เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 365 หากสวรรค์อนุญาต เราคงได้พบกันอีก
บทที่ 365 หากสวรรค์อนุญาต เราคงได้พบกันอีก
บทที่ 365 หากสวรรค์อนุญาต เราคงได้พบกันอีก
“ข้อตกลงอะไร?” ซูอันกระพริบตาปริบ ๆ
ผู้หญิงคนนี้เย้ายวนเกินไป ดวงตาทั้งสองของนางเปล่งประกายราวกับดวงดาว สามารถละลายหัวใจของผู้ชายคนไหน ๆ ได้อย่างง่ายดาย โชคดีที่ข้ามีสาวงามอันดับหนึ่งเป็นของตัวเอง ภูมิต้านทานความสวยจึงสูงขึ้นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นข้าอาจจะติดกับดักเสน่ห์ของนางไปอีกคน
เพ่ยเหมียนหมานถอนหายใจเบา ๆ และพูดอย่างไม่เต็มใจ “เฮ้อ…คิดไม่ผิดเลย เจ้าลืมเกี่ยวกับข้อตกลงที่เราทำร่วมกันไปแล้วจริง ๆ”
“…” ซูอัน
ทำไมน้ำเสียงของเจ้าเป็นแบบนี้? เจ้ากำลังทำเหมือนว่าข้านอกใจเจ้า ทำให้เจ้าผิดหวัง…ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ผู้ชายคนไหนจะยอมทิ้งผู้หญิงแบบเจ้า?
“ดูเหมือนว่าเจ้าไม่ตั้งใจที่จะหาสมุดบัญชีให้ข้า” เพ่ยเหมียนหมานกล่าวยิ้ม ๆ
ซูอันตอบกลับพร้อมกับยักไหล่ “เจ้าเองก็ไม่ได้ช่วยให้ข้าเข้าใกล้ฉู่ชูเหยียนมากขึ้นเช่นกัน”
ฉู่ชูเหยียนและข้าใกล้ชิดมากจนไม่เหลือระยะห่างระหว่างเราอีก จนถึงจุดนี้ เจ้าคิดว่าข้ายังต้องการให้เจ้าจับคู่ให้ข้าอยู่เหรอ?
เพ่ยเหมียนหมานก็คิดถึงประเด็นนี้เช่นกัน “ดูเหมือนว่าเจ้าสองคนจะสนิทกันมากขึ้นหลังจากที่พวกเจ้าใช้เวลาอยู่ด้วยกันในมิติลับ ฮ่า ๆ ถ้าข้ารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ ข้าก็คงไปกับเจ้าด้วย”
คำพูดเหล่านั้นทำให้ซูอันทำหน้าแปลก ๆ ถ้าเจ้าไปกับพวกเราและลงเอยด้วยการทำให้เส้นลมปราณของเจ้าถูกทำลายลงไปด้วย ข้าจะไม่ต้องช่วยพวกเจ้าทั้งสองคนเลยเหรอ?
เมื่อนึกถึงกิจกรรมที่ต้องทำเพื่อช่วยพวกนาง เขาจึงพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม “อา…ใช่ ๆ มันคงจะดีถ้าเจ้ามากับเรา”
เพ่ยเหมียนหมานอ้ำอึ้งไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดของเขา นางรู้สึกว่าการแสดงออกของซูอันมีบางอย่างแปลก ๆ นางอดไม่ได้ที่จะดึงเสื้อผ้าของตนให้กระชับขึ้น “ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ช่วยเจ้าเพราะข้าไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถพิชิตใจชูเหยียนได้เร็วขนาดนี้ ทำไมเราไม่ทำอย่างนี้แทนล่ะ? เราจะทำตามคำสัญญาก่อนหน้านี้ แต่ข้าจะเสนออย่างอื่นให้เจ้าแทน เจ้าจะว่ายังไง?”
