เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 339 เจ้าหลอกข้า!
บทที่ 339 เจ้าหลอกข้า!
บทที่ 339 เจ้าหลอกข้า!
หมี่ลี่ก้มศีรษะลงมองกระบี่ของซูอันและพูดว่า “ต่อไปนี้ ข้าจะอยู่ในกระบี่ไท่เอ๋อร์”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจ “กระบี่ไท่เอ๋อร์สามารถเป็นที่อยู่ของวิญญาณได้ด้วยเหรอ?”
หมี่ลี่กลอกตาและพูดว่า “อาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นกระบี่ไท่เอ๋อร์ล้วนมีพื้นที่มิติอยู่ภายใน และด้วยความโชคดีที่จิตวิญญาณของกระบี่ได้ลดลงอย่างมาก ข้าจึงสามารถเข้าไปอาศัยได้ง่ายมากขึ้นกว่าปกติ”
“จิตวิญญาณของกระบี่ลดลงอย่างมาก?” ซูอันรู้สึกงุนงง
หมี่ลี่มองไปที่ซูอันขณะที่นางอธิบาย “จิตวิญญาณของกระบี่ไท่เอ๋อร์ ได้รับความเสียหายจากการต่อสู้เมื่อในอดีต และตั้งแต่นั้นมา อิ่งเจิ้งจึงไม่เคยใช้มันอีกเลย อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกเสียดายอย่างมากที่จะละทิ้งมันไป ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้มันเป็นแกนก่อตัวของผนึกปราบปรามวิญญาณ เพื่อป้อนพลังให้กับค่ายกล กว่าพันปีที่ถูกดึงพลังออกมาใช้ กระบี่ไท่เอ๋อร์จึงอ่อนแอยิ่งกว่าที่เคย มิฉะนั้น…คนอย่างเจ้าคงไม่อาจหวังที่จะสยบมันได้ หากเป็นแต่ก่อนทันทีที่เจ้าสัมผัสกระบี่ไท่เอ๋อร์ เจ้าคงถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยพลังของมัน!”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้
หมี่ลี่บอกใบ้ถึงความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่ของกระบี่ไท่เอ๋อร์มาตลอด แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นอะไรที่โดดเด่นเป็นพิเศษขณะที่ถือมันไว้ในมือ หากจิตวิญญาณแห่งกระบี่ของมันหมดลงไปแล้ว มันคงจะเป็นเหมือน ‘กระบี่พิการ’ ที่คงไว้เพียงส่วนเล็ก ๆ ของพลังที่แท้จริง นอกจากใบกระบี่ที่คมกริบและยืดหยุ่นแล้ว คงไม่มีอะไรให้ใครสนใจอีก
“ให้ภรรยาของเจ้าปล่อยกระบี่ก่อน” หมี่ลี่เอ่ยขึ้นขณะที่นางดูกระบี่ไท่เอ๋อร์ที่แทงเข้าแทงออกจากหน้าอกของนางซ้ำ ๆ ด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ นางไม่กล้าที่จะปล่อยมือเลย ไม่อย่างนั้นนางอาจจะตายโดยไม่ทันตั้งตัว
“ชูเหยียน ปล่อยกระบี่ได้แล้ว ไม่มีอะไรแล้ว” ซูอันกล่าวอย่างเร่งรีบ
ฉู่ชูเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยมือในที่สุด
หมี่ลี่เริ่มพึมพำบทสวดที่คล้ายกับภาษาโบราณก่อนที่วิญญาณของนางจะเริ่มผละออกจากร่างของฉู่ชูเหยียนและลอยหายเข้าไปในกระบี่ไท่เอ๋อร์ซึ่งทำให้ใบกระบี่สะท้อนแสงวาบออกมาชั่วขณะ
ซูอันสัมผัสได้ว่ากระบี่ไท่เอ๋อร์นั้นแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย แต่เขาไม่สามารถบ่งชี้ให้ชัดเจนได้ว่าต่างกันที่จุดไหน? หรืออย่างไร?
ในขณะเดียวกันร่างของฉู่ชูเหยียนก็ล้มลงไปด้านข้าง ซูอันจึงรีบโผตัวไปประคองนางไว้พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “นางเป็นอะไรไป?”
