เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 385 ท่านสัญญากับข้าว่าจะไม่หัวเราะ!
บทที่ 385 ท่านสัญญากับข้าว่าจะไม่หัวเราะ!
บทที่ 385 ท่านสัญญากับข้าว่าจะไม่หัวเราะ!
ซูอันอึ้งจนพูดไม่ออก
ไม่ว่าผิวของเขาจะหนา หน้าจะด้านแค่ไหน ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหน้าแดง
ไม่นาน ชายหนุ่มก็สงบลงเมื่อสังเกตเห็นว่าแก้มของหมี่ลี่แดงเรื่อเช่นกัน “พี่หญิงใหญ่ มีบางอย่างที่ข้าอยากรู้ การที่ท่านอยู่ในรูปแบบดวงวิญญาณ ข้าจึงพอเข้าใจได้ว่าท่านสามารถสร้างเครื่องแต่งกายของตัวเองได้และทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย แต่ทำไมตอนนี้ท่านถึงกำลังหน้าแดงอยู่?”
หมี่ลี่หันกลับมามองเขาอย่างโกรธเคือง “ข้ารู้สึกว่าเจ้าอวดดีมากขึ้นทุกวันเลยนะ! มาดูกันว่าเจ้ายังจะสามารถอวดดีได้หรือเปล่าหลังจากที่ข้าตัดไอ้ท่อนน่ารังเกียจนั่นออกไปแล้ว!?”
หลังจากพูดจบ กระบี่ไท่เอ๋อร์ พุ่งตรงไปที่เป้ากางเกงของซูอันอย่างรวดเร็ว
สิ่งนี้ทำให้ซูอันหวาดกลัวราวกับถูกมุ่งร้ายต่อชีวิต เขากระโดดกลับขึ้นไปบนเตียงแล้วห่อตัวแน่นในผ้าห่ม “พี่หญิงใหญ่ อย่าโมโหไปเลย! หากผิดพลาดไปท่านจะเสียใจทีหลัง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสุขในช่วงครึ่งหลังของชีวิตท่าน!”
“หืม?” หมี่ลี่ ขมวดคิ้วกระบี่ไท่เอ๋อร์ หยุดลงก่อนถึงเป้าหมายเล็กน้อย
ซูอันรีบอธิบาย “ถ้าคนที่มีระดับความใคร่สูงเช่นข้าถูกท่านตัดพวงองุ่นจนเหี้ยนเตียนและไม่สามารถดำเนินชีวิตเป็นผู้ชายต่อไปได้ ข้าคงหมดความหวังที่จะอยู่เป็นผู้เป็นคนได้อีกต่อไป! ถ้าข้าเลือกที่จะจบชีวิตลง มันจะไม่ดีสำหรับพี่หญิงใหญ่เหมือนกัน ท่านว่าจริงหรือไม่?”
“ระดับความใคร่สูงเช่นเจ้า?” หมี่ลี่พ่นลมหายใจ “ดูเหมือนว่าอย่างน้อยเจ้าก็เข้าใจตัวเองดี”
ในที่สุดนางก็ถอนกระบี่ไท่เอ๋อร์กลับ และซูอันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก กระบี่เล่มนี้ยังเป็นของข้าอยู่หรือเปล่า? เขาอดสงสัยไม่ได้ ทำไมตอนนี้มันถึงเชื่อฟังนางไปซะทุกอย่าง?ผ
“สวมเสื้อผ้าของเจ้าให้เรียบร้อย ข้าผู้เป็นจักรพรรดินีมีบางอย่างจะคุยกับเจ้า” หมี่ลี่ยืนเอามือไพล่หลังและหันเหสายตาของนางไปทางอื่น
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังของนาง ซูอันก็เลิกคิดซุกซนและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ขณะสวมเสื้อผ้า สายตาของเขาจ้องมองไปยังรอยเปื้อนสีแดงบนผ้าปูที่นอน ริมฝีปากของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
หลังจากสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ซูอันจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “พี่หญิงใหญ่ ท่านต้องการจะคุยกับข้าเรื่องอะไร?”
หมี่ลี่หันกลับมา เมื่อเห็นเขาแต่งตัวเต็มยศ สีหน้าของนางก็อ่อนลงในที่สุด “ข้าอยากคุยเกี่ยวกับสภาพร่างกายของเจ้า เมื่อข้าเห็นเจ้าต่อสู้กับ จางฮั่นและคนอื่น ๆ เจ้าลื่นเหมือนปลาไหล แต่ภายหลังเมื่อข้าต่อสู้กับเจ้า การเคลื่อนไหวของเจ้าดูไม่คล่องแคล่วเท่าเดิม หรือแม้แต่เมื่อคืนตอนที่ซือเล่อจื่อไล่ล่าเจ้า มันเกิดอะไรขึ้น?”
