เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 400 เจ้าเป็นนางคณิกาจริง ๆ หรือเปล่า
บทที่ 400 เจ้าเป็นนางคณิกาจริง ๆ หรือเปล่า?
บทที่ 400 เจ้าเป็นนางคณิกาจริง ๆ หรือเปล่า?
ถ้าซูอันได้เห็นนาง เขาจะสงสัยอย่างแน่นอนว่าทำไมกล้ามเนื้อหน้าอกของผู้ชายคนนี้ถึงใหญ่มาก
นางไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เพ่ยเหมียนหมาน นางแต่งตัวเป็นผู้ชายเช่นเดียวกับเซี่ยเต๋าอวิ๋น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเซี่ยเต๋าอวิ๋นจะมีรูปร่างที่งดงามโค้งเว้า แต่หน้าอกของนางก็ไม่ใหญ่เกินไปจนยังคงสามารถปกปิดเอาไว้ได้ ซึ่งพอจะสามารถมองเป็นหนุ่มน้อยได้หากมองผ่าน ๆ
แต่กรณีเช่นนี้มันใช้ไม่ได้เลยกับเพ่ยเหมียนหมาน หน้าอกของนางยังคงนูนออกมาไม่ว่านางจะพยายามรัดมันยังไง รวมถึงดวงตาสีพีชที่มีเสน่ห์ เมื่อมองรูปลักษณ์ของนาง ทุกคนก็สามารถบอกได้คำเดียวว่านางเป็นผู้หญิงที่แต่งเป็นชาย!
นั่นคือเหตุผลที่นางไม่ออกไปจากห้องส่วนตัวของนาง
นางมาที่นี่เพื่อตรวจสอบชิวฮัวเล่ย ซ่างหงไม่ใช่คนเดียวที่สงสัยเกี่ยวกับภูมิหลังของคณิกาผู้นี้ ฝ่ายของราชันลมปราณก็สงสัยเรื่องนี้เช่นกัน จากรายงานก่อนหน้า ความพยายามลอบสังหารคนของราชันลมปราณหลายคนดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับผู้หญิงคนนี้ นี่เป็นเหตุผลที่นางเดินทางมาเพื่อเข้าร่วมการชุมนุมของคณิกาเป็นพิเศษ
ใครจะรู้ว่านางจะเจอกับซูอันที่นี่? และสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือเหมือนว่าเขาจะดูมีประสบการณ์ช่ำชองในหอคณิกาแห่งนี้! แม้แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเมื่อเห็นสิ่งที่ชายหนุ่มข้างล่างนั่นทำ
“ข้าควรจะเอาศิลากระจกมาจริง ๆ! ถ้าข้าสามารถบันทึกฉากนี้ไว้ได้ ใครจะรู้ว่าปฏิกิริยาอันยอดเยี่ยมจากฉู่ชูเหยียนที่ข้าจะได้รับชมนั้นจะเป็นยังไง?”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเพ่ยเหมียนหมาน เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น
นางไม่ใช่คนเดียวที่กำลังมองซูอันอย่างแน่นอน หน้าต่างของห้องชั้นสามห้องหนึ่งเปิดออก เผยให้เห็นดวงตาเย็นเหยียบคู่หนึ่งมองออกมาจากภายใน
“นั่นคือซูอัน? ดูเหมือนเขาจะไม่ได้พิเศษอะไรสำหรับข้าเลย เขาเป็นแค่ไอ้โรคจิตที่น่าสมเพชอีกคนไม่ใช่เหรอ? ข้าไม่คิดว่าเขาจะมีอะไรคู่ควรกับความสนใจของเจ้า!”
ชายคนนั้นดึงหน้าต่างปิด และหันไปมองเพื่อนหญิงของเขาซึ่งนอนตะแคงข้าง แม้ว่านี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกของทั้งสอง แต่ก็ยังยากที่จะปกปิดความน่าเกรงขามในดวงตาของนาง ผู้หญิงคนนี้น่าทึ่งเกินไปจริง ๆ
“แผนเดิมคือการเลือกใครสักคนจากตระกูลสายรองหรือสายที่สามเพื่อดำเนินการตามแผนของเรา แต่พอมาตอนนี้เมื่อได้มามองดูเขาใกล้ ๆ ข้าก็เปลี่ยนใจ” เสียงที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์ของนางสามารถทำให้แม้แต่กระดูกของผู้ชายทุกคนอ่อนลงได้
“แต่เขาไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าลูกเขยตระกูลฉู่ ที่ได้รับการคัดเลือกให้แต่งเข้าบ้านภรรยา!” ชายคนนั้นค้าน พลางชำเลืองมองใบหน้าอันน่าทึ่งของนาง “เขาไม่มีความแข็งแกร่งอะไรเลย นับประสาอะไรกับการเข้าถึงทรัพยากรของตระกูลฉู่ มันจะเหมาะเหรอที่จะเลือกเขา?”
