เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 327 พรสวรรค์ถูกเปิดเผย
บทที่ 327 พรสวรรค์ถูกเปิดเผย
บทที่ 327 พรสวรรค์ถูกเปิดเผย
ผู้หญิงสองคนรู้ว่าเขามีชื่อเสียงอย่างไรในเมืองจันทร์กระจ่าง รวมถึงก่อนที่จะรับซูอันมาเป็นสามีของนาง ฉู่ชูเหยียนได้แอบตรวจสอบพรสวรรค์ของเขา และตัวเขาควรจะอยู่ที่ ระดับติงขั้นต่ำ (D-) เท่านั้น
แม้ว่าซูอันจะซ่อนความสามารถที่แท้จริงมาโดยตลอด แต่เขาสามารถปกปิดพรสวรรค์ของตัวเองจากการตรวจสอบได้ด้วยเหรอ?
“เขามีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ? ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?” ฉู่ชูเหยียนถาม
แม้ว่าฉู่ชูเหยียนจะประทับใจในความสามารถของซูอันในมิติลับแห่งนี้ แต่นางก็ยังไม่อาจเชื่อได้ว่าเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ เพราะแม้แต่นางที่อยู่ในระดับเจียขั้นต่ำ (A-) ก็ยังมีระดับการบ่มเพาะถึงระดับที่หก ดังนั้นซูอันที่ยังอยู่ในระดับที่สามจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำได้ยังไง?
“อันที่จริงข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมเขาถึงยังคงอ่อนแออยู่แบบนี้ แต่ไม่มีทางที่ข้าจะมองพลาดไปได้ ก่อนหน้านี้ข้าได้สัมผัสกับเลือดของเขา และเขาก็มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำอย่างแน่นอน” หมี่ลี่ตอบ
เมื่อกลายเป็นหัวข้อสนทนาของผู้หญิงทั้งสาม ซูอันก็เกาหัวด้วยความอับอายและกล่าวว่า “ข้าตั้งใจที่จะปกปิดพรสวรรค์ของข้าและทำตัวกลมกลืนกับคนทั่วไป แต่ดูเหมือนว่าข้าจะถูกจับได้ซะแล้ว ใช่แล้ว ข้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำจริง ๆ เฮ้อ…ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ปฏิบัติกับข้าแตกต่างไปจากเดิมนะเพราะมันคงทำให้ข้าทำตัวไม่ถูก…”
ฉู่ชูเหยียนและเฉียวเสวี่ยอิงถึงกับนิ่งงันเมื่อซูอันพูดจบ
ทั้งสองคนต่างตกตะลึงอย่างยิ่งกับท่าทางหน้าด้านแบบนี้ มันเกิดบ้าอะไรขึ้นในโลกใบนี้กันแน่? คนอย่างเขาจะมีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำได้ยังไง?
แม้ว่าหมี่ลี่และซูอันจะยืนยันเรื่องนี้ก็ตาม พวกนางยังคงคิดว่าทั้งสองแค่ล้อเล่น…
“ระดับการบ่มเพาะของผู้มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำย่อมเติบโตอย่างรวดเร็วก็จริง แต่เหตุผลหลักว่าทำไมพวกเขาถึงถูกมองว่าเป็นผู้อยู่เหนือธรรมชาติก็เพราะว่าแก่นแท้โลหิตของพวกเขาเป็นอาหารชั้นยอดสำหรับผู้บ่มเพาะทุกคน ผู้ที่บริโภคแก่นโลหิตของผู้บ่มเพาะที่มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำสามารถเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะและรักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมดได้ ในความเป็นจริง มีแม้กระทั่งข่าวลือว่าถ้าใครดูดซับแก่นแท้ของเลือดทั้งหมดที่ผู้บ่มเพาะมีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำมี มันจะสามารถต่ออายุขัยให้ยืนยาวจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นอมตะเลยก็ได้” หมี่ลี่กล่าว
