เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 315 ผู้ตรวจการ
บทที่ 315 ผู้ตรวจการ
บทที่ 315 ผู้ตรวจการ
“ทำไมล่ะ” เฉียวเสวี่ยอิงงงงวย “ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าก็มุ่งหน้าไปทางอุกกาบาตก่อนหน้านี้ เจ้าน่าจะมองเห็นได้ว่าใครเข้าไปใกล้อุกกาบาตบ้าง!”
“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงบอกว่ามันไม่ง่ายในการแก้ปัญหานี้…” ซูอันหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ข้อความที่อยู่บนอุกกาบาตมันถูกสลักเอาไว้ก่อนจะตกลงมาถึงพื้นแล้วต่างหาก!”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง?” หญิงสาวตกตะลึง อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้านางก็ยิ้มแย้มด้วยความยินดีก่อนที่จะพูดว่า “ถ้างั้นแค่พูดความจริงก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ? เท่านี้พวกชาวบ้านก็รอดพ้นจากข้อกล่าวหาแล้ว!”
“เจ้าต้องโง่แค่ไหนถึงพูดออกมาแบบนี้ได้?” ซูอันมองไปที่เฉียวเสวี่ยอิง “เจ้าไม่รู้เหรอว่าการพูดความจริงหมายความว่ายังไง? นั่นเป็นการยืนยันความจริงที่ว่าสวรรค์ได้กำหนดไว้ว่าจักรพรรดิจะต้องสิ้นพระชนม์! ไม่มีทางที่จักรพรรดิจะปล่อยพวกเราไปถ้าเรารายงานเรื่องนี้ตามความจริง!”
“แล้วเราจะทำยังไงดี?” เฉียวเสวี่ยอิงหน้าซีด “เราพูดความจริงไม่ได้ และชาวบ้านที่นี่ก็เป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งนั้น เราจะไม่บังคับให้ใครยอมสารภาพเป็นแพะรับบาปใช่มั้ย?”
“มันไม่ง่ายเลยที่จะทำอย่างนั้น แม้ว่าเราจะอยากทำก็ตาม” ซูอันตอบอย่างเย็นชา “ราชวงศ์ฉินมีกฎหมายที่เข้มงวดมาก การดูหมิ่นจักรพรรดิอย่างร้ายแรงมีโทษถึงขั้นประหารเก้าชั่วโคตร! ใครมันจะไปยอมรับโทษอันน่าสยดสยองแบบนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาไม่มีความผิดอะไรด้วยซ้ำ!”
“หมายความว่าเราไม่สามารถหาฆาตกรได้ภายในวันเดียวใช่มั้ย?” เฉียวเสวี่ยอิงถามด้วยสีหน้าหม่นหมอง
“เรื่องนี้เรามีทางออก” ซูอันมองไปทางชาวบ้านในขณะที่เขาพูดเสียงเย็น
“ทางไหน?” เฉียวเสวี่ยอิงถาม
“ถ้าไม่มีใครยอมรับ เราก็แค่ต้องฆ่าชาวบ้านทั้งหมดที่อยู่ใกล้อุกกาบาต ผู้ร้ายต้องเป็นหนึ่งในชาวบ้านเหล่านี้อยู่ดี จักรพรรดิไม่ได้สนใจเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของประชาชนมากนัก ดังนั้น เราจึงสามารถปิดคดีนี้ได้โดยไม่มีปัญหา” ซูอันวิเคราะห์ปัญหาและทางออกอย่างลึกซึ้ง
นี่คือเหตุการณ์ ‘ดาวปาริชาตครองใจ’ ในปีที่ 36 แห่งการปกครองของจิ๋นซีฮ่องเต้ที่เปิดเผยในประวัติศาสตร์ ไม่มีใครในหมู่บ้านยอมรับว่าได้สลักข้อความบนอุกกาบาต ดังนั้นท้ายที่สุดพวกเจ้าหน้าที่จึงฆ่าชาวบ้านทั้งหมด พวกเขายอมฆ่าชาวบ้านทุกคนมากกว่าปล่อยให้คนร้ายเป็นอิสระ
ซูอันดีใจที่เขารู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เรื่องนี้ ดังนั้นจึงรู้ทางออกจากความขัดแย้ง เขาสามารถทำลายผนึกสวรรค์ได้ง่ายกว่าผนึกมนุษย์และผนึกปฐพีก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม เฉียวเสวี่ยอิงคัดค้านทันที “ทำอย่างนั้นได้ยังไง! มันโหดร้ายเกินไป ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำแบบนั้นแน่ ๆ!”
ซูอันขมวดคิ้ว “เจ้าควรยอมรับว่าทุกสิ่งที่เจ้าเห็นเป็นเพียงภาพลวงตาที่เกิดจากผนึกสวรรค์ พวกเขาไม่ใช่คนจริง ๆ ดังนั้นเจ้าจะบอกว่ามันโหดร้ายได้ยังไง?”
