เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 363 การเสียสละที่ถูกเปิดเผย
บทที่ 363 การเสียสละที่ถูกเปิดเผย
บทที่ 363 การเสียสละที่ถูกเปิดเผย
ฉู่ชูเหยียนรู้ว่าเซี่ยซิวตั้งใจถามคำถามที่ทุกคนสงสัย เพื่อเปิดโอกาสให้นางได้อธิบายตัวเองจะได้ไม่เกิดความยุ่งยากในภายหลัง “นั่นเป็นเพราะว่าตระกูลซือได้เตรียมของวิเศษไว้ให้ซือคุนใช้ในยามที่ตกอยู่ในอันตราย ซึ่งก็คือแหวนที่ผนึกเศษเสี้ยวดวงวิญญาณของสัตว์ร้ายโบราณชื่อ ‘เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน” อยู่ภายใน!”
“เทพอสูรแห่งการกลืนกิน?”
เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่เมื่อทุกคนได้ยินชื่อนี้
นักศึกษาที่มีความรู้รอบตัวน้อยบางคนหันไปหาคนรอบข้างเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในขณะที่นักศึกษาที่ฉลาดกว่าก็ใช้โอกาสนี้โอ้อวดความรู้ของตน
“เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ เป็นสัตว์ร้ายโบราณที่มีความยาวกว่าร้อยเมตร มันสามารถพัฒนาอย่างต่อเนื่องผ่านการกลืนกินร่างกายของศัตรู แม้แต่เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถจัดการกับผู้บ่มเพาะระดับเก้าได้…”
ฝูงชนอ้าปากค้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำอธิบาย พวกเขาอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นว่าสัตว์อสูรขนาดมหึมาดังกล่าวจะเก่งกล้าทัดเทียมกับผู้บ่มเพาะระดับเก้าได้อย่างไร?
นักศึกษาบางคนที่อยู่ในมิติลับก่อนหน้านี้ก็เบิกตากว้างด้วยความตระหนัก พวกเขาจำได้ว่ามีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่พวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังและเงาขนาดมหึมาบนท้องฟ้า เพียงแต่ว่าไม่นานหลังจากนั้นมันก็หายไป มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจ แต่พวกเขาไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในมิติลับ
พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าแท้จริงแล้วซือเป็นคนปล่อยมันออกมา การเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังแบบนี้ให้กลายเป็นสัตว์อสูรรับใช้ของตัวเอง มันนับได้ว่าตระกูลซือนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก…
อย่างไรก็ตาม มีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาอยากรู้เป็นอย่างมาก นั่นคือพวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่า ฉู่ชูเหยียนสามารถหลบหนีสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ได้อย่างไร?
เมื่อได้ยินข้อสงสัยจากฝูงชนที่อยู่รายรอบ ฉู่ชูเหยียนจึงตอบว่า “ เทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ เป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณของตัวตนดั้งเดิมของมัน มันจึงอ่อนแอกว่าตัวปกติมาก อย่างไรก็ตาม มันยังแข็งแกร่งเกินกว่าที่ข้าจะรับมือไหว เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ข้าจึงทำได้เพียงใช้วิชาลับต้องห้ามในการปราบมัน เพื่อแลกกับการทำลายเศษเสี้ยววิญญาณของเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ได้สำเร็จ เส้นลมปราณของข้าเสียหายอย่างร้ายแรงจนทำให้ข้ากลายเป็นคนพิการไปอย่างช่วยไม่ได้”
เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกเขาประหลาดใจที่รู้ว่า ฉู่ชูเหยียน อัจฉริยะอันดับหนึ่งของสถาบันการศึกษาของพวกเขา สามารถเอาชนะสัตว์ร้ายโบราณระดับเก้าได้!
