เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 378 ความสิ้นหวัง
บทที่ 378 ความสิ้นหวัง
บทที่ 378 ความสิ้นหวัง
ฉินหว่านหรูตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของซูอัน นางคิดไม่ถึงว่าผู้บุกรุกที่บุกเข้ามาในตระกูลฉู่กลางดึกจะเป็นถึงผู้บ่มเพาะระดับแปด!
อย่างไรก็ตาม มันสายเกินไปแล้วที่จะหยุดการโจมตีของตัวนางเอง
“ต่อให้ข้าจะต้องตายก็ขอปกป้องที่นี่ไว้ให้ได้!”
ความคิดดังกล่าวแวบเข้ามาในหัวของฉินหว่านหรู
ซือเล่อจื่อตอบโต้อย่างรวดเร็วด้วยการชกหมัดเข้าปะทะกับฝ่ามือของนาง ด้วยความกลัวว่าจะเปิดเผยตัวตนของตัวเอง ชายแก่จึงเลือกที่จะไม่ใช้เคล็ดการบ่มเพาะหรือวิชาตัวเบาใด ๆ ที่สามารถระบุตัวตนของเขาได้ และใช้เพียงความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะระดับแปดเท่านั้น
“กรี๊ด!!” ฉินหว่านหรูกรีดร้อง นางกระเด็นไปข้างหลังก่อนที่จะล้มลงกับพื้น
“ได้แค่นี้เองเหรอ…” ซูอันอ้าปากหวอจนขากรรไกรเกือบจะตกลงไปที่พื้น
การที่นางสามารถควบคุมความประพฤติของฉู่จงเทียนให้อยู่ในโอวาทได้ ซูอันคิดว่านางก็ควรเป็นผู้บ่มเพาะระดับแปดเป็นอย่างน้อย หรือไม่ ด้วยความเคารพต่อสามีของนาง นางอาจจะจงใจปิดบังระดับบ่มเพาะที่แท้จริงของตัวเองไว้ เพื่อให้สามีของนางเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บ่มเพาะอันดับหนึ่งของเมืองจันทร์กระจ่าง
แต่อย่างที่บอก ยิ่งคาดหวังสูง ความผิดหวังก็ยิ่งมากขึ้น
แม่ยายข้าจะอ่อนแอเกินไปแล้ว!
เมื่อเห็นว่า ฉินหว่านหรูยังคงดิ้นรนเพื่อลุกขึ้นยืน ซูอันคิดว่านางน่าจะไม่เป็นอะไรไปในตอนนี้ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็หันไปหาซือเล่อจื่อและตะโกนว่า “ตาแก่ตัวเหม็น เจ้านี่มันอ่อนด๋อยจริง ๆ! ผู้บ่มเพาะระดับแปดอะไรไล่ตามผู้บ่มเพาะระดับสามไม่ทัน นี่เจ้าวิ่งหรือคลานกันแน่ ข้ารู้สึกเสียใจแทนแม่ของเจ้าจริง ๆ ที่ให้กำเนิดเต่าบกอย่างเจ้า!”
ซือเล่อจื่อนิ่งงัน
—
ท่านยั่วยุซือเล่อจื่อสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1024!
—
ในที่สุดซือเล่อจื่อก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมแม้แต่นายน้อยยังต้องเสียอาการต่อหน้าซูอัน จะไม่มีใครเสียอารมณ์กับไอ้เวรนี่ได้อย่างไร!
“ไอ้เด็กปากเสีย! อย่าให้ข้าจับได้นะ ข้าจะฉีกแขนขาของเจ้าออกทีละข้าง และเก็บเจ้าไว้ทรมานทั้งด้วน ๆ ไปตลอดชีวิต!” ซือเล่อจื่อตะโกน ขณะที่เขาพุ่งตรงไปหาซูอัน
การเคลื่อนไหวของเขาเร็วมากจนร่างของเขากลายเป็นภาพเบลอ ซือเล่อจื่อใช้เวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้นในการมาถึงตัวซูอัน
เฉียวเสวี่ยอิงหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว แต่ก็สายเกินไปที่นางจะทำอะไรได้
แต่โชคดีที่ซูอันเตรียมพร้อมไว้แล้ว เขาเรียกใช้จ้าววายุและถอยห่างออกไปหลายสิบจั้งอีกครั้ง…
ด้วยระดับการบ่มเพาะที่เพิ่มขึ้น ชายหนุ่มสามารถเรียกจ้าววายุได้มากกว่าหนึ่งครั้งต่อวัน และระยะทางที่ซูอันสามารถเคลื่อนที่ไปได้ในแต่ละครั้งก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน น่าเสียดายที่เขารู้ว่ามันยังไม่เพียงพอที่จะหลบหนีจากผู้บ่มเพาะระดับแปด เมื่อใช้จ้าววายุครบสามครั้งแล้ว ก็คงทำอะไรไม่ถูกเมื่อเผชิญหน้ากับซือเล่อจื่อ
ซือเล่อจื่อมีความคิดแบบเดียวกันอยู่ในใจ ในฐานะผู้บ่มเพาะระดับแปด เขาสามารถบอกได้ว่าซูอันกำลังใช้วิชาลับบางอย่างในการหนีจากเขา ซึ่งวิชาอันทรงพลังนี้ต้องมีขีดจำกัดอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นซูอันคงจะหนีไปไกลแล้ว
ถ้าเป็นเช่นนั้น สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือ รอให้ซูอันหมดกำลัง และนั่นจะเป็นจุดจบของไอ้สารเลวนี่!