การมีทักษะการเคลื่อนไหวที่น่าอัศจรรย์นั้นเหมือนกับการมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตเพิ่มเติม นางต้องการให้ซูอันมีทักษะดังกล่าวติดตัวไว้ใช้ตลอดเวลา
เมื่อนางพูดถึงเรื่องนี้ ซูอันก็หดหู่ทันที “ถ้าเราพูดถึงเรื่องนี้ต่อไปข้าอาจจะร้องไห้จริง ๆ …ทักษะการเคลื่อนไหวที่ท่านเคยเห็นดูเหมือนจะถูกคิดค้นขึ้นเป็นพิเศษสำหรับขันที!”
“ขันที?” หมี่ลี่ตกตะลึงชั่วขณะ สายตาของนางเลื่อนลงมาที่หว่างขาของเขาโดยไม่รู้ตัว ขณะที่กำลังสงสัยว่าชายที่มีพลังทางเพศสูงผู้นี้จะเกี่ยวข้องกับขันทีได้อย่างไร?
ใบหน้าของซูอันแดงก่ำ “เอ่อ…ถ้าท่านอยากให้ข้าเล่า ท่านต้องไม่หัวเราะในสิ่งที่ข้ากำลังจะบอกท่านนะ!”
หมี่ลี่ตอบกลับอย่างจองหอง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวข้าจักรพรรดินีผู้นี้เห็นการวิวาทและความโกลาหลมามากเพียงใด? ทำไมข้าถึงต้องหัวเราะเยาะคำพูดแปลก ๆ ของคนอย่างเจ้า”
จักรพรรดินีแห่งอาณาจักรย่อมได้รับการฝึกฝนในเรื่องดังกล่าวตั้งแต่วัยเยาว์ การสำรวมกิริยาให้สงบถือเป็นพื้นฐานที่สุด! หากจู่ ๆ นางหลุดหัวเราะกลางพระราชพิธีอันเคร่งเครียดเพราะมีทหารสักคนกางเกงหลุดตูด มันจะสร้างความอับอายขายหน้าไปทั้งราชวงศ์!
ซูอันมีสีหน้าโล่งใจและบอกหมี่ลี่เกี่ยวกับวิชาร่างก้าวทานตะวัน และซูอันน้อยที่ถูกผนึกก่อนหน้านี้
ขณะที่นางฟังเรื่องราวของเขา การแสดงออกของหมี่ลี่ก็แปลกมากขึ้น ริมฝีปากสีแดงของนางค่อย ๆ แย้มออก ขณะที่นางจ้องมองไปที่ใบหน้าสลับกับหว่างขาของเขา ในที่สุดก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
ใบหน้าของซูอันมืดลง “ท่านสัญญากับข้าว่าจะไม่หัวเราะ!”
การได้เห็นซูอันโกรธเคืองด้วยความอับอาย ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของนางขยายกว้างขึ้นมากกว่าเดิม และทั้งร่างของนางก็สั่นสะท้านจากการหัวเราะจนตัวโยน
ใบหน้าของซูอันยิ่งมืดลงไปอีก เขาโกรธจนควันแทบจะออกหู
หมี่ลี่พยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ “ข้าขอโทษ ๆ ปกติข้าจะไม่หัวเราะง่าย ๆ แบบนี้! แต่ข้าไม่สามารถ…ฮ่า ๆๆๆๆ!!”
เสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นอีกครั้งเขย่านางจนตัวโยนก่อนที่นางจะพูดจบประโยค
ซูอันรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างยิ่ง “หัวเราะไปเลย! หัวเราะได้ทุกอย่าง! ทำไมท่านไม่หัวเราะจนตัวเองตายไปซะเลย!?”
หลังจากนั้นไม่นาน หมี่ลี่ก็หยุดหัวเราะ ลมหายใจของนางเริ่มคงที่ “ข้าไม่ได้เคยคิดจริง ๆ ว่า…เจ้าจะมีอดีตที่น่าสังเวชขนาดนี้”
ซูอันหันหลังให้กับนาง “ข้าไม่อยากคุยกับท่านแล้ว!”