แววตาที่สั่นไหวของเขาไม่รอดจากการสังเกตอันเฉียบแหลมของหญิงงามโดดเด่นคนนี้ แต่นางก็คุ้นเคยกับการจ้องมองอย่างหลงใหลของเพศชายมานานแล้ว “นั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากเรา ผู้ที่มีทุกสิ่งแตกต่างจากผู้ที่ต้องการช่วยเหลือในยามยากไร้อย่างสิ้นเชิง ถ้าเขาต้องการควบคุมตระกูลฉู่ ไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธความช่วยเหลือของเราได้ ด้วยวิธีนี้เราจึงสามารถรุกเข้าไปในธุรกิจของตระกูลฉู่ได้ เมื่อถึงเวลา เราอาจไม่ต้องการตัวกลางอย่างเขาอีก”
ชายคนนั้นขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ศิษย์น้อง คำพูดของเจ้ามีเหตุผล แต่ว่านะ ตรรกะทั้งหมดในโลกนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความจริงที่ว่า ซูอัน ยังคงเป็นลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ เขาไม่มีสถานะอะไรให้พูดถึงเลยแม้แต่ในตระกูลฉู่ก็ตาม! ต่อให้เราลงแรงสนับสนุนไป เขาจะสามารถควบคุมตระกูลฉู่ได้จริงเหรอ?”
“จากรายงานล่าสุดของเรา ข่าวลือว่าเขาไร้ประโยชน์นั้นไม่เป็นความจริง อันที่จริงเขาดูน่าเกรงขามทีเดียว ถ้าคนอย่างเขาได้รับความโปรดปรานจากคุณหนูฉู่ และกลายเป็นลูกเขยที่แท้จริง เขาจะทนอยู่ใต้คนอื่นตลอดไปได้ยังไง?”
หญิงงามลุกขึ้นนั่งไขว่ห้าง
แม้ว่าชายคนนี้จะมองไม่เห็นอะไรเลย แต่การที่เสื้อผ้าของนางขยับไปเรื่อย ๆ ก็ยั่วยวนเขาไม่สิ้นสุด ลำคอของเขาแห้งผาก ลมหายใจของเขาสั่นและขาดห้วง
ดูเหมือนว่านางจะค่อนข้างชอบปฏิกิริยาไร้สาระที่ผู้ชายมีต่อนางเช่นนี้ ริมฝีปากของนางแย้มยิ้ม “แน่นอน ข้ายังไม่ได้สรุปการตัดสินใจ ตอนนี้มาดูกันก่อนดีกว่าว่าเขาจะมีค่าพอหรือเปล่า”
…
ซูอันไม่รู้ว่ามีคนจำนวนมากมองเขาอยู่ ชายหนุ่มมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับร่างกายของเล้งส่วงเยว่
“นายน้อย ได้โปรดอย่าทำแบบนี้…” เล้งส่วงเยว่คว้ามือของซูอัน พยายามจะหยุดเขาไม่ให้เอื้อมไปหาหางของนาง “ส่วนนั้นเป็นสิ่งที่อ่อนไหวมากสำหรับเผ่าพันธุ์เรา! ข้าขอร้องนายน้อยอย่าสร้างปัญหาให้กับหญิงต่ำต้อยคนนี้…”
“แล้วต้องทำยังไงข้าถึงจะจับมันได้?” ซูอันไม่สามารถซ่อนความผิดหวังของตัวเองได้ เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าชนต่างเผ่าเหล่านี้มีหางหรือไม่?
ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อมองในภาพรวมพวกนางไม่ได้ดูแตกต่างไปจากมนุษย์ผู้หญิงมากนัก
“สาวอสูรอย่างพวกข้าต้องยอมรับผู้ชายคนหนึ่งเป็นคนรักของนางก่อนที่เขาจะ…ได้รับอนุญาต…” ก่อนที่นางจะพูดจบ ทั้งใบหน้าและลำคอของเล้งชวงเยว่ก็แดงซ่าน
ซูอันประทับใจการแสดงของหญิงสาวคนนี้จริง ๆ แม้แต่เขาเองก็เริ่มสับสน เนื่องจากนางไม่ต้องการให้ข้าจับหางของนาง ข้าเดาว่าตอนนี้ข้าจะต้องรอไปก่อน แต่อย่างว่า ข้าไม่ใช่คนประเภทที่ชอบรังแกผู้หญิง!
