เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 412 เจ้ากล้าดียังไงถึงมองหาผู้หญิงคนอื่น!
บทที่ 412 เจ้ากล้าดียังไงถึงมองหาผู้หญิงคนอื่น!
บทที่ 412 เจ้ากล้าดียังไงถึงมองหาผู้หญิงคนอื่น!
ชิวฮัวเล่ยจ้องมาที่เขาโดยไม่พูดอะไร
เพ่ยเหมียนหมานและเซี่ยเต๋าอวิ๋นก็กำลังมองจากชั้นสองเช่นกัน
ผู้ชายคนนี้ช่างหน้าด้านจริง ๆ!
ความคิดเดียวกันผุดขึ้นในใจของทุกคนพร้อมกัน
—
ท่านยั่วยุผู้ชมสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 66…66…66…
—
ความรู้สึกเย็นสดชื่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของซูอัน เมื่อคะแนนความโกรธแค้นไหลเข้ามา ดูเหมือนว่าการยกยอตัวเองยังคงเป็นวิธีที่เร็ววิธีหนึ่งในการได้รับคะแนนความโกรธ
—
ท่านยั่วยุเฉินเซวียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 99…99…99 …
—
ซูอันประหลาดใจ จากที่แต้มความโกรธแค้นจำนวนมากที่ได้รับ เขาคาดหวังอย่างเต็มที่ว่าอีกฝ่ายจะพุ่งเข้าใส่เขา แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น
ชิวฮัวเล่ยดูกังวลแทนเขาอย่างชัดเจน นางลงมาจากระเบียงชั้นสองตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ แต่ตอนนี้นางกำลังเดินก้าวเข้ามาวางตัวเองระหว่างทั้งสองคนราวกับว่าไม่ได้ตั้งใจ “ปรากฏว่านายน้อยซูอยู่ที่นี่มาตลอด” นางกล่าวด้วยรอยยิ้มหวาน
เมื่อนางเข้ามาใกล้ซูอัน ก็ได้กลิ่นหอมที่เป็นธรรมชาติและละเอียดอ่อนราวกับกล้วยไม้ในทันที นางงดงามมากเมื่ออยู่ไกล ๆ และเสน่ห์ของนางก็ยิ่งอันตรายขึ้นไปอีกเมื่อมาอยู่ใกล้ ๆ
ขอบคุณสวรรค์ที่ให้ข้าได้เห็นความงามขนาดนี้!
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มก็วางความคิดเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและสบตากับนางโดยตรง “ถ้าจำไม่ผิด นี่น่าจะเป็นการพบกันครั้งแรกของเรา ทำไมจู่ ๆ ถึงคุยกับข้าแบบนี้ล่ะ?” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
ชิวฮัวเล่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเล็กน้อย โดยปกติแล้วเมื่อผู้ชายคนอื่นโต้ตอบกับนาง ส่วนใหญ่ไม่สามารถละสายตาจากนางได้ ในขณะที่คนอื่น ๆ จะจ้องมองนางด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา แต่ซูอัน กลับยังมีแววตาที่ชัดเจน ในขณะที่จ้องตรงมาที่นางซึ่งมันหายากจริง ๆ
นางรีบสลัดความประหลาดใจออกไปอย่างรวดเร็วและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เคยพบนายน้อยซูมาก่อน แต่ข้าถือว่าท่านเป็นสหายทางจิตวิญญาณมานานแล้ว ข้าได้ยินมาว่านายน้อยพบสมบัติล้ำค่าอย่าง ‘ดอกบัวเร้นลักษณ์’ ในมิติลับหยกจรัส ซึ่งกลีบดอกเพียงกลีบเดียวก็สามารถยกระดับการบ่มเพาะของคน ๆ หนึ่งได้หนึ่งขั้น แต่แทนที่นายน้อยซูจะคว้าโอกาสอันล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้นี้ไว้ ท่านกลับป้อนมันให้ภรรยาของท่านโดยไม่รีรอ”
“แค่ความรักของนายน้อยที่มีต่อภรรยาก็เพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นหัวใจของผู้หญิงทุกคนในโลกนี้ สุภาษิตนี้เป็นความจริง สมบัติล้ำค่าหาได้ไม่ยาก แต่รักแท้หายาก คุณหนูฉู่จึงเป็นผู้ได้รับพรจากฟ้าดินอย่างแท้จริง”
“ถุย!” เพ่ยเหมียนหมานถ่มน้ำลายอย่างรุนแรง ช่างเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อะไรเช่นนี้ ชูเหยียนที่รัก ชูเหยียนที่รักของข้า หากเจ้าไม่ปฏิบัติกับสามีของเจ้าดี ๆ เขาอาจจะถูกผู้หญิงคนอื่นลักไป…
เมื่อพวกเขาได้ยินชิวฮัวเล่ยใช้คำว่า ‘สหายทางจิตวิญญาณ’ มันก็เกิดความโกลาหลในหมู่ผู้ชายที่อยู่รอบข้างทันที
และยิ่งไปกว่านั้นข่าวเกี่ยวกับดอกบัวเร้นลักษณ์จากปากของชิวฮัวเล่ย ก็ยิ่งทำให้เสียงร้องของพวกเขาตื่นตระหนกมากขึ้นด้วย
