เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 408 ข้าอยากได้คำแนะนำจากทุกท่าน
บทที่ 408 ข้าอยากได้คำแนะนำจากทุกท่าน
บทที่ 408 ข้าอยากได้คำแนะนำจากทุกท่าน
ชิวฮัวเล่ยไม่สะทกสะท้านกับการแสดงออกของเฉินเซวียน นางคุ้นเคยกับการจ้องมองราวกับสัตว์เจอเหยื่อของผู้ชายมานานแล้ว…
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง นางโค้งคำนับเล็กน้อย “ยินดีที่ได้พบ คุณชายเซวียน”
เซวียนเฉินหัวเราะอย่างเต็มที่ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีวันที่ข้าถูกเรียกว่า ‘คุณชาย’! ข้าเป็นคนประเภทที่มักจะเกลียดวิธีการพูดแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นพูดกับข้าอย่างนี้ ข้ารับประกันว่าหัวของมันจะถูกแยกออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เมื่อข้าได้ยินแม่นางชิวพูดกับข้าแบบนี้ ข้ากลับรู้สึกยินดีอย่างมาก”
คนอื่น ๆ ทั้งหมดต่างจ้องมองไปที่ชายผมแดงอย่างขุ่นเคือง
ทว่าในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ พวกเขาจึงให้ความสนใจกับชายผมแดงแค่เพียงครู่เดียวเท่านั้น ก่อนจะกลับไปสนใจชิวฮัวเล่ยตามเดิม พวกเขาทั้งหมดต่างพยายามที่จะเป็นคนที่ได้พูดคุยกับชิวฮัวเล่ยและสร้างความประทับใจให้กับนาง
“ข้าผู้น้อย ตู้ชุนเฟิง ตระกูลของข้าทำธุรกิจเกี่ยวกับขนสัตว์ เป็นเกียรติที่ได้พบแม่นางชิว”
“ข้า เจาเต๋อจู่ พ่อของข้าเป็นคนเมือง…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสียงของเขาก็ถูกคนอื่นกลบไป
“ข้าชื่อหยวนฮุย เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบแม่นางชิว”
“แม่นางชิว ข้าชื่อหวู่หยุน พ่อของข้าคือหวู่กัง”
…
การแนะนำตัวเต็มไปด้วยความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสที่จะพูดจนจบประโยค คนอื่นจะพูดแทรกขึ้นมาทุกครั้ง ทุกคนพยายามสร้างความประทับใจที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระยะเวลาอันสั้น
บางคนถึงกับใช้วิธีทุบถ้วยชาเพื่อดึงดูดความสนใจของชิวฮัวเล่ย
น่าเสียดายสำหรับพวกเขา นางเป็นคณิกามาหลายปีแล้ว และได้เห็นกลอุบายทุกอย่างมานับไม่ถ้วน เรื่องพื้น ๆ แค่นี้ถือเป็นเรื่องปกติ มันจึงยังไม่เพียงพอที่จะทำให้นางสนใจได้
นอกจากนี้สถานที่นี้ก็มีเสียงดังเกินไป เสียงถ้วยชาแตกกระจายหายไปอย่างรวดเร็วภายใต้เสียงแนะนำตัวที่ไม่รู้จบ
หวางหยวนหลงและฉู่ฮงไฉได้ละทิ้งยางอายทั้งหมด พวกเขารีบเดินไปข้างหน้าเพื่อแนะนำตัวเองกับชิวฮัวเล่ยด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
แม้แต่ฉู่อวี้เฉิงก็ทิ้งสาวเผ่าพันธุ์หมีไปชั่วคราว เขาแทรกตัวไปข้างหน้าพร้อมกับตะโกนแนะนำตัวเสียงดัง
ซูอันดูภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ด้วยความรังเกียจอย่างมาก ไม่ใช่ว่าฉู่อวี้เฉิงบอกว่าเขาชอบผู้หญิงตลกรูปร่างใหญ่อวบอั๋น และไม่สนใจผู้หญิงผอมบางหรือไง?
แม้ว่าหน้าอกของชิวฮัวเล่ยจะถือว่าอวบอิ่ม แต่ร่างกายของนางก็แทบจะไม่มีไขมันเลย นางจะถูกมองว่าอ้วน ถ้านางมีเนื้อมีหนังมากกว่านี้เล็กน้อย หรือจะกลายเป็นผอมเกินไปถ้านางมีน้อยกว่านี้
ดังนั้นรูปร่างอย่างชิวฮัวเล่ยควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นไม้กระดานในสายตาของฉู่อวี้เฉิง
แต่ใครจะคาดคิดว่าไอ้หมูตอนผู้นี้จะกลายเป็นคลั่งไคล้นางอย่างเต็มที่?
สุดท้ายแล้ว ทุกคนไม่ได้พอใจแค่ใบหน้าของนางหรอกเหรอ?
