เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 342 ผู้หญิงใจร้าย
บทที่ 342 ผู้หญิงใจร้าย
บทที่ 342 ผู้หญิงใจร้าย
“พวกเจ้าล้วนเป็นนักรบผู้กล้าหาญแห่งราชวงศ์ฉิน แต่ถูกคนผู้หนึ่งทรยศหักหลังและล้มหายตายจากไปด้วยความคับข้องใจ” หมี่ลี่กล่าว
นางหยุดชั่วครู่แล้วกวาดสายตาไปทั่วเหล่าวิญญาณพยาบาทก่อนที่จะพูดต่อ “พวกเจ้าเป็นเสาหลักของราชวงศ์ฉิน การตายของพวกเจ้าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในอาณาจักรของเรา ไม่นานหลังจากนั้น ต้าฉินของเราก็ถูกกลุ่มกบฏป่าเถื่อนเข้ายึดครอง ข้าเองก็คับข้องเหมือนพวกเจ้า เราไม่ใช่ศัตรูแต่เป็นพันธมิตรร่วมกัน! ไหนบอกข้าทีใครคือผู้ที่ทำให้เราทุกคนประสบชะตากรรมเลวร้ายนี้?”
“จาง… ฮั่น…!”
วิญญาณพยาบาทร้องโหยหวนพร้อมกันขณะที่ทะเลสาบเริ่มเดือดปุด ๆ อีกครั้ง เสียงที่น่าขนลุกของพวกมันสะท้อนก้องภายในห้องโถงใต้ดินนี้
ซูอันรู้สึกประทับใจอย่างมากกับภาพตรงหน้า วิญญาณพยาบาทเหล่านี้จริง ๆ แล้วเหลือแต่สัญชาตญาณ พวกมันขาดอารมณ์ความรู้สึก ทำให้ไม่สามารถพูดอะไรที่มีความหมายได้ อย่างมากที่สุด พวกมันทำได้เพียงส่งเสียงโหยหวนเล็กน้อยเท่านั้น
ยังไงก็ตาม การที่พวกมันสามารถพูดชื่อจางฮั่นออกมาดัง ๆ ได้ แสดงให้เห็นว่าพวกมันเกลียดชายผู้นั้นมากแค่ไหน ชื่อของจางฮั่นยังคงติดค้างอยู่ในดวงวิญญาณของพวกมันอยู่ตลอดถึงแม้ว่าพวกมันจะตายไปแล้วก็ตาม
“ใช่แล้ว มันผู้นั้นคือจางฮั่น! ราชวงศ์ฉินของเราฝากความหวังไว้กับคนทรยศเช่นเขาที่เลือกที่จะยอมจำนนต่อพวกกบฏเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และส่งพวกเจ้าไปตายทั้งหมด เขาสมควรถูกม้าแยกร่างเป็นพันครั้ง!” หมี่ลี่คำราม
ซูอันขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ พูดตามตรง ชายหนุ่มเห็นใจจางฮั่นอยู่เล็กน้อย สำหรับทหารของราชวงศ์ฉินแล้ว แน่นอนว่าจางฮั่น เป็นคนทรยศหักหลังทุกคน แต่ถ้าหากจางฮั่นมีทางเลือกอื่น จางฮั่นคงไม่มีทางที่จะเลือกเป็นคนบาปที่แทงข้างหลังคนร่วมอาณาจักรเดียวกันแทนที่จะเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้
ด้วยความสำเร็จในสนามรบ ศัตรูทางการเมืองของเขาในราชสำนักเริ่มกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจางฮั่นและพยายามใส่ร้ายเขาต่อหน้าจักรพรรดิ การจัดการกับพวกกบฏนั้นยากพออยู่แล้ว แถมยังต้องคอยระวังไม่ให้ถูกแทงข้างหลังอีก เขารู้ว่าถึงแม้จะชนะการต่อสู้กับพวกกบฏ มันก็มีแนวโน้มว่าศัตรูทางการเมืองจะใส่ร้ายเขา ในที่สุดเขาก็ถูกกดดันให้ยอมจำนนต่อพวกกบฏในที่สุด
สำหรับความตายของทหาร 200,000 นาย ย่อมไม่ใช่ความผิดของเขาเช่นกัน ในฐานะคนที่ยอมจำนนแล้ว เขาไม่อยู่ในฐานะที่จะหยุดพวกกบฏได้
เท้าที่ก้าวผิดเพียงก้าวเดียวก็มากเกินพอที่จะถลำลึกจนไม่อาจหวนคืน
แน่นอน แม้ว่าซูอันจะเห็นใจจางฮั่น แต่เขาก็ไม่ได้โง่พอที่จะพูดออกมาในเวลาแบบนี้ เขาเพียงแค่เฝ้าดูเงียบ ๆ ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป
“เมื่อกี้ ข้าได้ฆ่าจางฮั่น ล้างแค้นให้ราชวงศ์ฉินและพวกเจ้าทุกคนไปเรียบร้อยแล้ว!” หมี่ลี่เหลือบมองซูอัน บุ้ยใบ้ให้เขาโยนหมวกและหอกลงไปในทะเลสาบ “นี่คือหมวกและอาวุธของเขา!”
