เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 292 ฮึ....ผู้ชาย!
บทที่ 292 ฮึ….ผู้ชาย!
หลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองถูกผลักและหันหลังไปมองด้วยความคาดหวังว่าคนที่ผลักนางจะไม่ใช่ซือคุน แต่แล้วภาพที่นางเห็นมันก็ยิ่งทำให้นางตาสว่างมากขึ้น นางเห็นซือคุนกำลังวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง นางรู้สึกผิดหวังว่าสำหรับซือคุน นางไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าโล่ที่สามารถโยนทิ้งได้ทุกเมื่อเพื่อสกัดกั้นลูกธนู…
แม่ทัพผีดิบทหารเอื้อมมือออกมาและบีบคอของเฉียวเสวี่ยอิง พลังของมันแข็งแกร่งเกินกว่าที่หญิงสาวจะสามารถรับมือได้ แต่มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปเพราะหัวใจของนางได้ตายด้านไปแล้ว
นางหลับตาและรอช่วงเวลาที่จะแห้งเหือดและกลายเป็นก้อนกลม ๆ
นางรอสักพักแต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางลืมตาขึ้นมาและเห็นใบหน้าของแม่ทัพผีดิบทหารที่ถูกซ่อนอยู่ในชั้นของหมอกสีดำ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางยังคงสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกเศร้าสร้อยของมันได้
“มีการหักหลังกันอีกแล้วเหรอ?” แม่ทัพผีดิบทหารกล่าวก่อนจะถอนหายใจ ดูเหมือนว่ามันได้นึกถึงความทรงจำของห้วงอดีตอันไกลโพ้นขึ้นมา
จากนั้นมันก็ส่งเสียงขู่อย่างเย็นชาและพูดว่า “ข้าเกลียดคนที่กล้าทรยศสหายตัวเองที่สุด กลับมาเดี๋ยวนี้!!”
มันยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นและเริ่มร่ายคาถาบางอย่างซึ่งส่งผลให้หมอกสีดำหมุนวนอย่างรุนแรงจนกลายเป็นคล้ายกับหลุมดำ
ซือคุนที่กำลังวิ่งหน้าตั้งเพื่อเอาชีวิตได้ถูกหลุมดำดูดกลับมาอย่างรุนแรง ชายหนุ่มเสียการทรงตัวในทันทีและสะดุดถอยหลังไปสองสามรอบ เขาชักกระบี่ออกมาแล้วปักมันเข้าที่ผนังทางเดินก่อนจะจับยึดไว้เพื่อทรงตัว
เขารู้สึกสมเพชตัวเองที่ผู้บ่มเพาะธาตุลมอย่างเขาช่วยตัวเองไม่ได้เช่นนี้
แต่ในไม่ช้าแรงดูดอันเกรี้ยวกราดจากหลุมสีดำก็แรงขึ้น ทำให้ร่างของเขาลอยขึ้นไปในอากาศ มือของชายหนุ่มค่อย ๆ หลุดออกจากด้ามจับกระบี่ แต่ก็ยังรีบกางมือจิกผนังถ้ำข้าง ๆ ตัวไว้
เขารู้ดีว่าหากเขาถูกดึงเข้าไปสำเร็จจะต้องตายแน่ ๆ ดังนั้นจึงทำได้เพียงกัดฟันและอดทนต่อไป นิ้วของซือคุนเริ่มมีเลือดออกเพราะเสียดสีกับผนังถ้ำที่ขรุขระ แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องนั้นแล้ว
“ดูเหมือนเจ้าจะอยากมีชีวิตอยู่มากสินะ? หึ แต่ต่อหน้าข้ามันไร้ความหมาย!” แม่ทัพผีดิบทหารแสดงท่าทางบิดข้อมือช้า ๆ เพื่อบังคับให้แรงดูดของหลุมสีดำรุนแรงยิ่งขึ้น
แต่ในทันใดนั้น ร่างกายของมันก็แข็งทื่อก่อนที่มันจะคำรามออกมาด้วยความโกรธ “กล้าดียังไงถึงมายุ่งกับดอกบัวเร้นลักษณ์!!!”
