เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 355 จรรยาบรรณแพทย์
บทที่ 355 จรรยาบรรณแพทย์
บทที่ 355 จรรยาบรรณแพทย์
“เกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายพวกนั้น? ทำไมพวกเขาถึงทำหน้าแปลก ๆ” เพ่ยเหมียนหมานถามด้วยความสงสัย
ฉู่ชูเหยียนดูไม่สนใจ แต่หูของนางได้ยินบทสนทนาของทั้งสองอย่างชัดเจน
“ข้าอาจทำให้พวกเขาเจ็บปวดโดยไม่ได้ตั้งใจ” ซูอันตอบด้วยความเขินอาย “ข้าบอกพวกเขาว่าอย่าแอบดู แต่พวกเขาไม่เชื่อข้าเอง”
“…” นักศึกษาชายคนอื่น ๆ
สารเลว! เจ้าก็รู้ว่าพูดแบบนั้นเราก็ยิ่งอยากจะมอง! ทั้งหมดมันเป็นหลุมพราง! ให้ตายเถอะ ทำไมข้าต้องเห็นอะไรแบบนั้นด้วย หลังจากนี้ต้องหาน้ำมาล้างตาซะแล้ว!
—
ท่านยั่วยุหงซิงอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
—
ท่านยั่วยุผานหลงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
—
ท่านยั่วยุฝูเฟิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
…
“เจ็บปวดอะไร?” เพ่ยเหมียนหมานสับสนกับสิ่งที่ซูอันพูด นางหันไปมองนักศึกษาชายอย่างรวดเร็ว
โดยปกติ นักศึกษาชายเหล่านี้จะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้สบตาอันเย้ายวนของเพ่ยเหมียนหมาน แต่ในขณะนี้ ทุกคนรู้สึกประหม่าเกินกว่าจะเพลิดเพลินไปกับการจ้องมองของนาง พวกเขาหันไปมองทางอื่นเพราะกลัวว่านางจะเรียกไปซักถาม
“ไม่มีอะไรมาก เป็นแค่ความลับนิดหน่อยในหมู่ชายชาตรีอย่างเรา” ซูอันตอบด้วยรอยยิ้มลึกลับ ไม่ว่าเขาจะหน้าด้านขนาดไหน มันก็น่าอายเกินกว่าที่เขาจะโอ้อวดไอ้จ้อนของตัวเอง
ด้วยกลัวว่านางจะซักไซ้เขาต่อไป ซูอันก็รีบเดินไปหาจี้เสี่ยวซี
เพ่ยเหมียนหมานกระทืบเท้าของนางด้วยความหงุดหงิดขณะที่นางยั่ว ฉู่ชูเหยียนเล็กน้อย “เฮ้ นั่นสามีเจ้าหรือสามีใคร? ทำไมเขาเอาแต่วิ่งไปหาผู้หญิงคนอื่น?”
“ถ้าเจ้ารู้สึกขุ่นเคือง ทำไมเจ้าไม่ไปจับเขากลับมาล่ะ?” ฉู่ชูเหยียนหันหลังกลับและเดินจากไป
อันที่จริงนางเดาได้คร่าว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นจากคำพูดที่คลุมเครือของนักศึกษาชายเหล่านั้น นางคิดออกได้โดยไม่ยากเพราะนางมีประสบการณ์โดยตรงเกี่ยวกับสิ่งนั้นของเขา
แค่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสุสานใต้ดินมันก็ทำให้ใบหน้าของนางร้อนผ่าว นางคงรับไม่ได้ถ้าเพ่ยเหมียนหมานยังคงยุแหย่ต่อไป
เพ่ยเหมียนหมานขมวดคิ้วขณะที่มองฉู่ชูเหยียนเดินจากไป ทำไมวันนี้ทุกคนทำตัวแปลก ๆ?
ตอนนี้เองที่ลู่เต๋อก้าวออกมาและเรียกความสนใจของทุกคนด้วยการกระแอมเบา ๆ “เอาล่ะ ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เรากลับมาสนใจเรื่องของเรากันต่อ นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้สำรวจมิติลับ ตอนนี้เรายังเหลือเวลาอีกสามวัน อย่าเสียเวลาอันมีค่าโดยเปล่าประโยชน์ เข้าใจไหม?”