“พี่หญิงใหญ่ ท่านหยุดพูดเรื่องนี้ได้ไหม? ท่านกำลังทำให้ข้ากลัวนะ!” ซูอันกลืนน้ำลาย ในที่สุดชายหนุ่มก็เข้าใจว่าทำไมเจียงลั่วฝูถึงมองเขาแปลก ๆ เมื่อรู้ว่าเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ
ตายแล้ว ๆ ข้าเคยบอกนางว่า ถ้าครูใหญ่ผู้งดงามต้องการ ‘แก่นแท้’ ของข้า ข้าก็เต็มใจจะมอบมันให้ท่าน…ไม่ใช่นะ ข้าไม่ได้หมายความถึงชีวิตข้า
“อมตะ?!” ฉู่ชูเหยียนและเฉี่ยวเสวี่ยอิงประหลาดใจ
ในโลกนี้มีผู้บ่มเพาะหลายคนที่มีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์ธรรมดามาก แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครสามารถหนีความตายได้อย่างแท้จริง แม้แต่หมี่ลี่ ทั้งสองก็คิดว่านางสามารถอยู่ได้นานเพียงเพราะนางถูกแปลงเป็นผีดิบ
ผีดิบแลกร่างกายของพวกมันเพื่อบรรลุอายุขัยที่มากขึ้น แต่มันก็มีเรื่องที่ขัดแย้งอยู่อย่างหนึ่งซึ่งก็คือพวกนางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีผีดิบตัวไหนที่สามารถรักษาความงามของมันไว้ได้เหมือนหมี่ลี่
“แต่ว่าเรื่องความเป็นอมตะน่าจะไม่จริง” หมี่ลี่กล่าวพร้อมกับส่ายหัว “ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ข้าไม่เคยได้ยินว่าผู้บ่มเพาะที่มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำคนใดมีอายุยืนยาวอย่างแท้จริงมาก่อน อิ่งเจิ้งเองก็เคยไล่ตามชีวิตอมตะโดยใช้วิธีการต่าง ๆ รวมถึงการจับผู้บ่มเพาะพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำมาดูดซับแก่นแท้ แต่ก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้”
ฉู่ชูเหยียนและเฉียวเสวี่ยอิงดูสับสน เห็นได้ชัดว่าพวกนางไม่รู้จักอิ่งเจิ้ง มาก่อน
ในทางกลับกัน ซูอันรู้สึกตกใจ ตามที่คาดไว้…จิ๋นซีฮ่องเต้เคยค้นหาผู้บ่มเพาะพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำและดูดซับแก่นแท้ของพวกเขา!
ด้านหนึ่งเขารู้สึกเห็นใจ ‘สหายผู้มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ’ แต่ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็สงสัยว่าหมี่ลี่อยู่ในสถานะใดในขณะนี้
ถ้าแม้แต่จิ๋นซีฮ่องเต้ยังไม่สามารถมีอายุยืนยาวได้ มันก็ยากที่จะจินตนาการว่าหมี่ลี่สามารถอยู่รอดได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะอยู่ในสถานะปิดผนึกได้อย่างไร
“พี่หญิงใหญ่ ท่านยังไม่ได้บอกว่าเราต้องทำอะไรเพื่อฟื้นฟูเส้นลมปราณของคุณหนูฉู่” เฉียวเสวี่ยอิงถามอย่างใจร้อน เมื่อนางสังเกตเห็นว่าหมี่ลี่ยังไม่ให้คำตอบเรื่องนี้
“ข้ายังพูดไม่ชัดอีกเหรอ?” หมี่ลี่ส่งเสียงครวญคราง “เขาแค่ต้องใส่แก่นแท้โลหิตของเขาและโคจรวิชาปฐมบทแรกเริ่มเข้าไปในร่างกายของนางในเวลาเดียวกัน มันถึงจะทำให้เส้นลมปราณของนางฟื้นฟูกลับมาได้”
“แก่นแท้โลหิต?” ฉู่ชูเหยียนรู้สึกสับสน “ข้าต้องดื่มเลือดของเขางั้นเหรอ?”
หมี่ลี่ขมวดคิ้ว “เจ้าสองคนเป็นคู่รักกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมเจ้าถึงยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ข้าพูดอีก?”
