เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 364 ความลำเอียงของจี้เสี่ยวซี
บทที่ 364 ความลำเอียงของจี้เสี่ยวซี
บทที่ 364 ความลำเอียงของจี้เสี่ยวซี
เมื่อสัมผัสได้ถึงการจ้องมองจากฝูงชนที่กระซิบกระซาบรอบ ๆ ตัวเขา ใบหน้าของซือคุนก็ซีดเผือด ขณะที่เขาหันไปหาซือเล่อจื่อเพื่อขอความช่วยเหลือ
ซือเล่อจื่อไม่ใช่คนที่แก่เพราะกินข้าวเพียงอย่างเดียว ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาไม่นานในการคิดหาทางแก้ไข
“ถุย! ในโลกนี้ ใครเคยได้ยินว่าเส้นลมปราณที่ถูกทำลายแล้วจะฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้บ้าง? อย่างมากที่สุด ดอกบัวเร้นลักษณ์ควรจะฟื้นฟูการเคลื่อนไหวให้นางคล่องตัวขึ้นเท่านั้น แล้วตอนนี้นางคงจะอ่อนแอกว่ามนุษย์ทั่วไปซะอีก! นอกจากนี้ ดอกบัวเร้นลักษณ์ก็เป็นที่รู้จักเพราะคุณสมบัติในการยกระดับการบ่มเพาะ ไม่มีบันทึกไหนที่บอกว่ามันจะสามารถฟื้นฟูเส้นลมปราณที่เสียหายขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อข้า ลองไปถามหมอเทวะจี้ดูได้!”
“ใช่ ๆ” ผู้ที่ใกล้ชิดตระกูลซือ พากันพยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว
เจียงลั่วฝูขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ นางไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ดอกบัวเร้นลักษณ์สามารถฟื้นฟูเส้นลมปราณของบุคคลได้หรือไม่?
คำกล่าวของซือเล่อจื่อ ทำให้ซือคุนมีกำลังใจขึ้นมา เขาเดินออกมาข้างหน้าและพูดเสียงดัง “แม้ว่าหมอเทวะจี้จะไม่อยู่แถวนี้ แต่จี้เสี่ยวซี ลูกสาวของเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย ทุกคนรู้ดีว่าแม่นางจี้ได้สืบทอดมรดกทางการแพทย์จากบิดาของนาง ทำไมเราไม่ลองขอคำตอบจากนางล่ะ?”
ทุกคนหันไปมองจี้เสี่ยวซีทันที
จี้เสี่ยวซีเป็นคนขี้อาย และการที่มีสายตามากมายมองมาที่นาง ทำให้นางรู้สึกเคอะเขิน หญิงสาวจึงไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้จะอ้าปากหุบปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“แม่นางจี้ ทุกคนรู้ว่าเจ้าเป็นคนไม่พูดโกหก ความคิดเห็นของเจ้าหมายถึงหน้าตาของพ่อเจ้าเช่นกัน ดังนั้นข้าแนะนำให้เจ้าคิดให้รอบคอบก่อนที่จะพูด” ซือคุนกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ซูอันประท้วงทันที “เฮ้ ซือคุน! นี่เจ้ากำลังพยายามข่มขู่ผู้เห็นเหตุการณ์งั้นเหรอ?”
“ข่มขู่? ข้าแค่เตือนนางว่าอย่าให้คนเลวทรามบางคนบิดเบือนความจริงที่นางกำลังจะพูดออกมาก็เท่านั้น!” ซือคุนตะโกนตอบ
ไม่ว่าเขาจะคิดจนสมองแทบระเบิดแค่ไหน ก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมในช่วงเวลาหนึ่งเขาจึงคิดว่าซูอันเป็นเพื่อนตัวเอง เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกขยะแขยงจนทำให้อยากจะอาเจียน
จริง ๆ แล้วคนที่ต้องการอาเจียนไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ซูอันรู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่งที่เงิน 100,000 ตำลึงของเขาเหมือนไหลลงท่อระบายน้ำไปเฉย ๆ แบบนั้น
เช่นเดียวกับเงิน 100,000 ตำลึงที่เขาใช้กับจางฮั่นด้วย ถึงแม้ว่ามันไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง แต่ผลของมันก็ไม่ได้คุ้มค่านักเมื่อเทียบกับเงินที่เขาเสียไป ดูเหมือนว่าต่อจากนี้ต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะใช้ทักษะ ‘เป็นมิตรกับเศรษฐี’ เพราะมันไม่ได้ดีเหมือนที่เขาคาดไว้
จี้เสี่ยวซีเงียบไปครู่หนึ่ง บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดของซือคุนที่เตือนนางว่านี่เป็นการประเมินอย่างมืออาชีพ นางจึงจริงจังขึ้นมาทันทีในขณะที่พูดให้คำตอบ “จากสิ่งที่ข้ารู้ ไม่มีบันทึกว่าดอกบัวเร้นลักษณ์สามารถในการฟื้นฟูเส้นลมปราณที่ถูกทำลายไปแล้วให้เหมือนเดิมได้ ”
ซือคุนหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำตอบของจี้เสี่ยวซี เขาหันไปหาฉู่ชูเหยียนอย่างมีความสุขและพูดว่า “เจ้าได้ยินไหม? แม้แต่แม่นางจี้ยังพูดอย่างนี้! ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่าเจ้ากำลังโกหก!”
ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้ว เรื่องนี้นางโกหกจริง ๆ แต่ไม่มีทางที่นางจะเปิดเผยความจริงต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากได้
แต่ต่อมาจี้เสี่ยวซีก็กล่าวเสริมในไม่ช้าว่า “ถึงแม้ว่าจะไม่มีบันทึกว่าดอกบัวเร้นลักษณ์สามารถฟื้นฟูเส้นลมปราณได้จริง แต่เราก็ไม่สามารถสรุปได้ว่ามันไม่มีสรรพคุณเช่นนั้น ดอกบัวเร้นลักษณ์มีค่าเกินกว่าจะมีใครเคยใช้มันกับคนพิการ ปกติแล้วเราไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับมัน หากสิ่งที่แม่นางฉู่พูดเป็นความจริง นี่จะเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในด้านการแพทย์ เป็นแสงแห่งความหวังให้กับผู้ที่พิการจากเส้นลมปราณที่ถูกทำลาย”
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนร้อนขึ้น มันคงเป็นหายนะจริง ๆ ถ้าเรื่องโกหกของนางทำให้คนไข้ทั่วโลกเกิดความหวังขึ้นมาอย่างผิด ๆ
นางชำเลืองมองซูอันโดยไม่รู้ตัวขณะที่นางคิดว่าจะต้องชี้แจงเรื่องนี้กับ จี้เสี่ยวซีเป็นการส่วนตัว โดยบอกกับนางว่าให้ผู้ป่วยที่มีเส้นลมปราณเสียหายไปขอความช่วยเหลือจากซูอันแทน!
ดูเหมือนว่าซูอันจะเข้าใจถึงความหมายในสายตาของฉู่ชูเหยียน ถ้าผู้ป่วยเป็นชายก็ไปไกล ๆ จากข้าเลย! แต่ถ้าเป็นสาวงาม ข้าคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะลองรักษาดู…
ซือคุนไม่พอใจที่ได้ยินคำพูดของจี้เสี่ยวซี “แม่นางจี้ เจ้าไม่คิดว่าคำพูดของเจ้าไร้สาระไปหน่อยเหรอ?”
ใบหน้าของจี้เสี่ยวซีแดงขึ้น นางรู้ว่าคำพูดของนางคลุมเครือเกินไป อันที่จริง ความรู้ทางการแพทย์ของนางบอกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ดอกบัวเร้นลักษณ์จะสามารถฟื้นฟูเส้นลมปราณให้กลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง แต่นางเลือกที่จะพูดถึงความเป็นไปได้ในอนาคตเพื่อช่วยเหลือซูอัน
แต่ก่อนที่นางจะได้แก้ตัวอีกรอบ เจียงลั่วฝูได้พูดแทรกขึ้นมาก่อน “นางพูดถึงความเป็นไปได้ตามความรู้ความสามารถของนาง ทำไมเจ้าถึงบอกว่าคำพูดของนางไร้สาระ?”
ซือคุนหดตัวเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าลืมความจริงที่ว่าเจียงลั่วฝูเป็นป้าของจี้เสี่ยวซี เขากระวนกระวายใจเกินไปเมื่อเห็นว่าจี้เสี่ยวซีกำลังเข้าข้างซูอัน จนลืมความสัมพันธ์ระหว่างพวกนาง ดังนั้นจึงรีบขอโทษ “ขออภัยด้วยท่านอาจารย์ใหญ่เจียง ข้าพูดผิดไป”
“เจ้าสองคนยืนกรานในคำพูดของตัวเอง เนื่องจากไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์และหลักฐานที่แน่ชัด ในการพิสูจน์ว่าเจ้าคนใดคนหนึ่งพูดความจริง ข้าจึงไม่อาจตัดสินถูกผิดได้ ดังนั้นทางสถาบันจะเริ่มการสอบสวนเรื่องนี้โดยละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ที่เข้าไปในมิติลับ ภูมิหลัง และผู้ที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ข้าเชื่อว่าความจริงจะปรากฏในไม่ช้า!” เจียงลั่วฝูกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ขณะที่นางพูดคำเหล่านี้ นางก็มองไปที่ซือคุนอย่างมีนัยยะแฝงอยู่ครู่หนึ่ง
หัวใจของซือคุนเต้นผิดจังหวะ แต่เขายังคงทำทีมั่นใจในขณะที่เขาตอบว่า “ขอขอบคุณอาจารย์ใหญ่เจียง ที่ให้ความเป็นธรรมกับข้า”
ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานและพยานที่แน่ชัด ซือคุนก็ยังคงนอนใจ เขาเชื่อว่าตระกูลซือ มีอำนาจบารมีและความมั่งคั่งเพียงพอที่จะกลับดำให้เป็นขาวพลิกสถานการณ์ให้เรื่องนี้เป็นประโยชน์กับฝ่ายตัวเอง
ในขณะเดียวกัน ฉู่ชูเหยียนก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจต่อคำตัดสินนี้ นางรู้ว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัดเนื่องจากมิติลับได้ปิดลงแล้ว และตระกูลซือก็มีอำนาจจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อไม่ให้ซือคุนถูกตัดสินว่ามีความผิด
ซูอันเพียงแค่ยักไหล่ เขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องจะลงเอยแบบนี้ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย การตัดสินว่าซือคุนมีความผิดในที่นี้หมายถึงการลงโทษประหารชีวิต แม้ว่าจะเป็นเจียงลั่วฝู อาจารย์ใหญ่ของสถาบันจันทร์กระจ่าง นางก็คงไม่กล้าเสี่ยงที่จะตัดสินความผิดของซือคุน เว้นแต่จะมีหลักฐานแน่ชัดเสียก่อน
ด้วยเหตุนี้เองก่อนหน้านี้ ซูอันจึงใช้กำลังซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหานี้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าซือเล่อจื่อจะเร็วถึงขนาดเข้ามาขวางได้ในพริบตาขนาดนั้น…
เจียงลั่วฝูปรบมือและพูดว่า “เอาล่ะ ต่อจากนี้พวกเจ้าทุกคนจะต้องส่งรายงานประสบการณ์และผลประโยชน์ที่ได้รับจากมิติลับมาให้กับสถาบัน แต่ไม่ต้องกังวล สถาบันจันทร์กระจ่างจะไม่ริบของที่เจ้าได้มา ขั้นตอนนี้แค่ช่วยให้อาจารย์ของเราสามารถให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับวิธีที่เจ้าจะใช้สิ่งที่เจ้าได้รับมาจากในมิติลับได้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้หลงทางในการบ่มเพาะ และแน่นอนว่าเราจะรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ไว้สำหรับรุ่นน้องของพวกเจ้าด้วย ให้พวกเขาสามารถใช้ประสบการณ์ของพวกเจ้าอ้างอิงเป็นแนวทางในการเข้าไปในมิติลับในอนาคต…
“เมื่อเสร็จแล้วจงกลับบ้านและพักผ่อน พวกเจ้ามีเวลาสามวันในการฟื้นฟูตัวเองให้สดชื่น!”
ฝูงชนโห่ร้องด้วยความยินดี พวกเขายังคงตึงเครียดในช่วงเวลาที่อยู่ในมิติลับ กังวลเกี่ยวกับอันตรายที่ไม่รู้จักที่ซุกซ่อนอยู่ทุกหนทุกแห่งในขณะที่ปรารถนาจะพบโชคครั้งใหญ่ที่ทำให้พวกเขาก้าวนำหน้าคนอื่น ๆ ความเครียดที่สะสมมาตลอดทำให้พวกเขารู้สึกอ่อนล้า ดังนั้นการได้พักเป็นเวลาสั้น ๆ เพื่อคลายเครียดนี้จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดี
ขณะที่ฝูงชนค่อย ๆ สลายไป เพ่ยเหมียนหมานจึงใช้โอกาสที่ฉู่ชูเหยียนยังคงสนทนากับเฉียวเสวี่ยอิง เดินไปที่ด้านข้างของซูอันและถามว่า “ข้อตกลงของเรายังคงเหมือนเดิมหรือไม่?”