เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 357 ยาชะล้างไขกระดูก
บทที่ 357 ยาชะล้างไขกระดูก
บทที่ 357 ยาชะล้างไขกระดูก
ซูอันตกตะลึง “เอ๊ะ? นี่ท่านตื่นแล้วเหรอ?”
“ถ้าข้าไม่ตื่นตอนนี้ เจ้าคงมอบทรัพย์สินทั้งหมดของข้าให้ผู้หญิงคนอื่นไปหมดแล้วน่ะสิ!” หมี่ลี่ตะคอกกลับ
ซูอันเกาศีรษะอย่างเขินอาย รู้สึกเคอะเขินที่ถูกจับได้ว่าทำผิด เขาใช้ความไหลลื่นระดับผู้เชี่ยวชาญในการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีและถามว่า “ท่านพูดในหัวของข้าได้ยังไง? ท่านได้ยินความคิดของข้าไหม?”
“สัญญาแห่งชีวิตและความตายที่เราทำกันไว้ก่อนหน้านี้ผูกดวงวิญญาณของเราไว้ด้วยกัน นี่หมายความว่าเราจะสามารถสื่อสารผ่านดวงวิญญาณของเราได้ ส่วนการฟังความคิดของเจ้า…” หมี่ลี่หยุดครู่หนึ่ง “…เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้น ข้าไม่สนใจความคิดสกปรกในหัวของเจ้า!”
“ท่านฟังไม่ได้มันต่างจากท่านฟังได้แต่ไม่ฟังนะ!” ซูอันรู้สึกประหม่าทันที รู้สึกเหมือนถูกถอดเสื้อผ้าล่อนจ้อนต่อหน้าคนอื่น
“อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับดวงวิญญาณและความคิดมักจะเป็นความลับอย่างยิ่ง ถ้าไม่มีใครใช้วิชาค้นวิญญาณ ฟังความคิดของคนอื่นจึงไม่ใช่เรื่องง่าย อันที่จริงแล้ว แม้กระทั่งกับวิชาค้นวิญญาณ มันก็ทำได้เพียงแค่ได้ยินเพียงเศษเสี้ยวของความคิด และมันจะสร้างความเสียหายแก่เป้าหมายโดยไม่สามารถกู้คืนได้” หมี่ลี่อธิบาย “ถ้ายังกังวลอยู่ ทำไมไม่ลองฟังความคิดของข้าดูล่ะ?”
ซูอันไม่มีทางจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อคิดว่าหมี่ลี่มีโอกาสอ่านใจของเขาได้ เขาพยายามฟังความคิดของหมี่ลี่อย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่ได้ยินอะไรเลย
“หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะโกหกข้า?” ซูอันสงสัย อย่างไรก็ตาม เขาไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับโลกแห่งการบ่มเพาะนี้มากนัก และเห็นได้ชัดว่าหมี่ลี่เป็นคนที่มีความรู้และเชี่ยวชาญหลายทักษะ บางทีทักษะในการอ่านใจคนอื่นอาจต้องใช้ทักษะพิเศษบางอย่างควบคู่ไปด้วยก็ได้
ความคิดบางอย่างผุดขึ้นในใจของซูอัน และชายหนุ่มก็นึกภาพหมี่ลี่คุกเข่าอยู่บนพื้นเรียกเขาว่า ‘นายท่าน’ ขึ้นมาในทันที…
เพี๊ยะ!
จู่ ๆ กระบี่ไท่เอ๋อร์ก็กระเด้งขึ้นมาตบหน้าของเขาก่อนที่จะเสียบกลับเข้าไปที่เดิม มันเร็วมากจนซูอันไม่ทันได้ตอบโต้อะไรเลย
“ไหนท่านบอกว่าท่านอ่านใจข้าไม่ได้ไม่ใช่เหรอ!?” ซูอันคำรามด้วยความโกรธ
“ข้ารู้จากแววตาของเจ้าที่ดูผิดปกติ” หมี่ลี่ตอบอย่างเฉยเมย
“…” ซูอัน
เฮ้ย!…นี่เจ้ากำลังซ่อนตัวอยู่ในกระบี่ไท่เอ๋อร์ และกระบี่มันก็อยู่ข้างหลังข้า แล้วเจ้าจะมองเห็นแววตาข้าได้ยังไง?
“ข้าง่วงแล้ว ข้าจะนอนเดี๋ยวนี้” หมี่ลี่ทำเสียงหาว “เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้มอบสิ่งของของข้าให้คนอื่น ไม่ว่าใครก็ตาม มิฉะนั้น ข้าจะฆ่าใครก็ตามที่ข้าเห็นว่ามีของของข้าอยู่ในครอบครอง ในฐานะผู้ชาย เจ้าไม่อายบ้างเหรอที่จะเอาของของผู้หญิงคนอื่นไปจีบผู้หญิงอีกคน? เจ้ายังมีความภูมิใจในตัวเองหลงเหลืออยู่บ้างไหม? ไอ้เจ้าคนหน้าด้าน!”