ชายหนุ่มรู้สึกปวดใจอย่างมาก ทั้งหอกและหมวกนั้นแวววาวสวยงามอย่างยิ่งซึ่งบ่งบอกว่าพวกมันไม่ใช่สิ่งของธรรมดา ถ้าเขานำมันไปขายทอดตลาด มันน่าจะทำให้เกิดสงครามการประมูลขนาดย่อม ๆ อย่างแน่นอน น่าเสียดายจริง ๆ ที่ต้องโยนมันทิ้งไปแบบนี้!
อย่างไรก็ตาม เมื่อซูอันมองลงไปในทะเลสาบและเห็นดวงตาหลายแสนคู่จ้องมองมาที่เขา เขารู้สึกขนลุกไปทั่วร่างกาย ดังนั้นเขาจึงโยนหมวกและหอกลงไปในทะเลสาบด้วยสีหน้าไม่เต็มใจสักเท่าไหร่
ทันทีที่หมวกและหอกตกลงไปในทะเลสาบ วิญญาณพยาบาทก็พุ่งไปเข้าหาด้วยดวงตาแดงก่ำทันที เมื่อเห็นว่าอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นเป็นของจางฮั่นจริง ๆ พวกมันอ้าปากกว้างและกัดแทะเหมือนฝูงปลาสวายฮุบขนมปัง!
ซูอันตกตะลึง
นรกเป็นพยาน! หอกและหมวกของจางฮั่นดูเหมือนจะอยู่ในระดับเดียวกับกระบี่ไท่เอ๋อร์ แต่วิญญาณพยาบาทแทะเล็มมันได้เหมือนขนมปัง?
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือใช้เวลาไม่นานหอกและหมวกก็หายไปจากสายตา
“…” ซูอัน
ความโกรธของวิญญาณพยาบาทสงบลงเล็กน้อยหลังจากได้กัดกินหมวกและหอกของจางฮั่น อันที่จริง วิญญาณบางดวงถึงกับแสดงสีหน้าสงบนิ่ง
หมี่ลี่ใช้โอกาสนี้เพื่อถามว่า “พวกเจ้ากลายเป็นวิญญาณพยาบาทเนื่องจากความเกลียดชังที่มีต่อจางฮั่น แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้จางฮั่น ได้ตายไปแล้ว พวกเจ้าพอใจที่จะมีชีวิตอยู่ในสภาพเช่นนี้ต่อไปหรือไม่?”
คำพูดของหมี่ลี่ ทำให้เหล่าวิญญาณพยาบาทเกิดโกลาหลขึ้น เห็นได้ชัดว่าในหมู่พวกมันก็ขัดแย้งกันเองเช่นกัน
“ถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้าจะต้องละทิ้งความหม่นหมองและกลับชาติไปเกิดในร่างใหม่” หมี่ลี่กล่าว “ประตูแห่งชีวิตจะปรากฏขึ้นที่นี่ พวกเจ้าจะสามารถไปเกิดใหม่ได้เมื่อเจ้าผ่านประตูเข้าไป”
จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นในหูของซูอัน มันเป็นการส่งเสียงผ่านพลังชี่จากหมี่ลี่ “ใช้วิชาปฐมบทแรกเริ่มระดับสองสร้างประตูแห่งชีวิตขึ้นเดี๋ยวนี้!”
ซูอันทำตามที่นางบอกทันที เขาพูดพึมพำ “สิ่งสกปรกสู่ธุลีดิน บรรดาผู้ที่จากไปไม่ควรอยู่ที่นี่…”
เมื่อเสียงของหมี่ลี่ดังขึ้น ประตูสีขาวก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ตอนแรกมันมีขนาดประมาณฝ่ามือ แต่จากนั้นมันก็ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นก่อนที่จะสูงถึงหลายเมตร ประตูให้บรรยากาศแห่งความศักดิ์สิทธิ์และความยิ่งใหญ่
ซูอันเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ชายหนุ่มไม่เคยเห็นฉากเจ๋ง ๆ แบบนี้มาก่อน ถ้าข้าอวดประตูนี่ต่อหน้าคนอื่น ทุกคนคงจะต้องคำนับข้าจริงไหม?