นักศึกษาชายทำท่าเห็นด้วยกับคำพูดของลู่เต๋ออย่างกระฟัดกระเฟียดและแยกตัวกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทางราวกับกระต่ายตื่น พวกเขาไม่อยากเห็นหน้าซูอันแม้อีกเพียงวินาทีเดียว
ลู่เต๋อและไป๋ซู่ซู่เหลือบมองกันและกันก่อนที่จะรวบรวมกลุ่มนักศึกษาของตัวเองแล้วออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว
ซูอันยังคงดูแลเฉียวเสวี่ยอิงอยู่ที่เดิม โดยมีจี้เสี่ยวซีที่ข้อเท้าแพลงเคลื่อนไหวลำบากอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน
เจิ้งตานมีหลายสิ่งที่ต้องการจะถามซูอันเช่นกัน แต่มีผู้หญิงคนอื่น ๆ มากมายในบริเวณโดยรอบ นางไม่อยู่ในฐานะที่จะซักถามได้ ดังนั้นจึงทักทายเขาด้วยรอยยิ้มก่อนจะออกจากพื้นที่ไป
ฉู่ชูเหยียนได้เดินหนีไปนานแล้วเพราะไม่สามารถทนรับความอับอายได้
เพ่ยเหมียนหมานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ตัดสินใจว่าจะซักถามทีหลังเหมือนอย่างเจิ้งตาน นางเดินไปยังซากปรักหักพังของสุสานใต้ดิน ด้วยความหวังว่าจะพบอะไรดี ๆ จากที่นั่นบ้าง
“เมื่อกี้เจิ้งตานยิ้มให้เจ้าด้วยนี่ เจ้านี่มันเสน่ห์แรงจริงนะ?” เฉียวเสวี่ยอิง ประชด
ซูอันรู้สึกประหลาดใจ “เจ้าตื่นตั้งแต่ตอนไหน?”
“ทำไม? เจ้ากลัวว่าข้าจะเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเหรอ?” เฉียวเสวี่ยอิงมองค้อน
“แน่นอนว่าไม่ เจ้าต้องรู้อยู่แล้ว ข้าจะไปมีความสัมพันธ์กับเจิ้งตานได้ยังไง?” ซูอันตอบด้วยสีหน้าจริงจัง ข้าจะยอมรับเรื่องนี้ต่อหน้าผู้หญิงอีกคนได้ยังไง?
เฉียวเสวี่ยอิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะแนะนำว่า “ระวังผู้หญิงคนนั้นจะเข้าใกล้เจ้าเพราะตั๋วเงิน 7,500,000 ตำลึงที่เจ้ามี”
นางเคยติดต่อกับเจิ้งตานมาก่อนในฐานะลูกน้องของซือคุน ดังนั้นนางจึงสามารถเดาได้อย่างง่ายดายว่า เจิ้งตานคิดจะทำอะไร
“โอ้? ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นห่วงข้าขนาดนี้” ซูอันตอบพร้อมหัวเราะอย่างเบิกบาน “อย่าห่วงเลย ข้าไม่หลงกลนางง่าย ๆ หรอก กลับกันข้าจะทำให้นางสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตเลยล่ะ!”
“ใครเป็นห่วงเจ้า? ข้าแค่เตือนเจ้าแทนคุณหนูฉู่! ตอนนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ข้าจะไม่คุยกับเจ้าแล้ว” เฉียวเสวี่ยอิงพูดอย่างเย็นชา
หลังจากพูดจบนางก็พลิกหันหลังให้เขาราวกับว่านางเข้านอนแล้ว
จี้เสี่ยวซีดึงแขนเสื้อของซูอันและพูดเบา ๆ ว่า “แม่นางเฉียวได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่านไม่ควรรบกวนนาง ให้นางพักผ่อนมาก ๆ นางจะได้ฟื้นตัวได้โดยเร็ว”
ซูอันระเบิดเสียงหัวเราะ สาวน้อยคนนี้ช่างใสซื่อเหมือนเดิมเลย นางไม่รู้เหรอว่าเฉียวเสวี่ยอิงแค่แกล้งหลับ?
“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวเราไปคุยกันตรงโน้นดีกว่า เราจะได้ไม่รบกวนการพักผ่อนของนาง” ซูอันมีเรื่องจะคุยกับจี้เสี่ยวซีพอดี
เมื่อได้ฟังเสียงฝีเท้าของทั้งคู่ที่จากไป เฉียวเสวี่ยอิงผู้ซึ่งแสร้งทำเป็นหลับก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความขุ่นเคือง ตั้งใจจะคุยอะไรกัน ทำไมต้องพูดลับหลังข้า?