“ถ้างั้นข้าจะขออะไรได้บ้าง?” ซูอันถามด้วยรอยยิ้ม
“รอยยิ้มของเจ้านี่ดูน่ากลัวจริง ๆ” เพ่ยเหมียนหมานเอ่ยขึ้นพร้อมกับพยายามไม่แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา
“เจ้าต้องการอะไร?”
“ถ้าข้าบอกว่าข้าต้องการเจ้า เจ้าจะยอมไหม?” ซูอันถามกลับ
“เจ้าต้องลองถามดู” เพ่ยเหมียนหมานตอบด้วยรอยยิ้มที่ดูอันตราย
ซูอันประเมินดวงตาที่เย้ายวนของนางอย่างระมัดระวังครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหัวและพูดว่า “ลืมไปเถอะ ข้าไม่อยากเป็นคนไร้ยางอายที่ยุ่งกับเพื่อนสนิทของภรรยา”
“…” เพ่ยเหมียนหมานหุบยิ้ม
เดี๋ยวนะ…ทำไมท่าทางของเจ้าถึงเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้? เจ้าเคยพยายามทำตัวไร้นางอายกับข้ามาหลายครั้งแล้ว แต่จู่ ๆ ตอนนี้กลับมาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ?
ถ้าเจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น เจ้ากำลังพยายามจะบอกว่าข้าเป็นฝ่ายทำตัวไร้ยางอายกับเจ้าอยู่งั้นเหรอ?
—
ท่านยั่วยุเพ่ยเหมียนหมานสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 256!
—
“ของที่ข้าอยากได้เหรอ? จริง ๆ แล้วข้ายังไม่ได้คิดถึงมันเลย ไว้ข้าจะบอกเจ้าหลังจากตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ส่วนตอนนี้ ข้าจะพยายามหาสมุดบัญชีแทนเจ้าไปก่อนละกัน” ซูอันกล่าว
เนื่องจากฉู่ชูเหยียนเป็นภรรยาของเขาอย่างเป็นทางการแล้วในตอนนี้ ไม่มีทางที่จะยอมให้คนนอกมาเป็นบ่อนทำลายธุรกิจของตระกูลฉู่ แต่อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มก็กังวลว่าถ้าเขาปฏิเสธนาง เพ่ยเหมียนหมาน อาจจะไปร่วมมือกับคนอื่น และนั่นจะทำให้การป้องกันตระกูลฉู่จากนางยากขึ้นมาก
ดังนั้น มันคงดีกว่าที่ตอนนี้จะเออออไปกับนางก่อนและคอยจับตาดูว่านางกำลังทำอะไรอยู่
อ๋อ! นั่นคือการตั้งใจทำความดีของข้า ไม่ใช่เพราะนางมีหน้าอกใหญ่แน่นอน!
“เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดนะ~” เมื่อเห็นว่าฉู่ชูเหยียนและเฉียวเสวี่ยอิง กำลังเดินมาหา เพ่ยเหมียนหมานก็ส่งจูบลอยมาให้เขาก่อนจะจากไปด้วยรอยยิ้มเย้ายวน
“เจ้าพูดอะไรทำไมดูนางมีความสุขขนาดนั้น?” ฉู่ชูเหยียนถามอย่างสงสัย
“ข้าบอกว่าในอนาคตข้าจะรับนางเป็นภรรยาน้อยเพื่อที่นางจะได้เรียกเจ้าว่า ‘พี่หญิงใหญ่’ นั่นทำให้นางมีความสุขมากจนนางยิ้มไม่หยุด อา ข้าว่านางคงอยากได้ร่างกายของข้าจริง ๆ” ซูอันกล่าว
“…” ฉู่ชูเหยียน
“…” เฉียวเสวี่ยอิง
ไอ้เจ้านี่ยังคงไร้ยางอายเช่นเคย!