เฉียวเสวี่ยอิงฉุนเฉียว นางส่ายหัวและกล่าวว่า “เราเคยคลุกคลีใกล้ชิดกับพวกเขา พวกเขาไม่ต่างจากมนุษย์ที่มีชีวิตอย่างเรา ๆ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงภาพลวงตา ข้าก็ไม่สามารถเห็นแก่ตัวพรากชีวิตของผู้บริสุทธิ์จำนวนมากเพื่อเป้าหมายของตัวเองได้ เจ้าจะพูดว่าข้าโง่และอ่อนต่อโลกก็ได้ แต่ข้าทำไม่ได้จริง ๆ”
ชายหนุ่มเยาะเย้ยเพื่อตอบกลับ “แต่ทำไมตอนเจ้าจะเอาชีวิตข้า ถึงดูมุ่งมั่นไม่ลังเลเลยล่ะ?”
เฉียวเสวี่ยอิงหน้าร้อนขึ้นทันที “ตอนนั้นมันคนละเรื่อง! เจ้าเป็นศัตรู แถมเจ้าควรจะรู้ตัวว่าเจ้าเองก็ทำตัวน่ารังเกียจมากสุด ๆ นี่เจ้ายังจะหวังให้ข้าแสดงความเมตตาต่อเจ้างั้นเหรอ?”
ซูอันลูบไล้ใบหน้าของตัวเองและกล่าวว่า “ใบหน้าข้าหล่อเหลาขนาดนี้ เจ้ารังเกียจข้าลงจริง ๆ เหรอ? ดูเหมือนว่าเจ้ามีดวงตาไว้เพื่อประดับใบหน้าเท่านั้นเอง”
เฉียวเสวี่ยอิงนิ่งไป ไม่ตอบอะไรอีก
ตอนนี้เองที่ใต้เท้าหวังรีบวิ่งเข้ามาและทำท่ากระซิบกระซาบกับซูอัน “ท่านผู้ตรวจการ เราสอบปากคำชาวบ้านทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่มีใครยอมรับผิด ข้าว่าเราควรจะ…”
เขายักคิ้วไปทางชาวบ้านแล้วใช้นิ้วชี้ทำท่าปาดคอตัวเอง “เพื่อองค์จักรพรรดิเราจะปล่อยกบฏให้ลอยนวลไปไม่ได้…”
ก่อนที่ซูอันจะตอบใต้เท้าหวัง เฉียวเสวี่ยอิงได้พูดขัดขึ้นมา “ข้าจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน!”
ใบหน้าของใต้เท้าหวังมืดลง “คุณหนู ถ้าไม่เห็นด้วยกับวิธีของข้า ทำไมไม่เสนอวิธีแก้ปัญหาอื่นล่ะ? ถ้าเราไม่ฆ่าคนพวกนี้ คนที่ตายก็ต้องเป็นเรา! ท่านผู้ตรวจการ ในเวลานี้ท่านต้องเด็ดขาดแล้วล่ะ!”
เฉียวเสวี่ยอิงดึงแขนเสื้อของซูอันเป็นการขอร้อง
ซูอันถอนหายใจยาวและกล่าวว่า “ใต้เท้าหวัง สอบปากคำพวกเขาอีกรอบ และถ้าหากยังไม่ได้เรื่องอีก เราค่อยลองหาวิธีอื่น”
“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านผู้ตรวจการ” ใต้เท้าหวังตอบพร้อมพยักหน้า แต่ขณะที่เขากำลังจะจากไป ทหารคนหนึ่งก็วิ่งมาข้างหน้าเขาและรายงาน “ข่าวร้าย ใต้เท้า! หัวหน้าหมู่บ้านเสียชีวิตระหว่างการสอบสวน และลูกชายของเขากำลังบ้าคลั่ง หลายคนได้รับบาดเจ็บเพราะเขา!”
ใต้เท้าหวังโกรธจัด “บังอาจ! กล้าดียังไงมาสร้างความวุ่นวายในเวลาแบบนี้? ใครก็ตามที่พยายามขัดขวางความสงบเรียบร้อยของสาธารณชนต้องชดใช้ด้วยชีวิต ฆ่ามันซะ!”
ทหารที่รับคำสั่งกำลังจะวิ่งออกไป แต่ซูอันหยุดเขาเอาไว้ “จงบอกมา หัวหน้าหมู่บ้านตายเพราะอะไร?”