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
ซูอันรู้สึกขบขันเมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นที่ไหลเข้ามา
“พี่ใหญ่ซู ท่านหัวเราะอะไรงั้นเหรอ?” จี้เสี่ยวซีมองเขาด้วยดวงตาที่ไร้เดียงสา
“ไม่มีอะไรมาก” ซูอันตอบ “ทำไมเจ้าถึงเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ซูอีกแล้ว? เรียกข้าว่า อาซู สิ”
“เอ่อ…” จี้เสี่ยวซีไม่เข้าใจว่าทำไมซูอันจึงจดจ่ออยู่กับชื่อเรียกแค่นี้
“ขอบคุณสำหรับเสื้อผ้าของเจ้านะ” ซูอันเอ่ยขึ้นเมื่อมองไปที่หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ตรงหน้าเขา ซูอันไม่สามารถที่จะคิดกลั่นแกล้งนางได้เลย “ข้าขอโทษที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ไว้คราวหลังข้าจะอธิบายให้พวกเขาฟัง”
“ไม่เป็นไร แค่พวกเราต่างบริสุทธิ์ใจ แค่นั้นมันก็มากพอแล้ว” จี้เสี่ยวซี ตอบด้วยการส่ายหัว ดวงตาของนางใสราวกับน้ำ ไม่มีความคิดแอบแฝงอื่นใดเลย “จริงสิ ท่านหาดอกบัวเร้นลักษณ์เจอแล้วใช่ไหม?”
ซูอัน ตกตะลึง “เจ้ารู้ได้ยังไง?”
จี้เสี่ยวซีหน้าแดงขณะที่นางก้มศีรษะลงด้วยความเขินอาย “ตอนที่ข้าตรวจชีพจรของท่านก่อนหน้านี้ ข้าสังเกตว่าอาการบาดเจ็บของท่านหายดีแล้ว และพื้นที่ใต้จุดตันเถียนของท่านกลายเป็น…ปกติ!”
อันที่จริง นางสังเกตเห็นมากกว่านั้นอีกว่าชีพจรบริเวณนั้นของซูอัน มีพลังกว่ามากเมื่อเทียบกับผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ แต่แน่นอนว่า หญิงสาวอย่างนางไม่สามารถพูดคำเหล่านั้นออกมาดัง ๆ ได้
ซูอันพยักหน้าและพูดว่า “ข้าได้พบดอกบัวเร้นลักษณ์แล้ว อันที่จริงเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ข้าต้องขอบคุณยาของพ่อเจ้าจริง ๆ”
เขาเลือกที่จะไม่พูดว่า…ฉู่ชูเหยียนเป็นคนกินดอกบัวเร้นลักษณ์ทั้งหมด มิฉะนั้นมันยากที่จะอธิบายให้จี้เสี่ยวซีฟังว่าชายหนุ่มสามารถปลดผนึก ‘ซูอันน้อย’ ได้อย่างไร นางเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะหลอกนางด้วยข้อแก้ตัวทั่วไป อย่างไรก็ตาม ซูอันไม่สามารถบอกความจริงกับนางได้ เพราะเขาสัญญากับหมี่ลี่ไว้แล้วว่าจะไม่เปิดเผยการมีอยู่ของวิชาปฐมบทแรกเริ่มแก่ผู้อื่น
“ข้าไม่คิดว่ายาของพ่อจะได้ผลจริง ๆ ข้ายังกลัวอยู่ว่าจะมีอะไรผิดพลาด” จีเสี่ยวซีตบหน้าอกของนางและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“???” ซูอัน
เดี๋ยวนะ ปฏิกิริยานี้ของจี้เสี่ยวซีมันแปลก ๆ
จี้เสี่ยวซีอธิบายอย่างอ่อนโยนว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อของข้าปรุงยาจากตำราโบราณ เขามีความมั่นใจในความสำเร็จเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจากท่านเพื่อไม่ให้ท่านเป็นกังวล”
ถ้าเป็นไปไได้นางก็ไม่ต้องการโกหกเขา เพราะคิดว่าแพทย์ควรแจ้งความจริงแก่ผู้ป่วยเสมอ อย่างไรก็ตาม พ่อของนางบอกว่าสภาพจิตใจของผู้ป่วยก็มีความสำคัญต่อการรักษาเช่นกัน เมื่อคิดว่ามันสมเหตุสมผล นางจึงปิดเรื่องนี้กับซูอันอย่างไม่เต็มใจ และเพิ่งมาเปิดเผยมันในตอนนี้เพราะการรักษาสิ้นสุดลงแล้ว
“…” ซูอัน
จี้เติ้งถู ไอ้สิบแปดมงกุฎบัดซบ!!!!
โชคดีจริง ๆ ที่ข้าได้พบกับวิชาปฐมบทแรกเริ่ม มิฉะนั้น ถ้าข้าล้มเหลวในการปลดผนึกหลังจากกินดอกบัวเร้นลักษณ์ ข้าอาจจะสูญเสียความหวังทั้งหมดในชีวิตและลงท้ายด้วยการฆ่าตัวตาย!
ข้าจะต้องคิดบัญชีกับเขาแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังอย่างไม่อาจหยั่งรู้อย่างจี้เติ้งถู ความคิดเหล่านั้นก็หายไปจากสมองอย่างรวดเร็ว ช่างมันเถอะ ไว้ข้าค่อยหาวิธีเอาคืนอย่างอื่นก็แล้วกัน…