“เป็นผลข้างเคียงที่ข้าเข้าควบคุมร่างกายนาง ดังนั้นตอนนี้นางจึงยังไม่สามารถควบคุมร่างกายได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวล นางจะหายดีในไม่ช้า” หมี่ลี่ตอบกลับ
“หืม? ทำไมเสียงของท่านฟังดูอ่อนแรงจัง” ซูอันถามด้วยความสงสัย
“เจ้าหวังว่ามันจะเป็นยังไงล่ะ? วิญญาณของมนุษย์ธรรมดาจะสลายไปทันทีที่ออกจากร่าง แต่ตอนนี้ข้าได้ออกจากร่างมาสองครั้งแล้ว แน่นอนว่าวิญญาณของข้าจะต้องได้รับความเสียหายอย่างมาก!” หมี่ลี่ตอบอย่างหงุดหงิด
เห็นได้ชัดว่านางมีความขุ่นเคืองต่อเขาในเรื่องนี้
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
ซูอันหัวเราะอย่างเขินอายในขณะที่เขาเลือกที่จะไม่ทำให้นางโกรธในเวลาเช่นนี้ เขาหันกลับมาสนใจหญิงงามในอ้อมแขนและถามว่า “ที่รัก ตอนนี้เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?”
ฉู่ชูเหยียนค่อย ๆ ลืมตาขึ้น นางจ้องที่เขาสักครู่ก่อนที่แก้มของนางจะเปลี่ยนเป็นสีแดง นางผลักเขาออกก่อนที่จะเดินไปช่วยพยุงเฉียวเสวี่ยอิงอย่างเชื่องช้า
ซูอันยังคงนิ่งงัน
ทำไมจู่ ๆ นางก็ทำตัวห่างเหินแบบนี้? เมื่อกี้ตอนที่หมี่ลี่อยู่ในร่างกาย นางยังดูเป็นห่วงข้ามากกว่านี้เลย
“หยุดทำตัวงี่เง่าได้แล้ว รีบชำระวิญญาณพยาบาทเหล่านี้ให้หายไปสักที! ไม่เช่นนั้น เมื่อพวกมันทั้งหมด 200,000 ดวงออกจากทะเลสาบได้ พวกเราทุกคนจะถึงที่ตาย!” หมี่ลี่เตือน
“ไม่ต้องห่วง!” ซูอันตอบอย่างเด็ดขาดในขณะที่เขาเดินไปที่ทะเลสาบ
แต่หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ฝีเท้าของชายหนุ่มก็หยุดลงกะทันหันพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างลังเล “อ…เอ่อ…ว่าแต่ท่านพอจะรู้มั้ยว่า…ข้าจะชำระวิญญาณพยาบาทพวกนี้ได้ยังไง?”
“???” หมี่ลี่งงงวย
ฉู่ชูเหยียนและเฉียวเสวี่ยอิงต่างมองเขาด้วยความงุนงง ก่อนหน้านี้ ซูอันดูมั่นใจมากที่จะใช้การชำระล้างขู่ให้หมี่ลี่ออกไปจากร่างกายของฉู่ชูเหยียน จนถึงขนาดที่อีกฝ่ายยินยอมทำสัญญาด้วยในท้ายที่สุด แต่เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เขาพูดในตอนนี้…
“น…นี่เจ้าไม่รู้วิธีชำระล้างงั้นเหรอ!!!” ในที่สุด หมี่ลี่ก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นและถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ซูอันตอบกลับอย่างเขินอาย “ข้าจะได้เรียนรู้มันอยู่แล้ว แต่จิตวิญญาณของอิ่งเจิ้งสลายไปก่อนที่เขาจะสอนข้าเสร็จ…”
“!!!” หมี่ลี่
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1024!
—
หมี่ลี่ระเบิดความโกรธออกมาทันที นี่นางถูกเขาหลอกให้สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อจิตวิญญาณของตัวเองได้อย่างไร!
“กรี๊ดดดดดด!!! ข้าจะจัดการเจ้า เจ้าจะต้องไม่ตายดีไอ้เด็กสารเลว!!!!”
กระบี่ไท่เอ๋อร์สะท้อนแสงวาบขณะพุ่งออกมาจากมือของซูอัน และเริ่มไล่ตามเขาไปรอบ ๆ พยายามที่จะบั่นคอของเขา
หญิงสาวสองนางที่เหลือได้แต่นิ่งเงียบด้วยความอึ้งกับสิ่งที่รับรู้มา
ในที่สุดพวกนางก็เข้าใจแล้วว่าทำไมซูอันถึงเลือกที่จะยอมทำสัญญากับหมี่ลี่ทั้ง ๆ ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง ที่แท้เขาก็ทำตัวเป็นลิงหลอกเจ้า
ชายผู้นี้ไม่แม้แต่จะกะพริบตา ขณะที่เขาโกหกเรื่องเกี่ยวกับความเป็นตายของตัวเอง!