นอกจากนี้ยังมีบางคนที่สงสัยว่าวิชาต้องห้ามของฉู่ชูเหยียนคืออะไร มันถึงกับทำให้นางซึ่งเป็นแค่ผู้บ่มเพาะระดับที่ 5 สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างสัตว์อสูรที่น่าจะมีระดับอย่างต่ำที่สุดคือระดับที่ 9 ได้? แน่นอน พวกเขาเข้าใจว่านี่คงเป็นหนึ่งในความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง ดังนั้นไม่มีทางที่นางจะเปิดเผยให้คนอื่นรับรู้
อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ตกใจยิ่งกว่าในเรื่องที่ได้ยินว่าเส้นลมปราณ ของนางได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง และนางกลายเป็นคนพิการจากการใช้วิชาต้องห้าม เพราะฉู่ชูเหยียนเป็นเทพธิดาที่สูงส่งในสายตาของพวกเขามาโดยตลอด แม้ว่าตอนนี้นางจะแต่งงานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของนางเสียไป…
นอกจากนั้น ยังมีข่าวว่าซูอันและฉู่ชูเหยียนยังไม่ได้เข้าหอกัน ข่าวลือเหล่านั้นดูน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่มีใครคิดว่าตระกูลฉู่จะยอมให้คนไร้ค่าอย่างซูอันเป็นลูกเขยในทางพฤตินัยของพวกเขา …
… แม้ว่าเหตุการณ์ที่งานประลองระหว่างตระกูลและการที่ ‘ความแข็งแกร่ง’ ของซูอันเปิดเผยออกมาได้เขย่าศรัทธาของคนเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ฉู่ชูเหยียนก็ยังคงเป็นเทพธิดาในฝันของพวกเขา
ดังนั้นการได้รู้ว่าเส้นลมปราณของฉู่ชูเหยียนเสียหายอย่างร้ายแรง ทำให้พวกเขาโกรธเคือง หลายคนเริ่มพูดจาด่าทอตระกูลซือ
เจียงลั่วฝูที่ตกใจก็รีบวิ่งไปหาฉู่ชูเหยียนและจับชีพจรของนางทันที เมื่อรับรู้ว่าชีพจรของนางยังคงที่เป็นปกติ อันที่จริงมันแข็งแกร่งกว่าที่เคยซะอีก จากนั้นอาจารย์ใหญ่แห่งสถาบันจันทร์กระจ่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“น่าขำ! เจ้ากำลังพยายามอ้างว่าเจ้าเป็นคนพิการไปแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนเห็นเจ้ารับมือกับการโจมตีของข้าได้อย่างคนปกติดี ไม่ได้พิกงพิการอะไรเลย!” ซือเล่อจื่อเย้ยหยัน
เจียงลั่วฝูมองประเมินฉู่ชูเหยียนอย่างสงสัย ฉู่ชูเหยียนก็ตอบว่า “นี่เป็นเพราะซูอันทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยชีวิตข้า เขาพบดอกบัวเร้นลักษณ์และป้อนมันให้กับข้า ซึ่งในที่สุดเส้นลมปราณที่เสียหายก็ฟื้นฟูกลับมาได้สมบูรณ์ดังเดิม”
นางอายเกินกว่าจะอธิบายให้แน่ชัดว่าซูอันช่วยชีวิตนางได้ด้วยวิธีไหนกันแน่ ดังนั้นนางจึงบอกคนอื่นว่ามันเป็นเพราะนางกินดอกบัวเร้นลักษณ์เข้าไปเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น…แก้มของนางก็แดงก่ำ
“ดอกบัวเร้นลักษณ์!”
ทุกคนส่งเสียงด้วยความตกใจ! นั่นเป็นสมบัติในตำนาน แค่กินกลีบเล็ก ๆ เพียงหนึ่งกลีบก็สามารถยกระดับการบ่มเพาะได้ถึงหนึ่งขั้น!
ที่จริงก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือว่าอาจมีดอกบัวเร้นลักษณ์ในมิติลับหยกจรัสด้วยเช่นกัน มันจึงเป็นสมบัติล้ำค่าที่หลายคนตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีบุญวาสนาเพียงพอที่จะได้พบเจอ
น่าเสียดายที่หลังจากมิติลับหยกจรัสสิ้นสุดลง กลับไม่มีผู้ใดพบดอกบัวเร้นลักษณ์ พวกเขาจึงคิดว่ามันเป็นเพียงข่าวลือ ใครจะไปคิดว่าเป็นความจริง?
ทุกคนเริ่มจ้องมองซูอันทันทีด้วยสีหน้าซับซ้อน
“ซูอัน โชคดีเกินไปหรือเปล่า? สวรรค์ไม่ยุติธรรมเลยที่เขาบังเอิญไปเจอ ดอกบัวเร้นลักษณ์ที่สามารถรักษาคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ได้พอดี”
“ข้าแปลกใจมากกว่าที่ได้ยินว่าซูอันมอบดอกบัวเร้นลักษณ์ให้กับคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่แทน เขาเป็นคนจิตใจดีจริง ๆ ดูเหมือนว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้คลี่คลายได้เพราะเขาเลยนะ”
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงหลาย ๆ คนถึงยืนหยัดเพื่อซูอัน เขามีคุณสมบัติพร้อมเช่นนี้ก็สมควรได้รับความรักจากพวกนาง เอาเข้าจริง ๆ ถ้าเปลี่ยนให้ข้าเป็นคนเจอดอกบัวเร้นลักษณ์ ข้าไม่คิดว่าข้าจะทำแบบเดียวกับที่เขาทำได้แน่ ๆ”
“ข้าคิดว่าเขามองโลกในแง่ดีเกินไป ของกำนัลไม่ว่าจะมีค่าแค่ไหนก็แค่ทำให้ผู้หญิงพอใจได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อช่องว่างแห่งการบ่มเพาะระหว่างพวกเขาทั้งสองห่างกันมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาก็ต้องแยกจากกันเพราะความห่างเหินในที่สุด”
“ใช่ ข้าก็คิดเหมือนกัน จะดีกว่าไหมถ้าเขากินมันซะเอง? เมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว เขาก็จะสามารถเลือกผู้หญิงได้ตามใจชอบ ถึงตอนนั้น แม้แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่เองก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกของเขาด้วย ในโลกนี้ ความแข็งแกร่งของตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด!”