เมื่อแน่ใจว่าได้ ‘ข่มขู่’ ซูอันอย่างดีแล้ว หมี่ลี่ก็กลับเข้าสู่สภาวะจำศีลอีกครั้ง
ซูอันอึ้งจนพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้นางบอกว่าจะหลับลึกเพื่อซ่อมแซมดวงวิญญาณของนาง แต่นางก็กระโจนออกมาทันทีที่ข้าจะเอาของของนางให้คนอื่น…นี่นางหลับจริงหรือแกล้งทำเป็นหลับ?
“เจ้าบ่นอะไรงึมงัม ๆ” เฉียวเสวี่ยอิงมองซูอันอย่างสงสัย นางสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์มากมายราวกับกำลังเล่นละครใบ้ “แล้วกระบี่ของเจ้าเป็นอะไรไป? ทำไมอยู่ดี ๆ มันก็เด้งขึ้นมาตบหน้าเจ้าได้แบบนั้น?”
ซูอันและหมี่ลี่ได้พูดคุยกันไม่กี่ประโยคผ่านการสื่อสารทางกระแสจิต โดยกินเวลาปกติไปไม่กี่วินาทีเมื่อมองจากภายนอก ดังนั้นเฉียวเสวี่ยอิง จึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติมากนัก
“ไม่มีอะไรมากหรอก” ซูอันตอบ “ข้าเพิ่งนึกถึงทักษะกระบี่ใหม่ ดังนั้นข้าจึงจำลองเหตุการณ์ขึ้นสักหน่อย”
“ทักษะกระบี่ใหม่ของเจ้าคือการตบหน้าตัวเองเหรอ?” เฉียวเสวี่ยอิงไม่ค่อยอยากเชื่อในข้อแก้ตัวที่ซูอันคิดขึ้น
“ไม่ใช่ เมื่อครู่มันเป็นผลจากการจำลองที่ล้มเหลว” ซูอันตอบกลับ เขาจะไม่มีวันยอมให้คนอื่นคิดว่าเขามีแนวโน้มที่จะเป็นพวกชอบความเจ็บปวด
ในที่สุด เฉียวเสวี่ยอิงก็หายสงสัยและถามอย่างอารมณ์เสีย “เดี๋ยวก่อน ทำไมอยู่ ๆ เจ้าถึงคิดเรื่องวิชากระบี่ตอนที่ข้ากำลังขอของขวัญจากเจ้า? ช่างมันเถอะ! มันคงยากสำหรับเจ้า ข้าไม่เอาอะไรแล้วก็ได้!”
แค่คิดว่าจี้เสี่ยวซีได้รับหินพลังชี่ที่ใหญ่กว่าของนาง ทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง และจากท่าทางของซูอัน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีก้อนที่ใหญ่กว่านั้นเช่นกัน จะให้เขาไปเอาคืนจากจี้เสี่ยวซีก็คงไม่ได้ใช่ไหม?
การเข้าใจปัญหาของเขาอย่างมีเหตุผลเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ยิ่งคิดนางก็ยิ่งโกรธ
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 333!
—
ซูอันรู้สึกปวดหัวเมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นของเฉียวเสวี่ยอิง หมี่ลี่ ได้แสดงจุดยืนของนางอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาไม่สามารถมอบสิ่งของใด ๆ ของนางให้กับผู้หญิงคนอื่นได้อีก แต่แน่นอนว่าเขาไม่อาจปล่อยให้เฉียวเสวี่ยอิงเดินจากไปโดยที่เขาไม่ได้ให้อะไรนางเลย…
แล้วข้าเหลืออะไรอีกล่ะ? ข้ารีบออกมาจากถ้ำใต้ดิน ดังนั้นข้าจึงไม่ได้เจออะไรดี ๆ เลย
ซูอันสำรวจตัวเอง และในทันใดนั้น เขาก็นึกถึงบางสิ่ง ใช่แล้ว! ยาชะล้างไขกระดูก!
เขารีบดูที่คะแนนความโกรธแค้นของเขาและเห็นว่าได้มาถึง 33,595 คะแนนภายในระยะเวลาอันสั้น
อา…ข้านี่เป็นอัจฉริยะจริง ๆ! ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมสถาบันที่น่ารักของข้าที่บริจาคคะแนนความโกรธแค้นให้ข้าอย่างใจกว้าง!
เขารีบซื้อยาชะล้างไขกระดูกด้วยคะแนนความโกรธ 10,000 คะแนน ทั้ง ๆ ที่จำได้ว่าเขาเคยคิดว่ามีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะยอมเสียคะแนนความโกรธแค้นจำนวนมากเพื่อซื้อสิ่งนี้…
ให้ตายเถอะ ข้าควรจะเลิกตัดสินอะไรมั่วซั่วซะแล้ว!