มันไม่มีอารมณ์ที่จะจัดการกับซือคุนอีกต่อไป มันเรียกหมอกสีดำลอยขึ้นปกคลุมตัวของมันและม้าอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย โดยมีเฉียวเสวี่ยอิงถูกพาติดมือไปด้วย
ซือคุนที่กำลังดิ้นรนอย่างสิ้นหวังและใกล้จะถึงขีดจำกัดอยู่แล้ว จู่ ๆ กลับรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ แต่การที่จู่ ๆ หลุมดำหายไปอย่างฉับพลันทำให้ร่างของเขาที่ลอยอยู่เหนือพื้นหล่นลงกระแทกพื้นจนใบหน้าบวมเป่ง
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกยินดีกับเหตุการณ์ที่พลิกผัน เขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่กล้าจะอยู่หาคำตอบเช่นกัน เขาวิ่งออกจากถ้ำอย่างไม่คิดชีวิต จนในที่สุดแม้ว่าจะหนีออกจากประตูหินไปแล้ว ก็ยังคงวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
…
ในขณะเดียวกัน ซูอันก็เด็ดดอกบัวเร้นลักษณ์ออกมาก่อนที่จะค่อย ๆ ดึงกลีบออกมาทีละกลีบเพื่อป้อนให้กับฉู่ชูเหยียน เขามีสีหน้าเจ็บปวด “ที่รัก เจ้ารู้ไหมว่าข้ายอมเสียอะไรไปเพื่อเจ้า? หากต่อไปเจ้าทำตัวไม่ดีต่อข้า เจ้าคงแย่กว่าคน…”
“หึ ผู้ชาย~” เสียงกระซิบเยาะเย้ย “ชีวิตของภรรยาเจ้าแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่เจ้ายังคงเสียดายอยากจะใช้มันยกระดับการบ่มเพาะของตัวเอง ถ้าข้าเป็นนาง หัวใจของข้าคงด้านชากับการกระทำของเจ้า”
“หุบปาก เจ้าไม่รู้อะไรก็อย่าพูดออกมามั่ว ๆ!” ซูอันก่นด่า เขาไม่สามารถอธิบายเหตุผลออกมาได้ เพราะเรื่องการถูกผนึก ‘ซูอันน้อย’ เป็นเรื่องที่น่าอับอายเกินกว่าจะพูดออกมา
“กล้าดียังไงมาพูดกับข้าแบบนี้!?” เสียงกระซิบพูดอย่างกราดเกรี้ยว
—
ท่านยั่วยุ หมี่ลี่*[1]สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +314
—
ซูอันถึงกับตกตะลึง
นี่คือชื่อของผู้หญิงลึกลับคนนี้เหรอ ถ้าข้าไม่ได้ดู ‘ หมี่เยวี่ย*[2] จอมนางเหนือมังกร’ ในชีวิตก่อนหน้านี้ ข้าคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอ่านชื่อนางอย่างไร?!
แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะยุ่งเกี่ยวกับนาง เขาตระหนักว่าฉู่ชูเหยียนหมดสติไปแล้วจึงไม่สามารถกลืนกลีบดอกบัวได้ เมื่อนึกถึงว่านางเหลือเวลาเพียงไม่เกิน 1 ก้านธูปในการมีชีวิตอยู่ ซูอันจึงรีบกัดกลีบดอกบัวเข้าปากก่อนที่จะป้อนนางด้วยปากของตัวเอง
การได้จูบกับฉู่ชูเหยียนคงเป็นความฝันของผู้ชายจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ ซูอันไม่มีอารมณ์ที่จะเพลิดเพลินกับมันเลย เขาเต็มไปด้วยความกังวลและห่วงใยนางเท่านั้น
เขาป้อนกลีบของดอกบัวเร้นลักษณ์กลีบหนึ่งแก่นาง ทั้งจมูกและปากของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นหอม แต่เขาไม่รู้ว่ามันมาจากกลีบดอกบัวเองหรือฉู่ชูเหยียนกันแน่
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่ชูเหยียนก็ลืมตาขึ้น เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าเป็นเพราะนางฟื้นจากอาการอ่อนแอก่อนหน้านี้หรือไม่ แต่นางจ้องมองเขาด้วยใบหน้าที่แดงจัด
…
“จ…เจ้าตื่นแล้วเหรอ?” ซูอันละล่ำละลักด้วยความยินดี ความวุ่นวายภายในใจในที่สุดก็สงบลง
“จ…เจ้ากำลังทำอะไร?” ฉู่ชูเหยียนมองดอกบัวเร้นลักษณ์ก่อนจะเหลือบมองที่ริมฝีปากของเขา
ซูอันรู้สึกผิดเล็กน้อยจึงอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ข้าช่วยเจ้าไว้! ข้าไม่ได้พยายามเอาเปรียบเจ้า”
ฉู่ชูเหยียนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ข้ารู้”
ซูอันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพื่อทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัด ดังนั้นเขาจึงกัดกลีบดอกบัวอีกกลีบและเอนหน้าไปหาฉู่ชูเหยียนเพื่อป้อนให้นางอีกครั้ง แต่เขาก็หยุดกลางทางเมื่อนึกขึ้นมาได้
ตอนนี้นางตื่นแล้วนี่…ข้าไม่จำเป็นต้องป้อนนางด้วยปากแล้ว
ฉู่ชูเหยียนตกตะลึงเมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของ ซูอัน นางกระสับกระส่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนีและพูดว่า “ข้ากินเองได้”
นางตื่นแล้วและไม่ต้องการการป้อนอาหารด้วยปากอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงส่งกลีบดอกบัวที่เหลือไปให้นางเท่านั้น “เจ้ากินเองเถอะ”
ในขณะเดียวกัน เขาก็กลืนกลีบของดอกบัวเร้นลักษณ์ที่อยู่ในปากของเขาเข้าไปแล้ว โดยสงสัยว่าเพียงกลีบเดียวจะเพียงพอที่จะปลดผนึกของเขาหรือไม่ เขาหยิบยาคลายผนึกที่จี้เติ้งถูปรุงให้เขาแล้วกลืนตามลงไปทันที
จากนั้นเขาก็เริ่มสังเกตการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เขากลืนยาคลายผนึกเข้าไป เขาก็สัมผัสได้ถึงความร้อนที่พุ่งเข้าสู่ช่องท้องของเขา ในเวลาเดียวกัน ยังมีพลังอันสดชื่นที่ดูเหมือนจะมาจากดอกบัวเร้นลักษณ์เสริมเข้ามา
ความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วผสมผสานกับพลังอันสดชื่น พลังทั้งสองสายเคลื่อนลงไปยังส่วนล่างของร่างกายเขาเรื่อย ๆ พร้อมกับเปิดเส้นลมปราณหลายเส้นของเขา เขารู้สึกเหมือนกับโซ่ตรวนบนร่างกายของเขาค่อย ๆ ถูกปลดออก
“ยังพอเป็นไปได้!”