ชายหนุ่มหันไปสนใจหูขนยาวที่โผล่ออกมาจากผมของนางแทน เขาเอื้อมมือออกไปและนวดคลึงมันอย่างเพลิดเพลิน “ว้าว มันให้ความรู้สึกเหมือนหูแมวจริง ๆ นี่มันนุ่มนิ่มน่ารักจริง ๆ”
ร่างกายของเล้งส่วงเยว่สั่นสะท้าน นางรู้สึกราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายของตัวเอง ขาของนางหุบเข้าหากัน เสียงครางดังออกมาจากริมฝีปากของนาง
“เกิดอะไรขึ้น?” ซูอันรู้สึกงุนงง ข้าไม่ได้แค่จับหูของนางหรอกเหรอ? จำเป็นต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้ด้วยเหรอ?
เขาสามารถเห็นความขมขื่นที่แทบจะปกปิดไว้ไม่มิดบนใบหน้าของเล้งส่วงเยว่ นางจึงอธิบายเสียงเบาว่า “หูของหญิงสาวเผ่าอสูรอย่างข้านี้บอบบางมาก เฉพาะคู่รักที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่สุดเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้สัมผัสมันได้…”
ซูอันรู้สึกงุนงงอย่างเต็มที่ “นี่เจ้าเป็นนางคณิกาจริง ๆ หรือเปล่าเนี่ย?”
ปกติข้าเป็นคนง่าย ๆ มาตลอด แต่เมื่อเห็นการแสดงของเจ้า ข้าก็เริ่มไม่สนุก นี่เจ้าแสร้งเล่นตัวมากเกินไปหน่อยไหม?
ดูฉู่อวี้เฉิงตรงนั้นสิ! มือข้างหนึ่งของเขาอยู่ในชุดของสาวเผ่าพันธุ์หมีนางนั้น และมือข้างหนึ่งก็ลูบหูนาง แต่เจ้าเห็นนางทำปฏิกิริยาแบบที่เจ้ากำลังทำไหม? นางดูเหมือนจะสนุกกับมันด้วยซ้ำ!
“ข้าขอโทษ นายน้อย” เล้งส่วงเยว่มองเขาอย่างน่าสงสาร ซึ่งทำให้นางดูน่ารักยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม นอกจากกล่าวขอโทษแล้ว นางก็ไม่พูดอะไรต่ออีก
แต่แล้วทันใดนั้น เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น ผู้มาใหม่มีทีท่าประหลาดใจ “เอ๊ะ? อาซู!”
ซูอันเงยหน้าขึ้นมอง ชายหนุ่มร่างผอมบางกำลังมองมาที่เขา
“เว่ยสั่ว! ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ซูอันดีใจที่ได้พบเขา ตั้งแต่เขากลายเป็นอาจารย์ของสถาบันจันทร์กระจ่าง พวกเขาทั้งสองไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากนัก และยิ่งเมื่อชายหนุ่มต้องเข้าไปในมิติลับหยกจรัส พวกเขาก็ไม่ได้เจอหน้ากันเลย ซูอันก็พบว่าตัวเองคิดถึงไอ้คน ๆ นี้จริง ๆ
“ข้ามากับพี่ชายข้า!” เว่ยสั่ววิ่งมาหาเขาและชี้ไปที่เว่ยหงเต๋อ
ซูอันพยักหน้าให้เว่ยหงเต๋อ เขาเป็นคนที่ผู้เฒ่ามี่อยากให้ข้าพยายามเข้าไปใกล้ชิด ทว่านอกเหนือจากที่เคยคุยกันสองสามคำในมิติลับ ข้าและเขาไม่เคยพูดคุยกันนอกจากครั้งนั้นจริง ๆ
นี่ไม่ใช่โอกาสอันยอดเยี่ยมหรอกเหรอ? จะมีวิธีใดที่ดีไปกว่านี้ในการสร้างความสนิทสนมกัน
เว่ยหงเต๋อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบกลับคำทักทาย อย่างไรก็ตาม การได้เห็นซูอันอีกครั้ง มันทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ในมิติลับทันที ซึ่งมันทำให้สีหน้าของเขามืดมนลงอีกครั้ง
เช่นเดียวกับเซี่ยซิว เว่ยหงเต๋อใช้เวลานานในการปลดปล่อยตัวเองจากภาพหลอนของซูอันน้อยอันยักษ์ ตอนนี้สติเขากลับมาได้ระดับหนึ่งแล้ว
เขาจะยอมให้ตัวเองมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้ต่อไปได้ยังไง? เขาพูดกับเว่ยสั่วสองสามคำสุดท้าย ก่อนจะรีบเดินหนีไปที่ส่วนอื่นของห้องโถง
เว่ยสั่วเต็มไปด้วยความตื่นเต้นในขณะที่เขาพูดกับซูอัน “ข้าเองก็อยากจะถามเจ้าเหมือนกันว่าเจ้ามาทำอะไรที่นี่? โว้ว ๆ นี่เจ้ามีสาวหูแมวน่ารักอยู่กับเจ้าด้วยงั้นเหรอ?”