ในขณะเดียวกัน ซูอันก็วิ่งหนีไปรอบ ๆ ราวกับหนูในขณะที่เขาตะโกนว่า “เราลงนามในสัญญาชีวิตและความตายแล้ว ดังนั้นชะตากรรมของเราจึงเชื่อมโยงถึงกัน! ถ้าท่านฆ่าข้า ท่านก็ต้องตายด้วย!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ กระบี่ไท่เอ๋อร์ก็หยุดกลางอากาศในที่สุด แต่ยังเต็มไปด้วยการสั่นสะเทือนที่รุนแรงซึ่งเป็นการถ่ายทอดอารมณ์โกรธของหมี่ลี่ออกมา ในตอนแรกนางคิดจะฉีกซูอันออกเป็นพันชิ้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สัญญาทำให้นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลืนความคับข้องใจลงไป
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1024!
—
“เราไปจากที่นี่กันก่อนดีมั้ย? ให้พ้นเรื่องนี้ไปก่อน หลังจากเรื่องนี้ท่านจะแก้แค้นข้าเมื่อไหร่ก็ได้” ซูอันแนะนำ
“…” หมี่ลี่
ใช้เวลานานกว่าที่นางจะสงบลงในที่สุด “ไปจากที่นี่งั้นเหรอ? วิญญาณพยาบาทพวกนี้ได้เห็นพวกเจ้าทุกคนแล้ว และยังจดจำกลิ่นอายของทุกคนได้ ต่อให้พวกเจ้าจะหนีไปจนถึงสุดขอบโลก พวกมันก็สามารถตามหาพวกเจ้าเจอและฆ่าพวกเจ้าได้อยู่ดี ไม่ว่ายังไงเจ้าจะต้องแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ก่อน!”
“แต่ข้าไม่รู้วิธีชำระล้าง!” ซูอันร้องอย่างขมขื่น
“เมื่อเจ้าสำเร็จวิชาปฐมบทแรกเริ่มถึงขั้นที่สอง เจ้าจะสามารถชำระล้างสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายด้วยพลังปฐมบทของเจ้า!” หมี่ลี่ตอบกลับ
“ขั้นสอง?” ซูอันเข้าใจในทันที “แต่ตอนนี้ข้าอยู่แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น”
“เจ้าได้ใช้วิชาปฐมบทแรกเริ่มเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บมาโดยตลอด ข้าคิดว่าตอนนี้เจ้าน่าจะใกล้ทะลวงขึ้นถัดไปแล้ว ลองรักษาบาดแผลของเจ้าอีกสักหน่อยมันก็น่าจะทะลวงได้!” หมี่ลี่กล่าวด้วยเสียงอันเยือกเย็น
“ไม่มีปัญหา” ซูอันเริ่มโคจรวิชาปฐมบทแรกเริ่ม ในไม่ช้าเขาก็รู้สึกว่าบาดแผลของเขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้เองที่กระบี่ไท่เอ๋อร์ก็สะท้อนแสงแวบวับออกมาและแทงเข้าที่ท้องของซูอันซึ่งกำลังพุ่งความสนใจไปที่การรักษาบาดแผล จึงไม่มีทางที่เขาจะรับมือกับการโจมตีที่ไม่คาดคิดได้
เฉียวเสวี่ยอิงและฉู่ชูเหยียนไม่คิดว่าหมี่ลี่จะโจมตีซูอันในทันที จึงไม่อาจหยุดกระบี่ไท่เอ๋อร์ได้ พวกนางทำได้เพียงมองที่กระบี่ไท่เอ๋อร์เจาะเข้าไปในร่างกายของซูอัน
“นี่เจ้ากำลังทำอะไรเขา!?” พวกนางร้องถาม ฉู่ชูเหยียนเริ่มหาทางจัดการกับหมี่ลี่
“นี่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเพิ่มความเร็วให้เขาสำเร็จวิชาปฐมบทแรกเริ่มขั้นที่สอง พวกเจ้าไม่เห็นหรือไงว่าตอนนี้พวกทหารดินเผาใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว!” หมี่ลี่ตอบอย่างเย็นชา
เฉียวเสวี่ยอิงและฉู่ชูเหยียนหันไปมองทางทะเลสาบแทบจะพร้อม ๆ กัน ก็ได้เห็นว่าพวกวิญญาณพยาบาทที่กำลังกรูกันออกมาจากทะเลสาบใกล้จะมีชัยเหนือทหารดินเผาอยู่เต็มแก่
“พวกเจ้าไม่ต้องห่วง ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายถึงชีวิตของเขา” หมี่ลี่ตอบขณะที่นางแทงใบกระบี่เข้าไปในส่วนอื่นของร่างกายซูอัน
“…” ฉู่ชูเหยียน
“…” เฉียวเสวี่ยอิง