เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 323 การกลับมาของแม่ทัพผีดิบ
บทที่ 323 การกลับมาของแม่ทัพผีดิบ
บทที่ 323 การกลับมาของแม่ทัพผีดิบ
ซูอันหันไปมองอย่างรวดเร็ว แววตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น หาก หมี่ลี่ดูสง่างามและเย้ายวนในชุดหงส์ เสื้อผ้าบุรุษก็ทำให้นางดูกล้าหาญและสง่างาม
นางดูสง่างามเหมือนผู้ชาย แต่อ่อนโยนแบบผู้หญิง…
“โว้ว…แต่งตัวแบบนี้แล้วท่านดูดีมาก ๆ เลยนะเนี่ย แต่แน่นอนว่ายังดูดีน้อยกว่าข้าหน่อยนึง ถึงแม้ว่ายังขาดความเป็นชายอยู่ แต่โดยรวมแล้วอย่างน้อยสาว ๆ ตามท้องถนนคงมองเห็นท่านบ้างเมื่อท่านยืนอยู่ข้างข้า” ซูอันเอ่ยขึ้น
หมี่ลี่เริ่มชินกับปากของเขาแล้ว นางจ้องอีกฝ่ายเขม็งและพูดว่า “เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้…”
ก่อนที่นางจะพูดจบ ซูอันก็ขัดจังหวะ “หืม? เกิดอะไรขึ้น? ข้าไม่เห็นหรือได้ยินอะไรเลย?”
หมี่ลี่พอใจเมื่อเห็นว่าซูอันได้ตัดสินใจที่จะแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ดูเหมือนเขาจะยังมีไหวพริบอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม… ในไม่ช้านางก็หุบยิ้มและกลับมาดูสง่างามตามปกติ
“อ่า จริงสิ พี่สาว ท่านตามข้าไปช่วยชูเหยียนก่อนเถอะ! ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะสายเกินไป!” ซูอันรีบพูด
“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” หมี่ลี่เลิกคิ้วขึ้น
“พี่สาวเหรอ?” ซูอันถามกลับ “ข้าหมายความว่า ท่านดูแก่กว่าข้านิดหน่อย แต่ถ้าข้าเรียกท่านว่าพี่สาวแล้วไม่เหมาะสม… ถ้างั้นให้ข้าเรียกท่านว่าป้าหรือย่าดีไหม?”
“ย่างั้นเหรอ…?” เปลือกตาของหมี่ลี่กระตุก นางหักนิ้วดังกร๊อบ
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 256!
—
นางสูดหายใจเข้าลึก เพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “ไปช่วยภรรยาของเจ้าให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวกันไปแล้วกัน!”
ซูอันเงยหน้าขึ้นมองชั้นของผนึกทั้งสามที่สูงขึ้นไปไกลลิบและผนังก็เรียบเกินกว่าจะยึดเกาะได้ ถ้าเขาตกลงมา คงไม่มีทางที่จะลุกขึ้นได้อีก ดังนั้นชายหนุ่มจึงทำได้เพียงหันไปหาหมี่ลี่อย่างเขินอายและพูดว่า “พี่สาว ท่านพอจะช่วยพาข้าขึ้นไปสักหน่อยจะได้ไหม?”
