เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 318 โลงศพผลึกแก้ว
บทที่ 318 โลงศพผลึกแก้ว
บทที่ 318 โลงศพผลึกแก้ว
“เป็นไปได้ไหมว่าเพื่อนของเจ้าชื่อหวู่กวง?” ซูอันถามขึ้นเมื่อนึกถึงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับราชวงศ์ฉินที่เขาเคยอ่าน
เฉินเซิงตกตะลึง “นี่ท่านรู้ได้ยังไง?”
“ข้าแค่เดา ขอให้เจ้าโชคดีก็แล้วกัน” ซูอันตอบด้วยรอยยิ้ม
เฉินเซิงกำหมัดและกล่าวว่า “ข้าจะตอบแทนพระคุณที่ได้รับในวันนี้อย่างแน่นอน ข้าขอลา!”
เฉินเซิงบอกลาทั้งสองคนก่อนจะจากไปพร้อมกับย่างก้าวอันหนักแน่น
ขณะที่เฉียวเสวี่ยอิงเฝ้าดูเฉินเซิงจากไป นางถามชายที่อยู่ข้าง ๆ นางว่า “เจ้าปิดบังอะไรข้าอยู่หรือเปล่า?”
ซูอันเดาะลิ้น “มันแปลกตรงไหนที่ข้าจะปิดบังเรื่องต่าง ๆ ของข้าจากเจ้า? เจ้าไม่ใช่ภรรยาของข้าสักหน่อย ไม่สิ อันที่จริงเจ้าไม่ต่างอะไรจากคนนอกสำหรับข้าด้วยซ้ำไม่ใช่หรือไง?”
เฉียวเสวี่ยอิงนิ่งไป
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—
ให้ตายเถอะ ข้าอยากจะตบปากไอ้คน ๆ นี้จริง ๆ!
เฉียวเสวี่ยอิงข่มสติเพื่อระงับความโกรธของนางก่อนที่จะถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาไปหาคนชื่อหวู่กวง? ทำไมข้ารู้สึกว่ามันเหมือนกับว่าเจ้าจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป”
“โอ้? ทำไมเจ้าถึงเรียกข้าว่า ‘เจ้า’ แทนที่จะเป็น ‘ท่านพี่’ ”ซูอันตั้งข้อสังเกตด้วยความไม่พอใจ “ส่วนคำตอบของคำถาม มันเป็นเพราะข้าฉลาด ต่อไปในอนาคต เจ้าจะรู้ว่าข้ามีความสามารถมหัศจรรย์อีกเยอะเลยล่ะ!”
“เจ้านี่หลงตัวเองมากกว่าที่ข้าคิดซะอีก!” เฉียวเสวี่ยอิงพูดจิกกัด แต่นางก็ยังคงอารมณ์ดีหลังจากที่ซูอันช่วยหมู่บ้านเฉินตามคำขอของนาง ดังนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะไม่ถือสาเรื่องนี้กับเขา “ว่าแต่ข้าสงสัยว่าเมื่อไหร่ผนึกจะถูกทำลาย?”
“เราอาจต้องการคำยืนยันจากทางราชสำนักก่อน” ซูอันยังคงไม่สบายใจเล็กน้อย ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าแผนของตนจะได้ผลจริงหรือไม่
ในขณะเดียวกัน ใต้เท้าหวังปลอมแปลงที่เกิดเหตุเสร็จแล้ว และเปิดใช้กระจกสื่อสารเพื่อถ่ายทอดข้อความที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้าไปยังราชสำนัก
ครู่ต่อมาพื้นที่รอบ ๆ ซูอันก็เริ่มบิดเบี้ยว จากนั้นสภาวะไร้น้ำหนักที่คุ้นเคยก็เข้ามาแทน จากนั้นทั้งสองคนก็กลับมาที่สุสานใต้ดินเรียบร้อยแล้ว
“พวกเจ้าสองคนสามารถทำลายผนึกสวรรค์ได้จริง ๆ งั้นเหรอ? ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ!” เสียงของหมี่ลี่ดังขึ้นด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนว่านางไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะเอาชนะการทดสอบที่ยากลำบากที่เกิดจากผนึกทั้งสามได้ง่ายขนาดนี้? ว่าแต่มันง่ายจริง ๆ เหรอ?