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอันยอมรับความจริงที่ว่าเขายังอ่อนด้อยกว่าหมี่ลี่อยู่มากในแง่ของประสบการณ์ หมี่ลี่มีความรู้ในหลายสิ่งของโลกใบนี้ดีกว่าเขามาก
เขาหันไปมองหมี่ลี่ เพียงแต่ต้องแปลกใจที่เห็นว่าร่างเงาของนางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เดี๋ยวก่อน นางเข้าไปในประตูแห่งชีวิตแล้วเหรอ? “อ่า น่าเสียดายจัง ถ้าข้ารู้ล่วงหน้า ข้าคงฉวยโอกาสเล็ก ๆ น้อย ๆ กับพี่หญิงใหญ่ซะก่อน…”
“…” หมี่ลี่
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 555!
—
“เจ้านี่มันจอมวายร้ายจริง ๆ!”
ซูอันดีใจที่ได้ยินเสียงของนาง “อา ท่านยังอยู่! เมื่อกี้ท่านทำให้ข้าใจหายวูบเลยนะ! ท่านหายไปไหนมา?”
“ข้ากลับมาที่กระบี่ไท่เอ๋อร์แล้ว! ทำไมข้าจะต้องอยู่ข้างนอกหลังจากที่ประตูแห่งชีวิตถูกเปิดออก? ข้าไม่อยากกลับไปเกิดใหม่สักหน่อย!” หมี่ลี่ตอบอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นเองที่ซูอันจำได้ว่าหมี่ลี่ได้ทำข้อตกลงกับเขาเพราะกลัวความสามารถในการชำระล้างของตัวเอง ประตูสีขาวดูเหมือนจะมีพลังลึกลับบางอย่างที่ดูดดึงวิญญาณพยาบาทออกจากทะเลสาบให้ผ่านเข้าไป พวกมันมีใบหน้าที่สงบสุขเมื่อเดินผ่านประตู พวกมันดูเหมือนจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังกับชีวิตหน้าเป็นอย่างมาก
มีม่านพลังสีเงินบาง ๆ อยู่ที่ประตู และวิญญาณพยาบาทที่ผ่านเข้าไปก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับว่าพวกมันได้ถูกส่งไปยังโลกลึกลับอีกแห่งหนึ่ง
ซูอันอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “ถ้าผ่านประตูแห่งชีวิตเข้าไป พวกวิญญาณพยาบาทจะได้ไปเกิดใหม่จริง ๆ เหรอ?”
“ไม่มีทาง” หมี่ลี่หัวเราะ
“ห๊ะ?” ซูอันรู้สึกสับสน
“การเกิดใหม่เป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม อาจมีผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังบางคนที่สามารถกลับชาติไปเกิดได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะคาดหวัง ประตูแห่งชีวิตนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการชำระล้างรูปแบบหนึ่ง วิญญาณพยาบาทที่ผ่านเข้าไปในนั้นจะสลายตัวไปเป็นรูปแบบพื้นฐานที่สุดของพลังชี่ ซึ่งก็คือ…พลังปฐมบทนั่นเอง” หมี่ลี่อธิบาย
“…” ซูอัน
ผู้หญิงคนนี้ใจร้ายเกินไปแล้ว! คำพูดปลุกใจวิญญาณพยาบาทของนางทำให้แม้แต่ข้ายังรู้สึกเร่าร้อนมากจนข้าคล้อยตามไปด้วย แต่มันกลับกลายเป็นแค่เรื่องโกหก?! ดูเหมือนข้าจะต้องระวังนางเอาไว้ให้ดี ๆ ซะแล้ว ไม่อย่างนั้นข้าอาจเป็นคนต่อไปที่ถูกล่อลวง!
“แน่นอน นี่เป็นตอนจบที่ยุติธรรมสำหรับพวกมันเช่นกัน การสลายไปของพวกวิญญาณพยาบาทมันก็ถือได้ว่าเป็นการพ้นทุกข์รูปแบบหนึ่งของพวกมัน” หมี่ลี่กล่าวเสริม
บัดซบเถอะ ถ้าข้าเชื่อก็โง่แล้ว!
แต่แน่นอนว่า ซูอันไม่ใช่คนบ้าที่จะบอกความจริงของประตูแห่งชีวิตนี้แก่พวกวิญญาณพยาบาท
“รีบดูดซับพลังปฐมบทจากพวกวิญญาณพยาบาทซะ อย่ามัวเสียเวลา!” หมี่ลี่เตือน