“คนที่มีระดับการบ่มเพาะของอย่างเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นคนยกน้ำชาให้ข้าด้วยซ้ำ!” หมี่ลี่บ่นอย่างเย็นชา แต่นางก็คว้าเสื้อของเขาและเหินขึ้นไปด้านบนสุด
เมื่อเห็นว่าถ้ำนี้ลึกเพียงใด ซูอันก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเฉียวเสวี่ยอิงกลับขึ้นมาได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเรื่องนี้คงไม่มีปัญหาสำหรับนางเนื่องจากนางสามารถใช้เถาวัลย์ได้ดั่งใจต้องการ
ชั่วขณะหนึ่ง ซูอันสงสัยว่าเขาจะแสร้งทำเป็นโรคกลัวความสูงเพื่อเป็นข้ออ้างที่จะโอบเอวหมี่ลี่ได้หรือไม่ ร่างกายของนางช่างงดงามอย่างเหลือเชื่อเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้…
แต่แล้ว ชายหนุ่มก็นึกถึงแรงกดทับอันน่าสะพรึงกลัวที่เคยเจอก่อนหน้านี้ ซึ่งมันทำให้เขาหยุดความคิดของตัวเองอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าความปลอดภัยต้องมาก่อน
…
หลังจากที่เฉียวเสวี่ยอิงแยกทางกับซูอัน นางก็มุ่งหน้าไปยังชั้นบนสุดซึ่ง ฉู่ชูเหยียนยังคงถูกมัดไว้กับแท่นบูชา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เสวี่ยเอ๋อร์!” เมื่อฉู่ชูเหยียนเห็นเฉียวเสวี่ยอิงอยู่คนเดียว นางรีบถามทันทีว่า “อาซู อยู่ที่ไหน? ร…หรือว่าเขา…”
แค่คิดถึงชะตากรรมอันน่าสยดสยองที่อาจเกิดขึ้นกับซูอัน ดวงตาของฉู่ชูเหยียนก็คลอไปด้วยน้ำตา
เฉียวเสวี่ยอิงถอนหายใจ นางดูเหมือนนางฟ้าแม้ในขณะที่มีน้ำตา ขนาดข้าเป็นผู้หญิงก็ยากที่จะต้านทานเสน่ห์ของนางได้
“คุณหนูฉู่ ที่ผ่านมาท่านไม่ได้รังเกียจเขาเหรอ? ทำไมตอนนี้ท่านถึงห่วงเขาล่ะ?” เฉียวเสวี่ยอิงถาม นางอดไม่ได้ที่จะมองไปทางผนึกและสงสัยว่าซูอันเป็นอย่างไรในตอนนี้
ฉู่ชูเหยียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เฉียวเสวี่ยอิงเรียกนางแตกต่างจากเมื่อก่อน แต่นางเข้าใจว่าไม่มีทางที่เสวี่ยเอ๋อร์จะเรียกนางว่า ‘คุณหนู’ อีก “เขาเสียสละเพื่อข้ามามาก ถ้าเขาเลือกที่จะทิ้งข้า เขาคงหนีไปได้อย่างปลอดภัย”
“แค่นั้นเหรอ?” เฉียวเสวี่ยอิงถามขณะที่นางนั่งลงข้างแท่นบูชา
ฉู่ชูเหยียนตกตะลึงกับคำถามของเฉียวเสวี่ยอิง เหตุผลที่ข้ารู้สึกเป็นห่วงเขามาก เป็นเพราะเขาช่วยชีวิตข้าไว้แค่นั้นหรือเปล่า?
นางนึกถึงตอนที่ซูอันยังคงกอดนางไว้แม้ในขณะที่ต่อสู้กับผีดิบทหาร และใช้ร่างกายของเขาปกป้องนางหลายครั้งโดยไม่ลังเล นอกจากนี้ชายหนุ่มยังกล้าเสี่ยงอันตรายจากการทำลายผนึกปราบปรามวิญญาณเพียงเพราะหวังที่จะช่วยนางให้เป็นอิสระจากแท่นบูชา
ที่สำคัญที่สุด ชายหนุ่มยังเต็มใจที่จะสละดอกบัวเร้นลักษณ์ ซึ่งสำคัญมากสำหรับเขาเช่นกัน เพื่อช่วยนางที่กำลังจะตาย…
เมื่อนึกถึงใบหน้าที่เจ็บปวดของเขารอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของฉู่ชูเหยียนโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม นางก็นึกขึ้นได้ว่าเฉียวเสวี่ยอิงกลับมาโดยไม่เห็นเงาของซูอัน
“เสวี่ยเอ๋อร์ ตอนนี้ อาซู อยู่ที่ไหน? มีอะไรเกิดขึ้นในผนึกงั้นเหรอ?” ฉู่ชูเหยียนถามอย่างกังวล
“ท่านไม่ต้องกังวล เขาสบายดี เราทำลายผนึกทั้งสามได้ด้วยกัน” เฉียวเสวี่ยอิงตอบ
“เจ้านี่แข็งแกร่งจริง ๆ ที่สามารถทำลายผนึกพวกนั้นได้ ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไปจริง ๆ”ฉู่ชูเหยียนพูดพร้อมกับถอนหายใจ
ในมุมมองของนาง แม้ว่าซูอันจะมีวิธีการลึกลับมากมาย แต่เขาก็ยังคงเป็นเพียงผู้บ่มเพาะระดับสาม นางเชื่อว่าคนที่มีส่วนสำคัญในการทำลายผนึกน่าจะเป็นเฉียวเสวี่ยอิงที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่า
เฉียวเสวี่ยอิงถอนหายใจและพูดว่า “คุณหนูฉู่ ดูเหมือนว่าท่านจะไม่เข้าใจอะไรเลย”
ฉู่ชูเหยียนกะพริบตาด้วยความสับสน ไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังคำพูดของอีกฝ่าย “เสวี่ยเอ๋อร์ ดูเหมือนเจ้าจะเปลี่ยนไป เจ้าเคยเกลียดอาซูมาก เจ้าสองคนทะเลาะกันแทบทุกเรื่อง แต่ตอนนี้…ข้าอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ แต่ความรู้สึกของเจ้าที่มีต่อเขาน่าจะเปลี่ยนไปมาก”
เฉียวเสวี่ยอิงใจเต้นผิดจังหวะ นางรีบปัดว่า “ท่านคิดมากเกินไปแล้ว! ข้ายังเกลียดไอ้บ้านั่นเหมือนเดิม!”