ดวงตาของซูอันเป็นประกาย เขามุ่งความสนใจไปที่การโคจรพลังเพื่อเปิดเส้นลมปราณที่ถูกผนึกไว้
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีในช่วงเริ่มต้น แต่จู่ ๆ เส้นทางโคจรของพลังดูเหมือนจะถูกหยุดเอาไว้โดยม่านพลังบางอย่างที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ซึ่งเขาไม่สามารถทำลายได้ ทุกครั้งที่เขาพยายาม พลังงานที่โคจรจะค่อย ๆ ลดลงจนหายไปในที่สุด
แค่กลีบเดียวมันคงไม่พอ!
ซูอันเกือบจะน้ำตาไหล สวรรค์…ทำไมชีวิตข้าช่างยากเย็นนัก!
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ทั้งหมด ซูอันตระหนักว่าอักขระตัวที่ห้าของเขาเต็มไปด้วยของเหลวสีทอง ซึ่งจริง ๆ แล้วต้องใช้ผลไม้พลังชี่ถึง 377 ผล แต่ด้วยกลีบดอกบัวเร้นลักษณ์เพียงกลีบเดียวกลับเลื่อนระดับการบ่มเพาะได้อย่างง่ายดาย
ข่าวลือเป็นความจริง! กลีบดอกบัวเพียงกลีบเดียวสามารถเพิ่มการบ่มเพาะได้ 1 ขั้น!
แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเขายังปลดผนึก ‘ซูอันน้อย’ ไม่ได้!
“นี่คือดอกอะไร?” ฉู่ชูเหยียนถาม
ก่อนหน้านี้จิตใจของนางยุ่งเหยิง ดังนั้นนางจึงกลืนกลีบดอกบัวทั้งหมดที่ซูอันมอบให้นางโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อนางรู้สึกถึงพลังลึกลับที่สงบนิ่งไหลบ่าเข้ามาในร่างกายของนาง นางตระหนักในทันทีว่าสิ่งที่นางเพิ่งกินไปนั้นไม่ธรรมดา
เส้นสมปราณของนางยังคงขาดอยู่ แต่อาการบาดเจ็บของนางก็หายดีแล้ว อันที่จริงนางมีความรู้สึกว่าตราบใดที่นางพยายามฟื้นตัวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นางอาจจะสามารถสร้างเส้นลมปราณที่เสียหายของนางขึ้นมาใหม่ได้!
ในขณะที่การบ่มเพาะอาจจะไม่คืนกลับมา และการเคลื่อนไหวของนางก็อาจจะว่องไวน้อยกว่าคนทั่วไป ถึงอย่างนั้นก็ยังดีกว่าเป็นอัมพาตไปตลอดทั้งชีวิต
“ข้าบังเอิญเจอดอกบัวที่เป็นยานี่ และสังเกตว่าเจ้าใกล้จะหมดลมแล้ว ดังนั้นข้าจึงป้อนมันแก่เจ้า” ซูอันไม่ใช่คนประเภทปิดทองหลังพระ แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกหงุดหงิดเกินกว่าจะเปิดเผยชื่อของดอกบัวเร้นลักษณ์และสรรพคุณที่สามารถเปิดผนึก ‘ซูอันน้อย’ ได้ซึ่งตอนนี้เขาไม่อยากพูดถึงด้วยซ้ำ
ทันใดนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเสียงกระซิบที่เขาได้ยินมาตลอดทางหายไป
“ใครกันที่กล้าแตะต้องดอกบัวเร้นลักษณ์ของข้า!!!” เสียงเกรี้ยวกราดดังสะท้านสะเทือนมาจากที่ไกล
[1] แซ่นี้ค่อนข้างหายาก โดยเฉพาะเป็นแซ่ของไทเฮาเสวียนในราชวงศ์ฉิน
[2] เป็นละครประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ฉิน ของไทเฮาเสวียนหมี่เยวี่ย