“ท่านผู้ตรวจการ หัวหน้าหมู่บ้านมีสุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว และอาการหมดสติก่อนหน้านี้ทำให้เขาแย่ลง พวกเราอาจทรมานเขาเล็กน้อยระหว่างการสอบสวน แต่เราแน่ใจได้ว่าไม่ได้ทำอะไรรุนแรงเกินไป! ชาวบ้านคนอื่น ๆ ทั้งหมดที่เราเพิ่งสอบสวนไปก็ไม่เห็นว่ามีใครเป็นอะไร มีแต่หัวหน้าหมู่บ้านคนเดียวที่จู่ ๆ ก็ตายไปเฉย ๆ!” ทหารเช็ดเหงื่อพร้อมตอบอย่างเร่งรีบ
ซูอันพยักหน้าตอบ หัวหน้าหมู่บ้านอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่อยู่ก่อนแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะเสียชีวิตระหว่างการสอบสวน ในยุคนี้เป็นแนวปฏิบัติปกติที่จะทรมานผู้ต้องสงสัยเพื่อให้สารภาพ ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้ทหารจึงไม่ควรถูกตำหนิ
“จับลูกชายของเขาไปขังไว้ ข้าจะจัดการอีกที”
ทหารรีบวิ่งออกไปเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของซูอัน และในไม่ช้าเฉินเว่ยก็พบว่าตัวเองถูกทหารล้อมกรอบเอาไว้ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะ มันก็ยากที่จะจัดการกับศัตรูจำนวนมากในคราวเดียว ในไม่ช้า เขาก็ถูกล่ามโซ่ตรึงเอาไว้
“เจ้าตั้งใจจะฆ่าพวกชาวบ้านจริง ๆ เหรอ?” เฉียวเสวี่ยอิงถามอย่างกังวล
ซูอันหันไปมองตานางครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “เจ้าตั้งใจจะช่วยพวกเขางั้นเหรอ?”
เฉียวเสวี่ยอิงพยักหน้าทันที
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะเรียกข้าว่า ‘ท่านพี่’ ต่อจากนี้ไป ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
“ข้า…” เฉียวเสวี่ยอิงหน้าแดง ที่นางเคยเรียกเขาในคราวก่อนเพราะนางคิดว่านางใกล้จะตายแล้วจึงอยากหูตาสว่างก่อนตาย แต่ในตอนนี้ไม่มีทางที่นางจะเรียกเขาว่า ‘ท่านพี่’ ได้เลย
ชายหนุ่มแสร้งถอนหายใจกล่าวว่า “ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าอยากจะช่วยคนเหล่านี้จริง ๆ แต่ในท้ายที่สุด เจ้าก็ไม่สามารถแม้แต่จะยอมเสียศักดิ์ศรีเรียกข้าว่า ‘ท่านพี่’ เพื่อพวกเขาได้”
เฉียวเสวี่ยอิงโกรธจัด “เจ้ากำลังเอาเปรียบข้า!”
ซูอันยักไหล่ “ข้าเคยบอกว่าตัวข้าเป็นหลวงจีนมาก่อนหรือไง? ทำไมข้าถึงต้องช่วยเหลือคนที่ไม่เกี่ยวข้องและไม่มีผลประโยชน์กับข้าด้วย? แถมก่อนหน้านี้ชาวบ้านพวกนี้ยังพยายามจะขับไล่ข้าออกไปอีกต่างหาก”
เฉียวเสวี่ยอิงกัดฟันกรอด “เจ้าจะช่วยชีวิตพวกเขาจริง ๆ ใช่มั้ยถ้าข้าเรียกเจ้าว่าท่านพี่?”
“ข้าหวังว่าเจ้าจะเรียกข้าแบบนั้นตลอดไป” ซูอันแก้ไข “นอกจากนี้ ข้าแค่จะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ข้าไม่รับประกันหรอกนะว่าข้าจะสามารถช่วยพวกเขาได้สำเร็จ”
“เจ้ายังรับประกันความสำเร็จไม่ได้ ทำไมข้าถึงต้องเรียกเจ้าว่าท่านพี่ตลอดไป? ไร้สาระ!” เฉียวเสวี่ยอิงบ่น
“อืม งั้นหยุดเรียกข้าว่าท่านพี่ก็ได้ถ้าข้าช่วยพวกเขาไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยเจ้าควรเรียกข้าว่า ‘ท่านพี่’ นับจากนี้ไปก่อนจริงไหม?” ซูอันถามด้วยรอยยิ้ม
“ก็ได้! แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถรักษาสัญญาของเจ้าไว้ได้!” เฉียวเสวี่ยอิงเม้มริมฝีปากขณะที่ใบหน้าแดงก่ำ นางใช้เวลาสักครู่ก่อนที่นางจะพึมพำเบา ๆ ในที่สุด “ท่านพี่!”
ชายหนุ่มโน้มตัวเข้ามาใกล้เล็กน้อยในขณะที่เขาถามว่า “เจ้าพูดอะไรนะ? เจ้าพูดเบาเกินไปจนข้าได้ยินไม่ชัด”
“อย่าให้มันมากนักนะ!” เฉียวเสวี่ยอิงมองเขาด้วยความโกรธ
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 33!
—
“ก็ข้าไม่ได้ยินจะให้ข้าทำยังไง? เสียงของเจ้าเบาเกินไป”
ซูอันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับคะแนนความโกรธแค้นที่เฉียวเสวี่ยอิงมอบให้ในตอนนี้ นางเคยเป็นเหมือนถังดินปืน ที่ระเบิดความโกรธแค้นออกมาอย่างมหาศาล แต่ดูเหมือนว่าดินปืนของนางจะเริ่มลดต่ำลงแล้ว ดังนั้นคะแนนความโกรธแค้นของนางจึงต่ำลงอย่างน่าใจหาย