เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 391 เรื่องราวที่ชวนงุนงง
บทที่ 391 เรื่องราวที่ชวนงุนงง
บทที่ 391 เรื่องราวที่ชวนงุนงง
“ไม่มีทาง…” ซือคุนส่ายหัว “เมื่อคืนนี้ เราได้รับข่าวว่าฉู่จงเทียนรีบออกจากเมืองไป แล้วจะมีใครในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ที่สามารถเป็นคู่มือกับผู้เฒ่าซือได้อีก?”
“ผู้เฒ่าซือเป็นผู้บ่มเพาะระดับแปด! แม้ว่าเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่าฉู่จงเทียน แต่ก็แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้ เขาจะตายอย่างเงียบ ๆ ด้วยน้ำมือของคนในตระกูลฉู่แบบนี้ได้ยังไง?”
ลูกน้องที่ชื่อเปี้ยนไท่กล่าวว่า “มันบังเอิญมากเกินไป! เมื่อวานนี้เวลาที่ผู้อาวุโสซือหายตัวไป มันประจวบเหมาะตรงกับเวลาที่ตระกูลฉู่ค้นพบผู้บุกรุกพอดี ที่ร้ายไปกว่านั้น เรายังขาดการติดต่อกับหน่วยสอดแนมนอกคฤหาสน์ตระกูลฉู่อีกด้วย!”
ครั้งนี้นอกจากส่งซือเล่อจื่อมาปกป้องซือคุนที่เมืองจันทร์กระจ่างแล้ว ตระกูลซือยังส่งเปี้ยนไท่ผู้รอบคอบมาอีกคนด้วย เพียงมีสองคนนี้อยู่รอบกายซือคุนเท่านั้น นายน้อยของตระกูลซือจึงจะรู้สึกสบายใจ
ระดับการบ่มเพาะของเปี้ยนไท่นั้นด้อยกว่าซือเล่อจื่อมาก แต่เปี้ยนไท่ เป็นนักวางแผนที่ยอดเยี่ยม เหตุการณ์ลอบสังหารซูอันครั้งก่อนในมิติลับหยกจรัสก็เป็นฝีมือการวางแผนของเขา และได้รับการรับประกันถึงความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ใครจะคาดคิดว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับตัวละครขี้โกงแบบซูอัน?
ซือคุนรู้สึกกังวลใจอยู่ครู่หนึ่ง “คนที่คอยสอดแนมคฤหาสน์ตระกูลฉู่ก็หายตัวไปเช่นกัน?”
“ถูกต้อง” เปี้ยนไท่ยืนยันและเอ่ยต่อ “จากข้อมูลทั้งหมดที่เรามีในปัจจุบัน นี่เป็นสถานการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด ขอให้นายน้อยลองพิจารณาดู”
“เมื่อถูกตามล่าและจนตรอก เฉียวเสวี่ยอิงอาจจะพยายามหาที่หลบภัยโดยการเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลฉู่เพื่อที่จะหลีกหนีจากการไล่ตามของผู้อาวุโสซือ เพราะนางคุ้นเคยกับที่นั่นมากที่สุดในเมืองจันทร์กระจ่าง และจากนั้นผู้อาวุโสซือก็คงไล่ตามนางเข้าไป ทว่าก่อนที่จะตามเข้าไป ผู้อาวุโสซือน่าจะกลัวการเผชิญหน้ากับฉู่จงเทียน เขาจึงไม่กล้าตามเข้าไปในทันที”
“เขาต้องไปพบกับหน่วยสอดแนมของเราที่ประจำการอยู่รอบ ๆ คฤหาสน์ตระกูลฉู่ก่อนอย่างแน่นอน ซึ่งพวกนั้นคงแจ้งเขาว่าฉู่จงเทียน ได้ออกไปจากที่นั่นแล้ว เขาจึงไม่กังวลว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอ๋องฉู่อย่างไรอีก และทำให้เขาตัดสินใจที่จะตามนางเข้าไปข้างใน ผู้อาวุโสซือรู้ดีว่าเสวี่ยเอ๋อร์มีความสำคัญต่อนายน้อยแค่ไหน”
ขณะที่เขาพูด เปี้ยนไท่จับตาดูปฏิกริยาของซือคุนไปด้วย ในฐานะกุนซือจอมวางแผน เขาย่อมเข้าใจว่าซือคุนและซือเล่อจื่อวางแผนอะไรกันไว้
“อย่างไรก็ตาม โดยที่ไม่มีใครคาดถึงว่าจะมีผู้บ่มเพาะระดับสูงเร้นกายอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฉู่อยู่อีก ไม่ว่ามันจะเป็นการปะทะกันแบบตัวต่อตัวหรือถูกซุ่มโจมตีอย่างกะทันหัน ในท้ายที่สุด ผู้อาวุโสซือก็ถูกฆ่าตาย หลังจากนั้นยอดฝีมือลึกลับก็ลาดตระเวนไปทั่วพื้นที่ใกล้เคียงและปิดปากหน่วยสอดแนมของเราที่ส่งไปทั้งหมด”
ถ้าซูอันอยู่ที่นี่ เขาคงจะปรบมือด้วยความชื่นชมอย่างแน่นอน คน ๆ นี้ คำนวณทุกสิ่งทุกอย่างได้ ราวกับว่าได้เห็นทุกอย่างด้วยตัวเอง การคาดเดาของเขาเกือบจะตรงกันกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
“ตระกูลฉู่จะสามารถเก็บซ่อนยอดฝีมือลึกลับเช่นนั้นได้อย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีใครรู้ได้จริง ๆ เหรอ?” สีหน้าของซือคุนเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “มันจะเป็นไปได้ยังไง? เราก็รู้กันดีว่า แม้แต่ฉู่จงเทียนก็ไม่สามารถฆ่าผู้เฒ่าซือได้ง่าย ๆ! เจ้ากำลังบอกข้าว่าบุคคลนี้แข็งแกร่งกว่าฉู่จงเทียนอีกงั้นเหรอ?!”