เมื่อหยิบยาชะล้างไขกระดูกออกมา เขาก็สังเกตเห็นราคาของยาชะล้างไขกระดูกเปลี่ยนแปลง จึงรีบมองเข้าไปใกล้ ๆ …ในแวบแรก ดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เมื่อตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็พบว่ามี ‘0’ เพิ่มอยู่ข้างหลังเพิ่มมาอีกตัว
ราคาใหม่พุ่งขึ้นไปถึง 100,000 แต้มความโกรธแค้น!
บ้าอะไรวะเนี่ย!
ซูอันตกใจจนหน้าเหวอ ถ้าซื้อครั้งต่อไปราคาจะเพิ่มด้วยเหรอ! ตอนแรกเป็น 10,000 ตอนนี้เป็น 100,000? ถ้าอย่างนั้นครั้งต่อไปไม่เพิ่มขึ้นถึง 1,000,000 เลยหรือไง?!
หน้าเขาซีดเผือด ด้วยเคยคิดที่จะมอบมันให้กับทุกคนรอบตัว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถจ่ายได้อีกต่อไป
พอคิดอีกทีมันก็สมเหตุสมผลเช่นกัน สิ่งของที่สามารถเพิ่มพูนพรสวรรค์ได้เป็นสิ่งล้ำค่าและหายากในโลกนี้ เขาเคยคิดว่าคะแนนความโกรธแค้น 10,000 คะแนนนั้นแพง แต่เมื่อได้เรียนรู้ว่าพรสวรรค์ของผู้บ่มเพาะมีความสำคัญเพียงใด …จึงค้นพบว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ได้แพงจนเกินไปเลย!
เป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมคีย์บอร์ดจึงค่อย ๆ ขึ้นราคา ข้าควรจะแลกมันเมื่อข้าต้องการจริง ๆ เท่านั้น มิฉะนั้น หากราคาพุ่งขึ้นไปถึง 10,000,000 หรือมากกว่านั้น มันคงอยู่ไกลเกินเอื้อมของข้าไปแล้ว
ซูอันค่อย ๆ วางศีรษะของจี้เสี่ยวซีพิงไปกับต้นไม้อย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะเดินไปหาเฉียวเสวี่ยอิง เขายื่นยาชะล้างไขกระดูกให้นางและพูดว่า “ข้าไม่มีหินพลังชี่ระดับสวรรค์อีกแล้ว ดังนั้นข้าจะให้สิ่งที่ล้ำค่ากว่านั้นแก่เจ้า”
เมื่อมองไปที่เม็ดยาที่ดูไร้ค่าที่มอบให้กับนาง เฉียวเสวี่ยอิงก็เย้ยหยันด้วยความไม่เชื่อถือ “จะมีอะไรที่มีค่าไปกว่าหินพลังชี่ระดับสวรรค์?”
“งั้นก็ลองกินดูสิ” ซูอันยื่นยาไปที่ปากของนาง
“นี่ยาอะไร?” เฉียวเสวี่ยอิงเอนหลังหลบมือของซูอันโดยสัญชาตญาณ นางมองเขาอย่างระมัดระวัง “มันไม่ใช่ยาปลุกกำหนัดใช่ไหม?”
“…” ซูอัน
สำหรับเจ้า ข้าเป็นคนแบบนั้นจริง ๆ งั้นเหรอ?
“ใช่! แล้วเจ้าจะกินมันหรือเปล่าล่ะ?” ความอดทนของซูอันค่อย ๆ มาถึงขีดจำกัด
เฉียวเสวี่ยอิงหน้าแดงเล็กน้อย กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมาจากเม็ดยา มีบางอย่างในส่วนลึกของดวงวิญญาณนางได้โหยหามัน กระตุ้นให้นางกลืนน้ำลายดังเอื๊อก “ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่กล้าป้อนยาปลุกกำหนัดให้ข้าหรอก!”
ดังนั้นนางจึงอ้าปากและปล่อยให้ซูอันป้อนเม็ดยาเข้าปากนางไป
เมื่อลิ้นของนางเผลอไปโดนนิ้วของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ร่างกายของซูอัน ก็สั่นเล็กน้อย แม้แต่ปากของนางก็นุ่มลื่นเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน เฉียวเสวี่ยอิงก็พบว่าหัวใจของนางเต้นรัวผิดจังหวะและใบหน้าของนางก็ดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างควบคุมไม่ได้ นางเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วและถามว่า “ยาของเจ้าทำอะไรได้?”
“มันสามารถยกระดับพรสวรรค์ของบุคคลได้ในระดับหนึ่ง” ซูอันตอบ
“จะมียาอะไรที่ดีขนาดนั้นในโลกนี้ด้วยเหรอ?” เฉียวเสวี่ยอิงขมวดคิ้ว ปฏิเสธที่จะเชื่อคำพูดของเขา
“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ” ซูอันไม่อยากจะอธิบาย