ซูอันกำลังนึกดูถูกพวกเขา
“นายน้อย ทำไมท่านไม่ไปแนะนำตัวด้วยล่ะ?” เล้งส่วงเยว่ถามด้วยความสงสัย นางกะพริบตาด้วยความงุนงง
เด็กสาวเหล่านี้รู้ว่างานของพวกนางคือให้ความบันเทิงกับแขกเมื่อพวกเขากลับมาที่นั่ง
“นี่คือการแนะนำตัวแบบไหน? นี่มันละครลิงชัด ๆ!” ซูอันพ่นเสียงดูถูกเหยียดหยาม “ดูชิวฮัวเล่ยสิ นางดูร่าเริงและน่าดึงดูดใจมาก นางพยักหน้าให้คนพวกนี้ทั้งหมด แต่นางไม่ได้ให้ความสนใจพวกเขาแม้แต่น้อย
“ทุกคนบอกว่าตัวเองมาที่หอคณิกาเพื่อหาผู้หญิงมาสนุกด้วย แล้วตอนนี้ทำไมถึงให้ผู้หญิงคนนั้นกลับเป็นคนเลือกแทนล่ะ?” น้ำเสียงของซูอันแฝงไปด้วยความรังเกียจ ไม่ใช่ว่าเขามีปัญหาอะไรกับชิวฮัวเล่ย แต่เขาไม่สามารถทนดูพฤติกรรมของผู้ชายเหล่านี้ที่ทำตัวราวกับว่าพวกเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อนได้
พวกเจ้าทุกคนทำให้ผู้ชายอย่างข้าอับอายจริง ๆ! ถึงนางจะสวย แต่มันก็ไม่จำเป็นที่พวกเจ้าจะต้องคลั่งไคล้นางมากขนาดนี้! มองข้าสิ ถึงข้าจะมีเมียสวยเหมือนนางฟ้าแต่ข้าก็ไม่หงอ! พวกเจ้าทุกคนเอาข้าเป็นแบบอย่างสักครึ่งไม่ได้หรือไง!?
เล้งส่วงเยว่ไม่เข้าใจความคิดที่แท้จริงของซูอัน นางเพียงแค่คิดว่าเขาไม่พอใจชิวฮัวเล่ย นางมองไปยังชั้นสองและอธิบายอย่างเงียบ ๆ “ท่านรู้ไหม มันไม่ง่ายสำหรับแม่นางชิวเช่นกัน แม้ว่านางจะไม่สนใจพวกเขาเลย แต่นางก็ต้องจำชื่อของทุกคนให้ได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงที่นี่ที่จะทำอย่างนั้น เพราะแต่ละวันพวกเราต้องรับแขกแทบไม่ซ้ำหน้า”
ซูอันจ้องมองอย่างว่างเปล่า เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ “กลายเป็นว่าคณิกาอันดับหนึ่งไม่ใช่สิ่งที่สามารถเป็นได้แค่เพียงใช้รูปร่างหน้าตา…”
เล้งส่วงเยว่พยักหน้าอย่างมีอารมณ์ร่วม “ถูกต้อง! หอคณิกาของเราไม่เคยขาดสาวสวย ดังนั้นมันจึงหมายความว่าไม่ใช่ทุกคนที่สวยจะสามารถเป็นคณิกาอันดับหนึ่งได้!”
ซูอันมองนางแปลก ๆ “ดูเหมือนว่าเจ้าจะค่อนข้างสนิทกับชิวฮัวเล่ย”
“เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” เล้งส่วงเยว่รีบอธิบาย “แต่เราทุกคนก็อยู่ในหอสุขนิรันดร์ด้วยกัน ในเมื่ออยู่ใกล้กัน จึงมีโอกาสที่จะได้ยินบางสิ่งอยู่เสมอ”
“โอ้” ซูอันหลอกล่อให้นางพูดมากขึ้น “แต่ยังไงก็ตาม ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนอยู่ในที่เดียวกัน เจ้าก็น่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับนางบ้างใช่ไหม? บอกข้าหน่อยได้ไหม?”
“ข้าก็ไม่ได้รู้ขนาดนั้น…นายน้อยต้องการรู้เรื่องอะไรล่ะ?” เล้งส่วงเยว่ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนเขาจะไม่ตำหนิชิวฮัวเล่ยอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม นางกลัวว่าเขาอาจจะนึกขึ้นได้อีกครั้ง ดังนั้นนางจึงตัดสินใจพยายามทำให้ชายหนุ่มเสียสมาธิด้วยการตอบคำถามของเขา สำหรับคำถามที่นางไม่สามารถตอบได้ นางก็แค่อ้างว่าไม่รู้
“เรื่องที่ข้าอยากรู้ เจ้าก็น่าจะรู้” ซูอันพูดพร้อมกับหัวเราะคิกคัก “นางเคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่า?”
