคลื่อนไหวของเจ้าช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ” ฉู่ชูเหยียนเอ่ยขึ้น
นางเห็นได้อย่างชัดเจนว่าซูอันสามารถเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ผีดิบได้อย่างลื่นไหลไม่ถูกโจมตีแม้แต่น้อย ซึ่งชวนให้นึกถึงผีเสื้อที่กระพือปีกไปรอบทุ่งดอกไม้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเห็นทักษะการเคลื่อนไหวของซูอัน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความเร็วในตอนนี้มันดูน่ากลัวกว่าเมื่อก่อนมาก
ในฐานะผู้บ่มเพาะอัจฉริยะ นางเองก็สนใจทักษะการเคลื่อนไหวของเขาเช่นกัน
เขาทำได้ดีมากในการปกปิดความสามารถที่แท้จริงของตัวเอง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมซือคุนและลูกน้องถึงต้องทนทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของเขา…ช่างเจ้าเล่ห์จริง ๆ
“อาจารย์ของข้ามอบวิชานี้ให้กับข้าเป็นไพ่ตายไว้ใช้เอาตัวรอดในสถานการณ์อันตราย” ซูอันกำลังวางแผนที่จะเชื่อมโยงทุกสิ่งไปให้อาจารย์ของเขา
“อาจารย์ของเจ้าช่างเป็นคนที่น่าทึ่งจริง ๆ แม้แต่ข้าเองยังไม่สามารถเข้าใจเคล็ดของมันได้เลยแม้ว่าข้าจะมองใกล้ขนาดนี้ก็ตาม” ฉู่ชูเหยียน กล่าว
นางอาจจะสูญเสียการบ่มเพาะ แต่ดวงตาของนางยังคงทำงานได้สมบูรณ์แบบ หญิงสาวเพ่งมองทักษะการเคลื่อนไหวของซูอันมาโดยตลอด แต่นางก็ยังไม่สามารถเข้าใจมันได้
“เขาเป็นคนที่น่าทึ่งจริง ๆ น่ะแหละ” ซูอันพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อนึกถึงผู้เฒ่ามี่ผู้ลึกลับและทรงพลัง
“แล้วทักษะของเจ้าที่…ทำให้คนอื่นท้องล่ะ?” นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ฉู่ชูเหยียน อยากรู้มากที่สุด นางได้เห็นกับตาของตนเองว่าก่อนหน้านี้ซือคุนต้องทนทุกข์ทรมานจากมันมากแค่ไหน และนางนึกไม่ออกว่าในโลกนี้มีทักษะเช่นนี้ได้อย่างไร อย่างน้อยทักษะการเคลื่อนไหวอันน่าอัศจรรย์ของซูอันก็ยังอยู่ในขอบเขตของสามัญสำนึก แต่ทักษะที่ทำให้ตั้งครรภ์นั้นฟังดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
เมื่อมาลองคิดดู ในตอนนั้นมันแปลกที่เสวี่ยเอ๋อร์ล้มเหลวในการลอบสังหารเขาในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ ทุกคนงุนงงที่ได้ยินว่าผู้บ่มเพาะระดับห้า จู่ ๆ ก็ปวดท้องและหนีจากไป แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ซูอันต้องใช้ทักษะนี้กับนางแน่นอน
เสวี่ยเอ๋อร์คงโกรธมากที่เขาใช้ทักษะที่น่าอายเช่นนี้กับนาง…
“มันไม่ใช่การตั้งครรภ์จริง ๆ หรอก ทักษะของข้าเพียงจำลองความรู้สึกของการเจ็บครรภ์คลอดลูก แต่น่าเสียดายที่มันมีขีดจำกัดในการใช้ได้แค่ไม่กี่ครั้ง ไม่อย่างนั้นข้าคงทำให้ไอ้เวรนั่นปวดท้องคลอดจนเป็นลมไปสักร้อยรอบแล้ว!” หลังจากพูดจบประโยคนี้ ซูอันก็เปลี่ยนน้ำเสียงของเขาทันทีและพูดว่า “ที่รัก ถ้าเจ้าสนใจ จริง ๆ ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะเลย เราสามารถทำลูกขึ้นมาจริง ๆ กันได้ทุกเวลา!”
ฉู่ชูเหยียนพูดไม่ออก ราวกับว่าเขาต้องหยอกล้อนางทุกสองสามคำที่เขาพูด แต่เมื่อรู้จักกันมาระยะหนึ่ง นางไม่ได้หงุดหงิดอีกต่อไป เพราะเคยชินกับปากของเขาแล้ว “ก่อนหน้านี้ความเร็วและความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้นมากหลังจากที่เจ้าได้รับบาดเจ็บ มันเป็นทักษะที่เจ้าเรียนรู้จากอาจารย์ของเจ้าด้วยหรือเปล่า?”