ทันใดนั้น ฉู่ชูเหยียนก็ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างและความคิดแบบเดียวกันก็ผุดขึ้นมาในจิตใจของเฉียวเสวี่ยอิงเช่นกัน ทั้งสองกระซิบกระซาบกันขณะที่หน้าแดงด้วยความเขินอาย
“ต…แต่…จะกินมัน…เข้าไปได้ยังไง?” ฉู่ชูเหยียนไม่เคยรู้สึกเขินอายขนาดนี้มาก่อน นางต้องรวบรวมความกล้าหาญอย่างมากเพื่อที่จะถามออกมา
“กิน?” หมี่ลี่ตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนที่จะรู้ว่าฉู่ชูเหยียนกำลังคิดอะไรอยู่ รอยยิ้มที่แปลกประหลาดผุดขึ้นบนริมฝีปากของนางขณะที่นางพูดว่า “ไม่ผิดที่จะพูดแบบนั้น แต่มันไม่ใช่การ ‘ดื่ม’ ผ่านปากแต่เป็น ‘ดื่ม’ ผ่านช่องทางที่อยู่ต่ำกว่านั้นต่างหาก”
ซูอันนิ่งงัน
พี่หญิงใหญ่ ท่านคงจะเป็นหัวโจกมุขตลกแน่ ๆ ถ้าอยู่ในยุคสมัยใหม่
เฉียวเสวี่ยอิงและฉู่ชูเหยียนไม่ได้โง่เขลาจนไม่เข้าใจสิ่งที่หมี่ลี่กำลังพูดถึง ใบหน้าของพวกนางเปลี่ยนเป็นสีแดงจนดูเหมือนแอปเปิ้ลสุกพร้อมที่จะถูกกัด
“สายเลือดของผู้บ่มเพาะพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำมีพลังชีวิตที่เข้มข้นอัดแน่นอยู่ในขณะที่วิชาปฐมบทแรกเริ่มเป็นพลังที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก เจ้าต้องใช้ทั้งสองเพื่อฟื้นฟูเส้นลมปราณของเจ้า ข้าจะบอกวิธีดึง ‘แก่นแท้’ ที่เขาสูบฉีดเข้าไปในตัวเจ้าในระหว่างการผสานของหยินและหยางในภายหลัง เจ้าจะได้ไม่สิ้นเปลืองพลังงานอันล้ำค่าและฟื้นตัวได้เต็มที่”
“ข้าจะทำอย่างนั้นได้ยังไง!” ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนแดงก่ำ นางรู้สึกประหม่ามากจนได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นรัว นางไม่เคยคิดว่าการรักษาจะเป็นแบบนี้ ในขณะที่นางเป็นภรรยาของซูอันแค่เพียงในนามเท่านั้น
นางรู้สึกประทับใจที่ซูอันยอมสละชีวิตเพื่อช่วยนาง ในตอนนี้นางจึงมีความปรารถนาดีต่อเขา แต่นี่เป็นครั้งแรกของนาง ซึ่งมันอดไม่ได้ที่นางจะรู้สึกหวาดกลัว
เฉียวเสวี่ยอิงกัดริมฝีปากพลางครุ่นคิด นางไม่คิดว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบนี้เช่นกัน และมันก็ทำให้นางรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
“มีปัญหาอะไรนักหนา?” หมี่ลี่ถามด้วยความงุนงง “เจ้าสองคนเป็นสามีภรรยากัน…หืม? เจ้ายังบริสุทธิ์อยู่งั้นเหรอ?”
ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าปมปัญหาคืออะไร นางหันไปหาซูอันและถามอย่างตกใจว่า “เจ้าไม่ได้ทำหรือทำไม่ได้ เจ้าเสื่อมใช่ไหม?”
จะให้ผู้ชายป่าวประกาศว่าตัวเอง ‘เสื่อม’ ได้ยังไง? ซูอันตะโกนกลับทันที “ใครบอกว่าเป็นแบบนั้นกันเล่า!”
น้ำเสียงของชายหนุ่มสั่นเล็กน้อย เขาเคย ‘เสื่อม’ มาก่อนจริง ๆ แต่ว่าตอนนี้ ซูอันน้อยกลับมาเป็นปกติแล้ว!
อย่างไรก็ตาม เมื่อหมี่ลี่นึกถึงแท่งประหลาดในกางเกงของเขาที่นางเคยเห็น สีหน้าของนางก็กลายเป็นกระอักกระอ่วน ข้าคงเข้าใจเขาผิดไปในเรื่องนี้จริง ๆ
“ในเมื่อเจ้าทำได้ ทำไมถึงปล่อยให้ภรรยาคนสวยของเจ้าเหี่ยวแห้งอย่างนี้ล่ะ?”
ซูอันยังไม่ตอบอะไร
พี่หญิงใหญ่ เชื่อข้าสิ ข้าก็อยากทำเหมือนกัน! แต่ข้า…ไม่ได้!
“ช่างมันเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ข้าจะคิดว่ามันเป็นละครประโลมโลกที่ไร้สาระก็แล้วกัน” หมี่ลี่ดูหงุดหงิดเล็กน้อย นางหันไปหา ฉู่ชูเหยียนและกล่าวว่า “จากที่ข้าเห็น เจ้าสองคนมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุผลที่เจ้าปฏิเสธเขาคืออะไร แต่เจ้าแน่ใจเหรอว่าเจ้าอยากจะเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่สามารถยกมือขึ้นเหนือไหล่ตัวเองไปตลอดชีวิต?”