“แฟน?” เล้งส่วงเยว่กะพริบตา แต่ไม่ตอบในทันที
“เอ่อ…มันหมายความว่าคนรักน่ะ” ซูอันอธิบาย
เล้งส่วงเยว่อุทานขึ้นด้วยสีหน้าตกใจทันทีเมื่อรู้ถึงความหมาย “ไม่มีแน่นอน! ทุกคนก็รู้ว่าแม่นางชิวนั้นบริสุทธิ์ไร้ราคี นางจะไปมีคนรักได้ยังไง”
นางโบกมือปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย
ซูอันยังไม่มั่นใจ “ไม่ต้องกลัว ที่นี่มีแค่เราสองคน ไม่ต้องกังวลหรอกว่าเจ้าจะทำให้นางเสียชื่อเสียง”
เล้งส่วงเยว่รีบพูดขึ้นอีกครั้ง “นางไม่เคยมีคนรักมาก่อน! ข้าสามารถรับประกันด้วยชีวิตของข้า! แม่นางชิวไม่เคยมีคู่ครอง และนางยังคงเป็นสาวพรหมจรรย์…”
“อย่างนั้นเหรอ” สายตาของซูอันเลื่อนลอยไปที่ร่างที่สวยงามบนชั้นสองโดยอัตโนมัติ นี่มันค่อนข้างแปลกจริง ๆ
จากห้องบนชั้นสอง เพ่ยเหมียนหมานมองไปที่ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างด้วยสายตาดูถูก ผู้ชายที่ประจบสอพลอพวกนี้แสดงท่าทางที่น่าละอายได้อย่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ
ผู้ชายพวกนี้ไม่ได้ดีเด่อะไรนอกจากเป็นของเล่นของผู้หญิงคนนั้น จากนั้นนางก็มองไปรอบ ๆ เพื่อดูปฏิกิริยาของผู้คนไปเรื่อย ๆ และในที่สุดนางก็มองเห็นซูอันซึ่งกำลังนั่งสบาย ๆ โดยไม่แสดงกิริยาน่าละอายเหมือนคนอื่น ๆ ซึ่งมันทำให้นางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ชูเหยียนไม่จำเป็นต้องอายใคร สามีของเจ้าไม่เหมือนผู้ชายเลวทรามต่ำช้าคนอื่น
อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางเริ่มยิ้ม นางสังเกตเห็นเล้งส่วงเยว่อยู่ข้าง ๆ เขากำลังปอกองุ่นและป้อนให้เขาทีละเม็ด
ซูอันกินจนปากของเขาเต็มไปด้วยน้ำองุ่น แถมเขายังไม่ลืมที่จะหยอกล้อกับเล้งส่วงเยว่ จนอีกฝ่ายดิ้นรนไปมาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด
รอยยิ้มของเพ่ยเหมียนหมานเปลี่ยนไปทันที “ผู้ชายทุกคนล้วนแล้วแต่โสมมกันทั้งนั้น!” นางพึมพำด้วยสีหน้าเย็นชา
หลังจากอดทนกับการแนะนำตัวอย่างไร้สติโดยไม่จบสิ้น ในที่สุด ชิวฮัวเล่ยก็เผยอริมฝีปากสีแดงของนางเพื่อพูด “ขอบคุณทุกท่านสำหรับความรักที่พวกท่านมีให้ข้า แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้ารู้สึกว่าทักษะพิณของข้าได้มาถึงคอขวด และข้าจะดีใจมากถ้าทุกคนสามารถให้คำแนะนำแก่ข้าได้ โปรดช่วยชี้แนะให้ข้าด้วย”
ทันทีที่นางเริ่มพูด ทั่วทั้งห้องโถงก็เงียบลงในทันที ไม่มีใครอยากให้นางไม่มีความสุข
เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่นางพูด พวกเขาก็เริ่มกระวนกระวายใจ
มันกำลังเกิดขึ้น!
ชิวฮัวเล่ยกำลังใช้เพลงของนางเป็นเครื่องมือในการเลือกคนที่นางชื่นชมมากที่สุด แน่นอนว่ามันเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
“แม่นางชิวคงล้อเล่น! เพลงที่เจ้าเล่นเมื่อกี้นี้ไพเราะอย่างแท้จริง ท่วงทำนองยังติดค้างอยู่ในหูของพวกเรา ทักษะพิณของเจ้ามาถึงจุดสูงสุดแล้ว จะมีอะไรมากกว่านี้ได้ยังไง” ชายชื่อเจาเต๋อจู่ ซึ่งถูกขัดจังหวะระหว่างการแนะนำตัวพูดขึ้นทันที เขากำลังมองหาโอกาสที่จะแก้ตัวอีกครั้ง
งี่เง่า!
คนอื่น ๆ ก่นด่าเขาอยู่ในใจทันที ชัดเจนว่าชิวฮัวเล่ยพยายามทดสอบทุกคน การเลียแข้งเลียขาโง่ ๆ ของเจ้าจะทำอะไรได้?
ตามที่คาดไว้ ชิวฮัวเล่ยยิ้มจาง ๆ “นายน้อยชมข้าเกินไปแล้ว น่าเสียดายที่ข้าต้องการได้ยินความคิดเห็นที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้เพื่อแก้ไขความบกพร่องของข้า”
หลังจากพูดจบ นางก็หันไปหาคนอื่น ๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความใสซื่อและคาดหวัง
แต่แล้วเมื่อนางกวาดสายตามองขึ้นมายังห้องส่วนตัวที่อยู่เหนือห้องโถงใหญ่ นางก็เยาะเย้ยอยู่ภายในใจ