ซูอันคิดถึงการทดสอบจากผนึกสวรรค์ พูดตามตรง มันไม่ได้ยากเหมือนผนึกมนุษย์และผนึกปฐพีก่อนหน้านี้ การทดสอบนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงความสามารถในด้านการบ่มเพาะหรือการต่อสู้ แต่เป็นการตัดสินใจที่เฉียบคมและ…อาศัยโชค!
ซูอันโชคดีมากที่เลือกจะช่วยเหลือชาวบ้านในตอนท้ายและรู้ว่าจะต้องไม่ให้เฉินเซิงตายที่นั่น ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีทางเอาชีวิตรอดจากผนึกสวรรค์ได้
หากเป็นผู้บ่มเพาะสักคนหนึ่งที่ไม่รู้ถึงประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ไม่สิ แม้ว่าคนผู้นั้นจะมีความรู้แบบเดียวกับเขา โอกาสที่จะตายย่อมมีสูงกว่าอัตราความสำเร็จอย่างแน่นอน
ในขณะที่ซูอันยังคงครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ ผนึกบนพื้นก็ค่อย ๆ เปิดออก เผยให้เห็นหลุมสีดำสนิท
“ผนึกทั้งสามถูกทำลายแล้ว เจ้าควรออกมาได้แล้วใช่มั้ย?” ซูอันถาม
“โลงศพของข้าอยู่ในระดับถัดไป เจ้าต้องดึงกระบี่ออกจากโลงศพของข้าเพื่อปลดปล่อยผนึกปราบปรามวิญญาณ” หมี่ลี่ตอบ
เฉียวเสวี่ยอิงดึงมือของซูอันและเตือนว่า “ระวังตัวด้วย”
ซูอันพยักหน้าตอบ “รอข้าที่นี่แหละ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ให้ล่อแม่ทัพผีดิบทหารมาที่นี่เพื่อให้สุนัขสองตัวกัดกัน…อ่าไม่ได้สิ ๆ ถ้านางตั้งใจจะทำร้ายเราจริง ๆ ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่มีเวลาหนีไปเหมือนกัน งั้นเอางี้ ตอนนี้เจ้ากลับไปหาชูเหยียนก่อน ถ้าเจ้าไม่เห็นข้าหลังจากชั่วเวลาหนึ่งก้านธูป จงบอกกับจางฮั่นไปว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่”
เฉียวเสวี่ยอิงปฏิเสธ “ไม่ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย อย่างน้อยเราก็ดูแลกันและกันได้!”