หมี่ลี่เดินเข้ามาใกล้มากขึ้น “อย่าปากแข็งไปหน่อยเลย…มาเถอะ เล่าให้ข้าฟังเกี่ยวกับทุกเรื่องที่ทำให้เจ้าเป็นทุกข์ ไม่เพียงแต่เจ้าจะสามารถปลดปล่อยความอัดอั้นตันใจได้เท่านั้น ตัวข้าเองก็ได้รับความสนุกสนานจากมันได้เช่นกัน! นี่ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายงั้นเหรอ?”
ซูอันตกตะลึง
ผู้หญิงคนนี้รู้วิธีเหยียบซ้ำผู้ชายตอนล้ม! ถ้าไม่กลัวว่าจะแพ้นางแน่นอน เขาคงตีก้นนางไปนานแล้ว!
“ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนมีท่าทีแปลก ๆ เมื่อรู้ว่าเจ้ามอบดอกบัวเร้นลักษณ์ให้กับฉู่ชูเหยียน! ปรากฏว่ามันเป็นยาทำลายผนึกของเจ้า” หมี่ลี่ เอื้อมมือที่เรียวยาวซึ่งเปล่งประกายเล็กน้อยราวกับเคลือบด้วยน้ำยาขัดเงาออกมา นางค่อย ๆ ช้อนคางของเขาในขณะที่พูดว่า “เจ้าช่างเข้ากับผู้หญิงได้ดีจริง ๆ…”
ร่างกายของซูอันแข็งค้างในขณะที่รู้สึกถึงความรู้สึกนุ่มนวลใต้คางของเขา “ท่านไม่ใช่แค่วิญญาณเหรอ? ข้ารู้สึกถึงนิ้วของท่านแบบตอนนี้ได้ยังไง?”
หมี่ลี่ดึงมือของนางกลับมา “ถ้าจะให้อธิบายแบบง่าย ๆ เลยก็คือสิ่งที่ข้าเป็นในปัจจุบันนี้คือร่างครึ่งวิญญาณ ซึ่งอยู่ระหว่างสภาพไร้รูปแบบและสภาพมวลแข็ง เมื่อไหร่ที่ข้าต้องการ ข้าก็สามารถทำให้คนอื่นจับต้องตัวข้าได้”
ซูอันจ้องมองอย่างเหม่อลอย ถ้างั้นเราสองคน…กันได้หรือเปล่า?
เพี๊ยะ!!
เกิดเสียงดังขึ้น ก่อนที่กระบี่ไท่เอ๋อร์จะลอยกลับมาตั้งที่เดิม แน่นอนว่าเมื่อครู่มันสะบัดไปตบหน้าซูอันอย่างรวดเร็ว
ซูอันอ้าปากค้างจับที่แก้มของตัวเอง “ท่านตีข้าทำไม?”
“ใครบอกให้เจ้ามีความคิดที่น่ารังเกียจเช่นนี้!” หมี่ลี่พ่นลมหายใจ
ซูอันลุกขึ้นยืนในทันที เขาชี้ไปที่นางและตะโกนว่า “ไหนท่านบอกข้าว่าท่านอ่านความคิดของข้าไม่ได้!”
หมี่ลี่หรี่ตาลงขณะที่มองเขา “ตัวข้าซึ่งเป็นจักรพรรดินีมีประสบการณ์มากกว่าเจ้าหลายชั่วอายุคน! เด็กดื้ออย่างเจ้าจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรที่ข้าไม่รู้เท่าทัน? ข้าแค่ชำเลืองมองก็เห็นความในใจเจ้าทะลุปรุโปร่งแล้ว!”
ซูอันยังคงไม่เชื่อ “ถ้างั้นทำไมท่านถึงพูดกับข้าผ่านความคิดของข้าได้? ข้าว่าท่านอ่านความคิดของข้าได้แน่ ๆ!”
หมี่ลี่ตอบด้วยน้ำเสียงไม่แยแสว่า “นั่นเป็นเพียงผลลัพธ์ของการเชื่อมต่อลึกลับที่เกิดขึ้นจากสัญญาชีวิตและความตายระหว่างเรา ซึ่งทำให้จิตวิญญาณของเราสามารถสื่อสารกันได้อย่างเป็นธรรมชาติผ่านความถี่พิเศษ”
ดวงตาของซูอันเบิกกว้าง “ท่านรู้จักคำว่า ‘ความถี่’ ได้ยังไง?”
“ข้าไม่ได้บอกเหรอว่าวิญญาณของเราเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิด? คำที่ข้าใช้จะถูกแปลงอัตโนมัติเป็นสิ่งที่เจ้าคุ้นเคยและเข้าใจได้ง่ายมากที่สุด” หมี่ลี่อธิบาย
“มันได้ผลจริง ๆ เหรอ” ซูอันยังคงสงสัย