แค่คิดว่าแผนแรกของตัวเองล้มเหลวเพราะการแทรกแซงของซูอัน เขาก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตายง่าย ๆ แน่นอน!
จากนั้นทั้งซูอันและซือเล่อจื่อก็หายตัวไปอีกครั้ง
ฉินหว่านหรูตัวสั่นด้วยความกลัว นางไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากผู้บุกรุกไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่เหมือนกับจงใจแค่เพียงผลักนางให้ออกไปให้พ้นทาง ดังนั้นนางจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม พลังชี่ของนางยังคงปั่นป่วนจากแรงปะทะ ทำให้นางเดินกะเผลก ในระยะสั้นนางจะไม่สามารถรวบรวมกำลังเพื่อต่อสู้ได้
นางนึกถึงสิ่งที่ซูอันทำ และความคิดก็ผุดขึ้นในใจของนาง เขาจงใจล่อศัตรูออกไปเพื่อให้ข้าปลอดภัยใช่หรือไม่?
นั่นทำให้นางมีสีหน้าที่ขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม นางตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า ซูอันยังคงตกอยู่ในอันตรายนางจึงรีบเรียกทหารยามให้เข้ามาหา
ในขณะที่ ซูอันหนีไปพร้อมกับเฉียวเสวี่ยอิง ในเวลาเดียวกัน เขารีบเรียกให้หมี่ลี่ช่วย “พี่หญิงใหญ่ พี่หญิงใหญ่! ช่วยข้าด้วย!”
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะเรียกหานางอย่างไร ก็ไม่มีการตอบสนองจาก หมี่ลี่
“นางกลับไปจำศีลหลังจากที่แนะนำข้าเกี่ยวกับการฝังเข็มก่อนหน้านี้หรือเปล่า?” ซูอันคิดอย่างหวั่นใจ ต้องรู้ว่าการแสดงออกอย่างกล้าหาญของเขามาจากความมั่นใจว่ามีไพ่ตายเวลาที่สิ่งต่าง ๆ ผิดพลาดไปจากที่คิด เช่น ทักษะที่เขาได้รับจากคีย์บอร์ดและการมีอยู่ของหมี่ลี่
แต่ใครจะไปคิดว่าไพ่ตายของเขาจะหายไปในช่วงเวลาสำคัญนี้!
ตอนนั้นเองที่เขาสังเกตเห็นว่าความเร็วของเฉียวเสวี่ยอิง เริ่มช้าลงเรื่อย ๆ เขาหันกลับมามองนาง ใบหน้าของนางแดงเหมือนกุ้งมังกรที่ปรุงสุกแล้ว ดวงตาของนางมีน้ำหล่อรื้น ราวกับจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ
“เป็นอะไรไป?” ซูอันถามอย่างกังวล
“ซือเล่อจื่อวางยาพิษข้า เขาตั้งใจจะให้ข้าบำเรอซือคุน…” เฉียวเสวี่ยอิง กัดริมฝีปากอย่างขุ่นเคืองขณะที่การหายใจของนางเริ่มติดขัด
หากเป็นครึ่งเดือนที่แล้ว เมื่อนางยังคงชื่นชมซือคุนอยู่ นางคงเต็มใจมากกว่าที่จะทำตามคำร้องขอของซือคุนแม้จะไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ ทว่าเมื่อนางเห็นว่าซือคุนตั้งใจใช้นางเป็นเบี้ยล่อเพียงเพื่อที่เขาจะได้เอาชีวิตรอดในมิติลับหยกจรัส ความรู้สึกทั้งหมดที่นางมีให้เขาก็หายไปในทันที…
ในตอนนี้นางยอมตายดีกว่าที่จะถูกซือคุนเอาเปรียบ
ดังนั้นนางจึงหนีทันทีที่มีโอกาสเกิดขึ้น หญิงสาวไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ อาจเป็นเพราะนางอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว หรือนางมั่นใจว่า ฉู่จงเทียนมีวิธีจัดการกับซือเล่อจื่อ แต่นางก็วิ่งมายังคฤหาสน์ตระกูลฉู่ตามสัญชาตญาณ
“…” ซูอันพูดไม่ออกเมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดจากนาง
เขาไม่เคยคิดว่าซือคุนจะแก้แค้นเฉียวเสวี่ยอิงด้วยวิธีเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เขาได้หยุดเฉียวเสวี่ยอิงไว้ไม่ให้เป็นพยานแม้ว่าสถานการณ์ของเขาจะเลวร้าย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นางตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินความเป็นมนุษย์ของซือคุนสูงเกินไป
ส่วนซือเล่อจื่อเองดูเหมือนจะเป็นคนที่ไม่มีศักดิ์ศรีเสียด้วยซ้ำ แม้จะเป็นผู้บ่มเพาะระดับแปด แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะวางยาพิษหญิงสาวคนหนึ่ง ตระกูลซือนี่ต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานซะอีก!