จนถึงตอนนี้ ข่าวเรื่องนี้ได้แพร่กระจายอยู่แค่ในวงแคบ ๆ ของสังคมระดับสูงเท่านั้น แต่เมื่อในตอนนี้ทุกคนรู้แล้ว พวกเขาเกือบทุกคนก็แอบถอนหายใจอยู่ในใจ ผู้ชายคนนี้ทำทุกอย่างได้เพื่อผู้หญิงจริง ๆ
อย่างไรก็ตามมีคนกลุ่มเล็ก ๆ เยาะเย้ยความโง่เขลาของซูอันอย่างเงียบ ๆ ในตอนแรกช่องว่างการบ่มเพาะระหว่างซูอันกับคุณหนูฉู่มันห่างมากอยู่แล้ว แล้วตอนนี้มันก็ห่างมากไปอีก ซึ่งมันจะยิ่งส่งผลให้พวกเขาไม่เหมาะสมกัน
เป็นความรู้ทั่วไปว่าคู่สามีภรรยามีช่องว่างระหว่างกันมากเกินไปย่อมจบลงด้วยความล้มเหลว
ทว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างซูอันและฉู่ชูเหยียนอย่างไร พวกเขาก็ทนไม่ได้กับการที่เห็นชิวฮัวเล่ย มอง ซูอันด้วยดวงตาที่เป็นประกายเช่นนี้ สิ่งนี้ทำให้ความหึงหวงและความขุ่นเคืองของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นทันที
เมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นที่หลั่งไหลเข้ามา ซูอันก็เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ตั้งใจทำแบบนี้ นางกำลังโยนเขาลงบนตะแกรงย่างนี่นา!
มันอาจจะแย่สำหรับคนอื่น แต่ข้าแตกต่างจากทุกคน ยิ่งมีคนเกลียดข้ามากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น!
“แน่นอน! ข้าปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างดีมาโดยตลอด ถ้าแม่นางชิวอิจฉาภรรยาของข้า เจ้าสามารถพิจารณามาเป็นพี่น้องกับนางได้ ถ้าข้าพบดอกบัวเร้นลักษณ์อีก ข้าจะแบ่งให้เจ้าด้วยแน่นอน!” ซูอันพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ไอ้คน ๆ นี้มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว!” เซี่ยเต๋าอวิ๋นไม่สามารถระงับอารมณ์ของนางได้
การหาดอกบัวเร้นลักษณ์นี่มันง่ายมากเลยเหรอ? เจ้ากำลังพยายามที่จะล่อลวงสาวงามด้วยคำสัญญาที่ว่างเปล่าแบบนี้เนี่ยนะ?
นอกจากนี้ เจ้าก็เป็นลูกเขยของตระกูลฉู่ไม่ใช่เหรอ? เจ้ามีความกล้าที่จะเดินเข้าไปหาพวกเขาและขอมีภรรยาน้อยได้หรือไง?
ความคิดของนางตรงกับความคิดของคนอื่น ๆ ในห้องโถง หากการจ้องมองสามารถฆ่าคนได้ ซูอันคงต้องตายไปแล้วหลายร้อยรอบ
“หญิงสาวต่ำต้อยเช่นข้าคงไม่กล้าแข่งขันกับคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่”
ใบหน้าของชิวฮัวเล่ยแดงเล็กน้อย ผู้ชายคนอื่นมักพูดกับนางโดยใช้คำพูดที่สุภาพที่สุด เพราะกลัวว่าจะทำให้นางรู้สึกแย่กับตัวเอง นางจึงไม่เคยเห็นใครตรงไปตรงมาเท่าซูอันเลย ขอข้าไปเป็นภรรยาน้อยเนี่ยนะ!
ซูอันยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “อย่ากังวล นางเคยบอกข้ามาก่อนว่านางไม่สนใจถ้าข้ามองหาผู้หญิงคนอื่นนอกจากนาง”
เพ่ยเหมียนหมานเกือบสำลัก
เซี่ยเต๋าอวิ๋นหันไปหาน้องชายของนางทันที “ฉู่ชูเหยียน เคยพูดอย่างนั้นจริงเหรอ?”
เซี่ยซิวกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “ใครจะไปรู้ว่าคุณหนูฉู่พูดแบบนั้นจริงหรือเปล่า? แต่ตัวเขาเคยพูดแบบนี้มากกว่าหนึ่งครั้งแล้วต่อหน้าภรรยาของเขาเอง ซึ่งคุณหนูฉู่ก็ไม่เคยแสดงปฏิกิริยาใด ๆ เลย ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้นอาจไม่เหมือนสิ่งที่เราคิดไว้”
“ฉู่ชูเหยียนเป็นคนแบบไหนกันแน่? นางจะปล่อยให้เขารับภรรยาน้อยได้ง่าย ๆ เลยเหรอ?” ใบหน้าของเซี่ยเต๋าอวิ๋นเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ในเวลาเดียวกัน นางก็พบว่าตัวเองอยากรู้เกี่ยวกับผู้ชายที่อยู่ด้านล่างมากขึ้นเรื่อย ๆ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
อย่างไรก็ตาม ผู้ชายคนอื่น ๆ ในห้องโถงไม่ได้ใจดีขนาดนั้น คำสาปแช่งก่นด่าซูอันดังขึ้นมาจากทุกทิศทุกทาง
“เจ้าเป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลภรรยา! ทำไมถึงทำตัวเหิมเกริมแบบนี้?”
“ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าบรรพบุรุษของเจ้าทำอะไรให้เทพธิดาอย่างคุณหนูฉู่เลือกเจ้า! เจ้ามีภรรยาที่งดงามขนาดนั้นอยู่แล้ว ยังมีแก่ใจมองหาผู้หญิงคนอื่นอยู่อีกเหรอ!”
“ใช่! เจ้ากล้าดียังไงถึงขอแม่นางชิวไปเป็นภรรยาน้อย ไร้สาระที่สุด!”
…
แม้แต่หวางหยวนหลงก็สะกิดฉู่อวี้เฉิงอย่างเงียบ ๆ “คุณหนูใหญ่พูดแบบนี้จริง ๆ เหรอ?”
ฉู่อวี้เฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…แต่ถ้าคิดจากลักษณะนิสัยของนาง ไม่มีทางที่นางจะยอมให้เป็นเช่นนั้นหรอก”
ฉู่ฮงไฉที่เพิ่งฟื้นจากอาการงุนงงก่อนหน้านี้หันไปมองดูซูอันอย่างตกตะลึง ผู้ชายคนนี้มีความกล้ามากจริง ๆ! ไม่กลัวฉู่ชูเหยียนเลยหรือไง?
แม้ว่าฉู่ชูเหยียนจะไม่เข้ามาแทรกแซง แต่อ๋องฉู่และฮูหยินไม่มีทางยินยอมอย่างแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดยืนอยู่ข้างเดียวกันในตอนนี้ มันจึงไม่เหมาะที่พี่น้องทั้งสองจะวิจารณ์ซูอันอย่างเปิดเผย พวกเขาจึงค่อย ๆ ถอยห่างออกไปอีกสองสามก้าวเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกอยู่ใต้กระแสแห่งความเกลียดชังของแขกทั้งห้องโถง
ไม่มีใครตื่นเต้นมากไปกว่าเว่ยสั่ว “พวกเจ้าทุกคนควรรู้ว่าชายชาตรีผู้นั้นคือเพื่อนร่วมโต๊ะเรียนของข้า! ครึ่งหนึ่งของสาวงามสิบอันดับแรกของสถาบันจันทร์กระจ่างของเราถูกเขาแอ้มไปหมดแล้ว! เมื่อเทียบกับสาวงามทั้งหมดของเขา ชิวฮัวเล่ยเพียงคนเดียวจะถือเป็นอะไรได้!”
จากนั้นเขาเริ่มเล่าตำนาน ‘เจ้าแห่งแมงดา’ ของซูอันอย่างออกรส จนทุกคนรอบ ๆ ตัวเขาตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
เว่ยสั่วรู้สึกราวกับว่าเขากำลังดื่มด่ำกับความรุ่งโรจน์ของตัวเองในขณะที่เขาเห็นทีท่าตกใจของผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ ความตื่นเต้นในน้ำเสียงของเขายิ่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก
…
ซูอันยังคงเฉยเมยในขณะที่ฝูงชนที่เหลือเริ่มโกรธมากขึ้นกับเรื่องราวใหม่แต่ละเรื่องที่พวกเขาได้ยิน เขาเฝ้าดูคะแนนความโกรธแค้นของเขาอย่างเงียบ ๆ
สาปแช่งข้าไปเลยตามที่พวกเจ้าต้องการ! ยิ่งเกลียดข้า ข้าก็ยิ่งได้รับคะแนนความโกรธแค้น!
รอยยิ้มของชิวฮัวเล่ยหยุดนิ่ง ความสง่างามตามปกติของนางดูเหมือนจะหายไป และนางก็ไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อสถานการณ์นี้อย่างไร นางใช้เวลาสักครู่ในการครุ่นคิด และในที่สุดก็เผยรอยยิ้มเขินอายออกมา “เหตุผลที่ข้าเชิญทุกคนในวันนี้ก็เพื่อฟังคำวิจารณ์เกี่ยวกับเพลงของข้า ปล่อยให้เรื่องอื่น ๆ จบไปเถอะ”
คิ้วสวยของนางโค้งอย่างอ่อนโยนขณะที่นางพูด มุมริมฝีปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย และดวงตาของนางเต็มไปด้วยระลอกคลื่นที่น่าหลงใหล
ทุกคนที่มองดูนางก็รู้สึกใจละลายในทันที และพวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันด้วยความคิดเห็นในแนวทางเดียวกัน
“ใช่! หากเจ้าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับดนตรี ก็ปล่อยให้คนอื่นออกความคิดเห็นที่ชาญฉลาดกว่าเจ้าออกมาแทนจะดีกว่า”
“แม่นางชิว ท่านไม่ควรเสียเวลากับคนแบบนี้อีกต่อไป!”