“ไม่ ถึงเจ้าจะตามไปก็ไม่ใช่คู่มือของนางหรอก เคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘อย่าใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียว’ หรือไม่?” ซูอันกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
เฉียวเสวี่ยอิงเงียบไป นางเองรู้ตัวดีว่านางไม่ใช่คู่มือของจางฮั่นเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าหมี่ลี่ตั้งใจจะทำร้ายพวกเขาจริง ๆ การมีตัวตนของนางจะไม่สร้างความแตกต่างอะไรได้ ทางที่ฉลาดกว่านั้นคือการเก็บตัวเองเป็นไพ่ใบสุดท้าย หากสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้น “เข้าใจแล้ว ดูแลตัวเองด้วยก็แล้วกัน”
ซูอันพยักหน้าก่อนที่จะกระโดดลงไปที่ระดับถัดไปอย่างระมัดระวัง มันเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ซึ่งมีโลงศพผลึกใสเรืองแสงตั้งอยู่ตรงกลาง
“ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าใครเป็นสุนัข?” เสียงเย็น ๆ แว่วเข้ามาในหูก่อนที่เขาจะเดินเข้าไป
“อ๊ะ ได้ยินหมดเลยเหรอ?” ใบหน้าของซูอันร้อนขึ้นด้วยความอับอาย การถูกจับได้ว่าพูดไม่ดีถึงคนอื่นเป็นเรื่องน่าอึดอัดใจเสมอ
หมี่ลี่ถอนหายใจและพูดว่า “คนชรามักจะมีประสาทหูที่แหลมคม ยังไงก็ตามข้าสามารถได้ยินมันเสมอเมื่อมีคนพูดถึงข้าในทางที่ไม่ดี”
ซูอันหวนกลับไปสู่ตัวตนที่ไร้ยางอายตามปกติของเขาและเดินเตร่ “ฝ่าบาท ระดับการบ่มเพาะของท่านคงไปถึงจุดที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนซึ่งคนอย่างข้าคงทำได้แค่แหงนมองขึ้นไป อา…ความเคารพของข้าที่มีต่อท่านไหลหลากราวกับกระแสน้ำที่ไม่หยุดหย่อนของแม่น้ำแยงซี ในโลกนี้คงไม่มีใครเทียบท่านได้อีกแล้ว!”
หมี่ลี่เงียบไป
“ฮึ่ม ลิ้นของเจ้าทำให้ข้านึกถึง จ้าวเกา*[1] ข้าไม่ชอบใจเอาซะเลย!” หมี่ลี่พูดเสียงหงุดหงิด
ชายหนุ่มพูดไม่ออก เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่ตนจะถูกเปรียบเทียบกับ จ้าวเกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ้าวเกานั้นเป็นขันที!
ดูถูกข้าเกินไปแล้ว!
“พอแล้ว! รีบไปเก็บกระบี่ที่ลอยอยู่กลางอากาศ” หมี่ลี่กล่าว “กระบี่นั่นเป็นแหล่งพลังของผนึกปราบปรามวิญญาณ ใครก็ตามที่เข้าใกล้จะถูกแทงด้วยปราณกระบี่ แต่เมื่อเจ้าได้รับการยอมรับจากผนึกปราบปรามวิญญาณ เจ้าจะไม่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามใด ๆ จากมัน”
“ไม่มีกับดักอะไรใช่ไหม?” ซูอันหวาดเกรงหลังจากได้ยินว่ากระบี่นี้แข็งแกร่งเพียงใด
“หลอกเจ้าไปข้าจะได้อะไร? ข้าหวังว่าจะได้หลุดพ้นจากผนึกปราบปรามวิญญาณเช่นกัน แต่ว่าเจ้าไม่เหลือเวลามากสักเท่าไหร่แล้วตอนนี้ จางฮั่นจัดการกับเหล่าวิญญาณเรียบร้อยแล้ว และในไม่ช้าก็จะกลับไปหาภรรยาเจ้าเพื่อทำพิธีบูชายัญ” หมี่ลี่กล่าว
เมื่อนึกถึงฉู่ชูเหยียนที่ยังนอนอยู่บนแท่นบูชา ซูอันก็กัดฟันเดินไปที่โลงศพผลึกแก้ว เขาสังเกตเห็นว่ามีเชือกเก้าเส้นที่ทำมาจากโลหะชนิดหนึ่งพันรอบโลงศพผลึกแก้ว เชือกเหล่านี้เชื่อมต่อกับกระบี่โบราณที่ลอยอยู่ และปลายกระบี่ก็ชี้ไปที่โลงศพ
เมื่อเขาพยายามเดินเข้าไปใกล้ ซูอันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังที่พุ่งมาทางเขา หัวใจเขาเต็มตื้นไปด้วยความเคารพจนอยากจะคุกเข่าลงศิโรราบ
ล้อเล่นน่ะ! ในฐานะชายงามที่หยิ่งผยอง ข้าจะคุกเข่าให้กระบี่เล่มหนึ่งได้ยังไง!