ฉู่ชูเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “จะดีกว่าถ้าเจ้าจะไม่ทำให้นางขุ่นเคือง แม้นางจะดูอ่อนโยนและเป็นมิตร แต่จริง ๆ แล้วนางมีฝีมือร้ายกาจ เปลวเพลิงสีดำของนางสามารถทำให้เจ้ากลายเป็นเถ้าถ่านได้ในพริบตา ดังนั้นอย่าเผลอไปกวนโมโหนางเข้าจะดีกว่า”
นางกลัวว่าซูอันจะเผลอไปยั่วโมโหเพ่ยเหมียนหมานโดยไม่ได้ตั้งใจ หากเพื่อนสาวของนางตั้งใจที่จะเผาเขาจริง ๆ ก็คงไม่มีอะไรที่นางจะสามารถทำเพื่อช่วยเขาได้
อย่างไรก็ตาม นางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคำพูดของนางดูจู้จี้จุกจิกเกินไป ดังนั้นนางจึงพูดต่ออย่างรวดเร็วว่า “ข้าคุยกับเสวี่ยเอ๋อร์แล้ว และนางได้กล่าวอำลาข้า”
“อำลางั้นเหรอ?” ซูอันรู้สึกประหลาดใจ
เฉียวเสวี่ยอิงพยักหน้าเป็นคำตอบ “ข้าขอขอบคุณสำหรับความห่วงใยจากคุณหนูฉู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ตัวตนของข้านั้นไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป”
“ทำไมเจ้าถึงขอบคุณนางเพียงคนเดียว? แล้วข้าล่ะ? ข้าก็ดูแลเจ้าเป็นอย่างดีเหมือนกัน!” ซูอันประท้วงด้วยความไม่พอใจ
“…” เฉียวเสวี่ยอิง
นางกัดฟันกรอดและตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น “ถ้ามีอะไรให้ขอบคุณ เจ้านั่นแหละควรจะเป็นฝ่ายที่ขอบคุณข้า!”
ซูอันยิ้มอย่างเขินอายและพูดว่า “อา…ถ้างั้นเราทั้งคู่ต่างก็ขอบคุณกันและกันดีไหม? นอกจากนี้ เจ้าไม่ได้ขาดทุนอะไรมากมาย ถ้าเจ้าบ่มเพาะอย่างหนักเพียงพอ ก็น่าจะชดเชยอายุขัยที่สูญเสียไปของเจ้าได้”
เฉียวเสวี่ยอิงเงียบไป นางรู้ว่าเขาพูดความจริง การเพิ่มระดับพรสวรรค์ให้แก่นางจะช่วยให้นางบ่มเพาะเร็วขึ้นมาก และชดเชยอายุขัยบางส่วนของนางได้
อันที่จริง นางไม่เคยคิดจะใช้ทักษะลับสายสัมพันธ์ครึ่งชีวิต แต่เมื่อนางนึกถึงซูอันที่ลุกขึ้นจากแอ่งเลือดซ้ำไปซ้ำมาเพื่อปกป้องนางในมิติลับ หญิงสาวก็รู้สึกว่าการตัดสินใจให้อายุขัยครึ่งหนึ่งของนางแก่เขานั้นไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แค่เพียงแต่ซูอันปากร้ายจนนางต้องทะเลาะกับเขาแทบตลอดเวลาไม่ว่านางจะต้องการหรือไม่ก็ตาม
“พวกเจ้าทั้งสองคนพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่?” ฉู่ชูเหยียนมองดูพวกเขาอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก” เฉียวเสวี่ยอิงตอบพร้อมส่ายหัว นางไม่ต้องการให้ฉู่ชูเหยียนรู้เรื่องนี้
ซูอันยังคงยิ้มและถามว่า “เจ้ากำลังจะไปแล้วจริง ๆ เหรอ?”