เฉียวเสวี่ยอิงรู้สึกว่าร่างกายของนางค่อย ๆ อ่อนแอลงเรื่อย ๆ ในไม่ช้านางก็ไม่สามารถไล่ตามฝีเท้าของซูอันได้อีกต่อไปและหมดแรงล้มลงกับพื้น
แน่นอนว่าไม่มีทางที่ซือเล่อจื่อจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป เขาพุ่งไปข้างหน้าทันทีและปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวออกมาทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถเคลื่อนที่ได้
แรงกดดันนั้นรุนแรงมากจนแม้กระทั่งการพยายามหายใจยังลำบาก นับประสาอะไรกับการเรียกใช้จ้าววายุ
ทันใดนั้น ก็มีความคิดผุดขึ้นในใจของเขา เขาตะโกนว่า “แกมองอะไร?”
“ข้ากำลังมองแกไงไอ้โง่!”
ขณะที่คำพูดเหล่านั้นออกจากปากของซือเล่อจื่อ ชายแก่ก็ต้องตกตะลึง ทำไมจู่ ๆ ข้าถึงตอบอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ออกไป?
เดี๋ยวนะ ข้าคิดว่าข้าเคยได้ยินเรื่องแบบนี้ในงานประลองระหว่างตระกูล ในช่วงเวลาที่สำคัญของการต่อสู้ จู่ ๆ ซูอันก็ตะโกนถามว่า ‘แกมองอะไร’ จากนั้นหยวนเหวินตงก็ตอบกลับอย่างผิดปกติว่า ‘ข้ากำลังมองแกไงไอ้โง่!’ การหยุดชะงักเพื่อพูดประโยคบ้า ๆ นี่ทำให้หยวนเหวินตงแพ้การประลองและจบลงด้วยความพิการ
ย้อนกลับไปในตอนนั้น ทุกคนคิดว่าหยวนเหวินตงเป็นคนโง่เง่าที่ทำอะไรไม่เข้าท่าจนพ่ายแพ้…แต่ตอนนี้ ข้าคิดว่าซูอันน่าจะมีทักษะลึกลับบางอย่าง!
ว่าแต่ทำไมถึงมีทักษะบ้า ๆ เช่นนี้ในโลก?
ซือเล่อจื่อสับสนอย่างยิ่ง แต่เขาต้องรายงานเรื่องนี้ต่อนายน้อยอย่างแน่นอน เผื่อว่าในอนาคตนายน้อยจะหลงกลอุบายนี้เช่นกัน…
ในขณะเดียวกัน ซูอันฉวยโอกาสที่แรงกดดันจากซือเล่อจื่อสลายไปชั่วคราว ชายหนุ่มก็เรียกใช้จ้าววายุ และถอยห่างออกไปหลายสิบจั้งอีกครั้ง
เมื่อถึงจุดนี้ เฉียวเสวี่ยอิงเกือบจะหมดสติไปแล้ว นางรวบรวมกำลังและคว้าคอเสื้อของซูอันและพูดว่า “ฆ่าข้า”
“ทำไม?” ซูอันรู้สึกงุนงง
“ฆ่าข้า! ไม่อย่างนั้นข้าจะต้องถูกหยามเกียรติเมื่อตกไปอยู่ในมือของตระกูลซือ!” เฉียวเสวี่ยอิงเค้นเรี่ยวแรงตอบ
ซูอันส่ายหัวและตอบว่า “เจ้าไม่รู้เหรอว่าข้าเป็นสุภาพบุรุษ? คนอย่างข้าจะฆ่าเจ้าได้ยังไง? ไม่ต้องกังวล ข้าจะหาวิธีช่วยเจ้าอย่างแน่นอน”
“ข้ารู้ว่าเจ้าตั้งใจจะช่วยข้า แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าจะทำอะไรได้?” แม้จะอยู่ในสติอันเลือนราง เฉียวเสวี่ยอิงก็สามารถเห็นซือเล่อจื่อเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ นางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง สุดท้ายแล้วนางก็ไม่รอดอย่างงั้นเหรอ?