ตัวตนเหนืออมตะ จ้องมองลงมายังโลกอย่างสูงส่ง ข้าจะครองสวรรค์ด้วยแป้นพิมพ์ในมือ นักรบคีย์บอร์ดหลายล้านคนอาจมีอยู่ในโลกนี้ แต่ทุกคนจะก้มกราบให้กับข้า เพราะไม่มีใครสามารถเป็นคู่มือของข้า จักรพรรดิเซียนคีย์บอร์ดได้!
ซูอันท่องคำเหล่านี้เพื่อให้กำลังใจตัวเอง ในที่สุดแรงกดดันที่ทำให้อยากคุกเข่าลงก็จางหายไป
“หืม? เจ้าสามารถทนต่อแรงกดดันของกระบี่ไท่เอ๋อร์ได้?” หมี่ลี่พึมพำอย่างประหลาดใจ
“กระบี่ไท่เอ๋อร์?” ซูอันรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นเคย กระบี่เล่มนี้เป็นหนึ่งในสิบกระบี่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ไม่ใช่เหรอ?
“กระบี่ไท่เอ๋อร์เป็นกระบี่แห่งราชันที่มีอยู่ตั้งแต่กำเนิดโลก เพียงแต่ว่าในตอนแรกเริ่มมันไม่มีรูปร่างและไม่มีใครสังเกตเห็น อย่างไรก็ตามปราณกระบี่ของมันกระจัดกระจายแฝงอยู่แล้วทั่วโลก รอผู้ที่ถูกเลือกมารวบรวม ในเวลาที่เหมาะสม สถานที่ที่เหมาะสม กระบี่เล่มนี้จึงจะก่อตัวขึ้น เป็นเรื่องบังเอิญที่สองปรมาจารย์ยอดมือกระบี่แห่งอาณาจักรฉู่ของเราสร้างมันขึ้นมาได้ จักรพรรดิองค์หนึ่งของเราเคยสังหารขุนศึกหลายพันชีวิตด้วยกระบี่เล่มนี้…”
เสียงของหมี่ลี่สะท้อนถึงความชื่นชมต่อบรรพบุรุษของนาง
“เพียงแต่อาณาจักรฉู่ พ่ายแพ้ให้อาณาจักรฉินในภายหลัง ในที่สุดกระบี่นี้ก็ตกไปอยู่ในมือของอิ่งเจิ้ง น่าแปลกที่เขาใช้กระบี่เล่มนี้เพื่อผนึกข้าเอาไว้”
เมื่อมองดูกระบี่ที่ลอยอยู่เหนือโลงศพผลึกแก้ว ซูอันก็เชื่อว่ากระบี่ที่อยู่ข้างหน้าเขาแตกต่างจากกระบี่ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เขาเคยอ่านในชีวิตก่อน กระบี่เล่มนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นอาวุธที่ออกมาจากตำนานหรือนวนิยายมากกว่าโลกมนุษย์
อย่างไรก็ตามแทนที่จะเดินไปดึงกระบี่ออกมาทันที เขาพูดก่อนว่า “พูดตามตรง ฝ่าบาท ข้าลังเลอยู่นิดหน่อย กังวลว่าท่านจะทรยศต่อคำสัญญาว่าจะช่วยภรรยาของข้าหลังจากที่ข้าปล่อยท่านออกมา มันไม่มีอะไรรับประกันข้าได้เลยโดยเฉพาะระดับการบ่มเพาะของข้าเทียบท่านไม่ได้แม้แต่น้อย”
[1] มหาขันทีผู้หนุนนำฉินเอ้อร์ซี จักรพรรดิหุ่นเชิดขึ้นครองราชย์ต่อจากจิ๋นซีฮ่องเต้โดยการปลอมราชโองการ