แค่คิดว่าผู้ชายคนนั้นยั่วโมโหนางครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาก็เกินพอแล้วที่นางจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ
“เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเขาอยู่ไหน?” ฉู่ชูเหยียนพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เขาไปช่วยผู้หญิงลึกลับคนนั้น ใครจะรู้? บางทีเขาอาจจะหลงเสน่ห์นางไปแล้วก็ได้” เฉียวเสวี่ยอิงนึกถึงเสียงของหมี่ลี่ และเดาว่าต้องเป็นผู้หญิงที่สวยมาก
“การที่ผู้หญิงคนนั้นถูกผนึกไว้ หมายความว่านางจะต้องเป็นคนที่อันตราย ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าการช่วยปลดปล่อยนางเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่” ฉู่ชูเหยียนกล่าวด้วยความกังวล
เฉียวเสวี่ยอิงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับคำตอบของฉู่ชูเหยียน “คุณหนูฉู่ แทนที่จะกังวลเกี่ยวกับความสงบสุขและความอยู่รอดของมวลมนุษย์ ทำไมท่านไม่กังวลเรื่องของสามีท่านก่อนล่ะ? ใกล้ถึงเวลาที่เราสองคนตกลงกันแล้ว แต่เขายังไม่ออกมาสักที ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่ด้านล่างนั่น”
ฉู่ชูเหยียนอึ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น นางทำท่าครุ่นคิด
“พวกเจ้าคุยอะไรกันอยู่?”
จู่ ๆ กลิ่นอายที่ชั่วร้ายก็พุ่งมาทางพวกนาง ผู้หญิงทั้งสองหันหน้าหนี แม่ทัพผีดิบได้กลับมายังแท่นบูชาแล้ว
พวกนางชำเลืองมองที่ทะเลสาบอย่างรวดเร็ว และได้เห็นว่ามันสงบลงแล้ว วิญญาณทั้งหมดที่พยายามหลบหนีก่อนหน้านี้ถูกทำลายหรือผนึกไว้จนหมดสิ้น
เฉียวเสวี่ยอิงกระโดดลุกขึ้นยืนบังตัวของฉู่ชูเหยียน หัวใจของนางเต้นแรง นางรู้ดีว่านางไม่สามารถหยุดแม่ทัพผีดิบได้แน่นอนเนื่องจากความแตกต่างกันอย่างมากของระดับการบ่มเพาะ
“เสวี่ยเอ๋อร์ หนีไปซะ เจ้าไม่ใช่คู่มือของเขา!” ฉู่ชูเหยียนตะโกนร้อง
“ไม่! ข้ากับเขาผ่านอะไรมามากมายเพื่อช่วยท่านให้รอด ดังนั้นตอนนี้ข้าจะยอมแพ้ได้ยังไง? นอกจากนี้ ข้าสัญญาแล้วว่าจะปกป้องท่าน!” เฉียวเสวี่ยอิงเม้มริมฝีปากแน่น
“หืม? ไอ้หนุ่มนั่นอยู่ที่ไหน?” แม่ทัพผีดิบมองไปรอบ ๆ แต่ไม่พบซูอัน
เฉียวเสวี่ยอิงกังวลว่าซูอันยังไม่ได้ช่วยผู้หญิงลึกลับคนนั้น ดังนั้นนางจึงพยายามยื้อเวลาเอาไว้และตอบกลับไปว่า “เขาไปแล้ว”
“ไปแล้ว?” แม่ทัพผีดิบตกตะลึง “เขาคิดว่าสามารถหลบหนีจากข้าได้หลังจากที่กล้าปลอมตัวเป็นจิ๋นซีฮ่องเต้?”