เปี้ยนไท่จำใจต้องยิ้ม “ข้าเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน ทว่าหากเราตัดทุกสิ่งที่ไม่เป็นความจริงทิ้งไป สิ่งที่เหลืออยู่แม้จะไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็ต้องเป็นความจริง”
ทันใดนั้น หน่วยสอดแนมอีกคนก็กลับมาพร้อมรายงาน “รายงานนายน้อย! นี่คือข่าวจากภายในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ เมื่อคืนก่อน ฉินหว่านหรู ได้รวบรวมทหารของคฤหาสน์ทั้งหมด และเริ่มการเตือนภัยระดับสูงสุด พวกเขาสงสัยว่าผู้บุกรุกเป็นผู้บ่มเพาะระดับแปด!”
“อะไรนะ?!” ซือคุนที่นั่งอยู่ยืดตัวตรงทันที เปี้ยนไท่ที่อยู่ข้าง ๆ เขามองดูหน่วยสอดแนมที่เพิ่งมาถึงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หากผู้บุกรุกได้รับการยืนยันว่าอยู่ในระดับที่แปด จะมีใครอีกนอกจาก ซือเล่อจื่อ?
นั่นเป็นเพราะจำนวนผู้บ่มเพาะระดับแปดในเมืองจันทร์กระจ่าง สามารถนับได้ด้วยมือเดียว!
“แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น?” เปี้ยนไท่ถาม
หน่วยสอดแนมตอบว่า “ฉินหว่านหรูนำทหารออกค้นหาผู้บุกรุก และสุดท้ายพวกเขาก็พบว่าซูอันฆ่าผู้บุกรุกไปแล้ว!”
“ซูอัน!” แม้แต่เปี้ยนไท่ก็ยังตกใจ ไม่ต้องพูดถึงซือคุน
มันเป็นไปได้ยังไง!
ซือเล่อจื่อเป็นผู้บ่มเพาะระดับที่แปด ในขณะที่ซูอันอยู่ที่ระดับสามเท่านั้น เขาสามารถฆ่าซูอันได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ แต่สุดท้ายแล้วทำไมกลับเป็นตัวเขาเองที่ถูกซูอันฆ่า?
“มีใครยืนยันได้บ้างไหมว่ามือสังหารที่ตายไปคือผู้อาวุโสซือ?” เปี้ยนไท่เป็นคนแรกที่พยายามวิเคราะห์เหตุการณ์
“จากข้อมูลภายในตระกูลฉู่ ผู้บุกรุกถูกโจมตีที่ศีรษะโดยวิชา ‘ดัชนีกระบี่หกชีพจร’ ของซูอัน ครึ่งศีรษะของเขาถูกระเบิดหายไป และใบหน้าก็ถูกทำลายจนไม่อาจระบุได้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครยืนยันได้ว่าผู้ตายคือผู้อาวุโสซือหรือไม่” เสียงของหน่วยสอดแนมสั่นในขณะที่เขาพูด
“’ดัชนีกระบี่หกชีพจร?” เปี้ยนไท่หรี่ตาลง “นายน้อย…ข้า…เปี้ยนไท่นั้นโง่เขลาและไม่มีประสบการณ์ ท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้นี้มาก่อนหรือไม่?”
ซือคุนตอบอย่างโกรธจัด “ไอ้ลูกหมานั่นมันจะรู้จักทักษะบ้าบอที่ชื่อ ‘ดัชนีกระบี่หกชีพจร’ ได้ยังไง? ข้าไล่ตามจนมันหนีเหมือนสุนัขในมิติลับหยกจรัสนั่น ทำไมข้าไม่เห็นมันจะใช้เลย?”