เฉียวเสวี่ยอิงพยักหน้า “มีบางอย่างที่ข้าต้องสะสางที่เมืองหลวง ข้ามีพี่น้องหลายคนที่ต้องช่วยให้รอด”
ซูอันถอนหายใจยาว และพูดว่า “น่าเสียดาย พวกเราเพิ่งสนิทสนมกันได้ไม่เท่าไหร่ เราก็ต้องแยกทางกันแล้ว เฮ้อ…ข้าขอให้เจ้าเดินทางโดยสวัสดิภาพก็แล้วกัน”
เฉียวเสวี่ยอิงมีสีหน้าที่ซับซ้อน นางมองดูเขาและฉู่ชูเหยียนครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวคำอวยพร “ข้าขอให้เจ้าและคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่มีชีวิตที่มีความสุขด้วยเช่นกัน”
“ทำไมจู่ ๆ ถึงเอาข้าเข้าไปเกี่ยวด้วย?” ฉู่ชูเหยียนหน้าแดงอย่างรวดเร็ว ตอนแรกนางตั้งใจที่จะเป็นสามีภรรยาแต่ในนามกับซูอัน แต่ใครจะไปคิดว่าพวกนางจะลงเอยด้วยการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันในมิติลับ เรื่องที่คาดไม่ถึงนี้ทำให้นางกังวลว่าในอนาคตต่อไปนางจะต้องวางตัวอย่างไรกับซูอัน
ดังนั้นเมื่อนางได้ยินคำพูดของเฉียวเสวี่ยอิง นางจึงกระทืบเท้าตึงตังและเดินจากไปด้วยความเขินอาย
เฉียวเสวี่ยอิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ภายนอกคุณหนูอาจดูเย็นชา แต่จริง ๆ แล้วนางเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยจินตนาการ นางมักจะขี้อายเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นอย่าใส่ใจมากเกินไปเมื่ออยู่ ๆ นางโกรธขึ้นมา ให้เวลานางบ้าง ข้าเชื่อว่านางจะยอมรับเจ้าในอีกไม่นาน”
พวกนางทั้งสองใช้เวลาร่วมกันมาหลายปี ดังนั้นนางจึงเข้าใจตัวตนของ ฉู่ชูเหยียนเป็นอย่างดี
ซูอันยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาไม่ได้รู้จักฉู่ชูเหยียนมานานอย่างเฉียวเสวี่ยอิง แต่ก็พอจะเข้าใจคร่าว ๆ ว่านางเป็นคนแบบไหน “ข้ารู้ อันที่จริงอย่าเพิ่งพูดถึงนางตอนนี้เลย ตอนนี้ข้าอยากรู้ว่าในอนาคตเราจะได้พบกันอีกไหม?”
“ถ้าสวรรค์อนุญาต เราจะได้พบกันอีก” ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เฉียวเสวี่ยอิงตอบแบบนี้ออกไป แต่ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็หันหลังกลับและจากไปอย่างขวยเขิน ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมของนาง
ไม่ไกลจากที่นั่น ซือคุนที่เฝ้ามองทั้งสามคนอยู่ ถ่มน้ำลายลงพื้นอยากเกลียดชัง
“เฉียวเสวี่ยอิงกล้าดีอย่างไรถึงทรยศข้า?”
“คืนนี้ข้าจะกำจัดคนทรยศนั่นให้ท่าน” ซือเล่อจื่อกล่าว
อย่างไรก็ตาม ซือคุนส่ายหัว รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา “ไม่ มันน่าเสียดายเกินไปที่จะฆ่านาง นางเป็นหญิงงามอย่างที่หาได้ยาก และไม่ต้องพูดถึงว่านางเป็นถึงองค์หญิงเผ่าเอลฟ์พฤกษา เพราะว่านางรับใช้ข้าอย่างซื่อสัตย์มาจนถึงตอนนี้ ข้าจึงไม่เคยคิดครอบครองนางมาก่อน แต่ตอนนี้นางเลือกที่จะหันหลังให้กับข้า ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะไม่ใช้งานร่างกายของนางอย่างเต็มที่อีกต่อไป!”
รอยยิ้มที่เข้าใจกันได้ระหว่างคนทั้งสองปรากฏบนใบหน้าของซือเล่อจื่อ เห็นชัดว่าเขาได้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายให้กับซือคุนในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา “ข้าเข้าใจ ข้าจะลากตัวนางมาให้ท่านให้ได้!”