…
ตรงกันข้ามกับการวิเคราะห์หาเหตุและผลของผู้ชายขี้อิจฉาเหล่านั้น พวกผู้หญิงต่างจ้องมองซูอันด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย ผู้ชายคนนี้ยอมทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงที่เขารัก นี่ไม่ใช่ความรักที่พวกนางใฝ่หามาทั้งชีวิตหรอกเหรอ?
เพ่ยเหมียนหมานคร่ำครวญกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดของนาง ในตอนนั้นนางควรจะร่วมเดินทางไปกับซูอัน ถ้าเป็นเช่นนั้น อย่างน้อยนางก็จะได้รับส่วนแบ่งในดอกบัวเร้นลักษณ์ด้วย ที่เลวร้ายไปกว่านั้น การเสียสละของซูอันชนะใจฉู่ชูเหยียนอย่างมาก เพราะแม้ว่านางเป็นเพื่อนสนิทกับฉู่ชูเหยียน แต่ขณะเดียวกัน ก็คิดว่าเพื่อนคนนี้ของนางเป็นคู่แข่งกับตัวเองด้วย นางมองว่าในตอนนี้ฝีมือของตัวเองด้อยกว่าฉู่ชูเหยียนอย่างแน่นอน ทั้งที่ในความเป็นจริง นางเชื่อว่าระดับการบ่มเพาะของนางนั้นสูงกว่าฉู่ชูเหยียนอยู่เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม การที่ฉู่ชูเหยียนได้กินดอกบัวเร้นลักษณ์เข้าไปทั้งดอกหมายความว่าระดับการบ่มเพาะของนางต้องเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ดูได้จากการที่นางสามารถยืนหยัดต่อสู้กับซือเล่อจื่อ ก่อนหน้านี้บอกเป็นนัยว่าตอนนี้นางแข็งแกร่งเพียงใด
พูดง่าย ๆ ก็คือฉู่ชูเหยียนนำหน้านางไปมาก
ที่เลวร้ายกว่านั้น นางรู้ว่าพวกนางเท่าเทียมกันทั้งในด้านพรสวรรค์และทรัพยากรการบ่มเพาะ หากนางไม่สามารถเผชิญโชคครั้งใหญ่ในชีวิต เป็นไปได้ว่านางจะตามฉู่ชูเหยียนไม่ทันไปตลอดชีวิต
ความคิดที่ว่าฉู่ชูเหยียนจะอยู่ในระดับสูงกว่านางไปตลอดชีวิตทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่น่าเชื่อ นางจ้องเขม็งไปที่ผู้ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้นางตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ มันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด!
—
ท่านยั่วยุเพ่ยเหมียนหมานสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—
ในขณะเดียวกัน เจิ้งตานก็แสดงสีหน้าที่ซับซ้อนเช่นกัน นางสงสัยมาตลอดว่าซูอันสามารถเอาชีวิตรอดจากแผนการสังหารอันซับซ้อนของซือคุนได้อย่างไร? และในที่สุดความสงสัยของนางก็ได้รับคำตอบ
ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นคนที่ยอมเสียสละให้แก่ผู้อื่นได้ขนาดนี้
ในครั้งแรกที่นางพบกับซูอัน เจิ้งตานตัดสินเขาจากข่าวลือว่าเขาน่าจะเป็นไอ้พวกไร้ค่าไม่ใช่คนดีเด่อะไร แต่หลังจากนั้นนางกลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศลึกลับที่รายล้อมรอบตัวเขา และบรรยากาศแห่งความลึกลับนี้เองเป็นเสน่ห์ที่อันตรายสำหรับนาง
ความรู้สึกที่เขามีต่อฉู่ชูเหยียนอย่างลึกซึ้งนี้ทำให้นางรู้สึกโหยหาเล็กน้อย นางสงสัยว่าซ่างเชียน คู่หมั้นของนางจะทำแบบเดียวกันกับซูอันได้หรือไม่ถ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน?
ในไม่ช้านางก็ส่ายหัวโดยมีรอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนาง
แม้แต่อู๋ฉิงก็อดไม่ได้ที่จะมองดูซูอันอย่างชื่นชม ดูเหมือนว่าข้าจะตัดสินเขาผิด ๆ มาโดยตลอด
มีเพียงเจียงลั่วฝูเท่านั้นที่จ้องมองซูอันอย่างแปลกประหลาดใจ นางเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ว่าดอกบัวเร้นลักษณ์มีความหมายต่อเขาอย่างไร เขาเต็มใจที่จะเสียสละขนาดนี้เพื่อช่วยภรรยาในนามงั้นเหรอ??