—
ท่านยั่วยุซือคุนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
อีกฟากหนึ่ง ซูอันก็จาม…ตอนนี้ใครกำลังคิดถึงข้าอยู่กัน?
เมื่อซือคุนได้ยินชื่อของซูอันเป็นครั้งแรกเมื่อครึ่งเดือนก่อน เขาไม่ได้ถือว่าอีกฝ่ายเป็นคนสำคัญแต่อย่างใด ชายหนุ่มไม่คิดว่าที่เมืองห่างไกลเช่นนี้จะมีวายร้ายที่ควรค่าให้ต้องสนใจหรือสามารถทำลายแผนการของตัวเองจนป่นปี้ได้
อย่างไรก็ตาม ฉู่ชูเหยียน ภรรยาในฝันที่สมบูรณ์แบบและสวยที่สุดในสายตาของเขาได้ถูกซูอันคว้าไปแล้ว ส่วนตัวซือคุนเองกลับถูกทิ้งให้เผชิญกับความสิ้นหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าในระหว่างที่ไล่ตามซูอันในมิติลับหยกจรัส และตอนนี้ แม้แต่ผู้เฒ่าซือก็พบกับจุดจบด้วยน้ำมือของชายผู้นี้?
ต้องไม่ใช่…มันเป็นไปไม่ได้!
ไม่ว่ามันจะมีทักษะอะไร มันก็ไม่มีทางที่จะฆ่าผู้เฒ่าซือได้!
เปี้ยนไท่พูดขึ้น “เมื่อตอนที่ออกมาจากมิติลับหยกจรัส ซูอันสามารถฟันกระบี่ของนายน้อยหักได้ในการโจมตีครั้งเดียว ความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมาในเวลานั้นย่อมเหนือกว่าผู้บ่มเพาะระดับสามอย่างแน่นอน เขาอาจไปเจอโชคครั้งใหญ่ในมิติลับซึ่งมันทำให้เขามีโอกาสได้เรียนรู้ ‘ดัชนีกระบี่หกชีพจร’ หรือเปล่า?”
“ไม่มีทาง!” ใบหน้าของซือคุนบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว ปกติผู้ช่วยของเขาคนนี้ก็เป็นคนฉลาดดีอยู่ แต่ทำไมตอนนี้มันถึงเอาแต่หยิบยกความเป็นไปไม่ได้แบบนี้ขึ้นมาพูด?
“ผู้เฒ่าซือเคยวิเคราะห์มาก่อนหน้านี้แล้ว ความแข็งแกร่งของซูอันนั้นค่อนข้างแปลกและมันไม่สามารถจัดเป็นผู้บ่มเพาะระดับสามที่แท้จริงได้ ทว่า…ที่จุดสูงสุดความแข็งแกร่งของมันน่าจะไม่เกินระดับที่ห้า แต่ตัวมันเองก็ไม่สามารถควบคุมพลังธาตุใด ๆ ได้เช่นกัน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ผู้บ่มเพาะระดับห้าที่แท้จริง การวิเคราะห์ของผู้อาวุโสซือไม่มีทางผิดพลาด”
เปี้ยนไท่อ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หยุดตัวเองไว้
ซือคุนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “อย่ายกยอไอ้ขยะนั่นเกินไป ซูอันมันก็เป็นแค่คนเจ้าเล่ห์ที่เอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ด้วยโชคและแผนการที่มันวางไว้เท่านั้น ตัวอย่างเช่น หยวนเหวินตง ในตอนนั้นซูอัน ได้เตรียมอุปกรณ์ลับเป็นพิเศษเพื่อยับยั้งกระบี่บินของหยวนเหวินตงเอาไว้ หากไม่มีมัน ซูอันก็ไม่มีทางรับมือกับผู้บ่มเพาะระดับห้าที่แท้จริงได้ และในช่วงเวลาสำคัญที่สุด หยวนเหวินตงกลับเสียสมาธิแบบโง่ ๆ เพราะหลงกลคำพูดยั่วยุของไอ้ซูอัน จนตัวมันเองต้องพิการไปทั้ง ๆ ที่มันไม่ควรจะเกิด”
เปี้ยนไท่ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ข้าเห็นด้วยว่าด้วยความแข็งแกร่งของซูอันไม่เพียงพอที่จะสามารถฆ่าผู้อาวุโสซือได้ หากเป็นอย่างนี้ คำอธิบายที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือเขามีปรมาจารย์ลึกลับอยู่เบื้องหลัง”
“ปรมาจารย์ลึกลับ?” ซือคุนตกตะลึง