เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 419 เจ้าดูเหมือนไม่ใช่คณิกาเลย
บทที่ 419 เจ้าดูเหมือนไม่ใช่คณิกาเลย
บทที่ 419 เจ้าดูเหมือนไม่ใช่คณิกาเลย
ซูอันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความชื่นชม บางคนได้รับพรจากสวรรค์มาเกิดจริง ๆ ทุกส่วนของร่างกายนางล้วนงดงามราวกับผลงานศิลปะ
“นั่นไม่ใช่เหตุผลจริง ๆ ที่ข้าดื่ม ข้าแค่ต้องการข้ออ้างสำหรับการกระทำที่หยาบคายหลังจากที่ข้าดื่มจนเมามาย”
ชิวฮัวเล่ยตกตะลึงจนหุบยิ้มไปชั่วขณะ แต่นางก็ตั้งตัวอย่างรวดเร็ว “ก่อนหน้านี้ ถ้าท่านพูดแบบนี้ ข้าคงคิดว่าท่านต่างจากที่คิดไว้ และอาจจะไล่ท่านออกไปทันที”
“อะไรทำให้เจ้าเปลี่ยนใจ?” ซูอันถามด้วยความอยากรู้
“ใครก็ตามที่สามารถเขียนเพลงได้อย่างล้ำลึกย่อมเป็นชายที่ชอบธรรมและกล้าหาญ ข้าแน่ใจว่าการกระทำที่หยาบคายและไร้การควบคุมของท่านเป็นเพียงรูปแบบการอำพรางตัวตนที่แท้จริงของท่าน” ชิวฮัวเล่ย ยกจอกขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้ามีความสุขจริง ๆ ที่ดนตรีทำให้นายน้อยและข้าสนิทกันมากขึ้น ผู้น้อยคนนี้ขอดื่มให้นายน้อยซู”
เมื่อได้กลิ่นหอมจากร่างกายของชิวฮัวเล่ยในอากาศ ซูอันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ใครว่าผู้มีพรสวรรค์จะหมกมุ่นในเรื่องกามอารมณ์ไม่ได้?”
รอยยิ้มหยาบคายของจี้เติ้งถูปรากฏขึ้นในหัวของเขา เขารีบกำจัดภาพนั้นออกจากหัวอย่างรวดเร็ว “นอกจากนี้ เพลงนั้นไม่ใช่ผลงานของข้า ข้าแค่แบ่งปันท่วงทำนองของผู้อื่นให้เจ้าฟังเท่านั้น”
ความคิดถึงบ้านทำให้ชายหนุ่มหดหู่ใจ และกังวลว่าเขาจะกลับไปโลกเดิมได้อีกหรือไม่ ซูอันยกจอกขึ้นแล้วกระดกเหล้าลงคอในครั้งเดียว
ชิวฮัวเล่ยยกจอกขึ้นดื่มโดนทิ้งรอยปากไว้ที่ขอบ “นายน้อยถ่อมตัวเกินไปแล้ว แม้ว่าฮัวเล่ยจะเป็นคนโง่ แต่ข้าก็คุ้นเคยกับเพลงทุกประเภท นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเพลง ‘ยิ้มเย้ยยุทธจักร’ ถ้านายน้อยซูไม่ได้เป็นคนเขียนมัน แล้วจะมีใครอีกล่ะ?”
ซูอันดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ลังเล ชายหนุ่มเลิกคิดที่จะอธิบาย ยังไงเสีย ไม่มีทางที่เขาจะบอกนางว่าตัวเองมาจากโลกอื่นอยู่ดี
โลกใบนี้นี่ผิดปกติจริง ๆ! เมื่อไหร่ก็ตามที่ข้าพูดความจริง ไม่มีใครเชื่อข้า แต่เมื่อไหร่ที่ข้าพูดโกหก ทุกคนกลับเชื่อคำพูดของข้าอย่างไร้ข้อสงสัย!
เออ…ดีจริง ๆ!
“ข้าขอถามอะไรนายน้อยหน่อยได้หรือไม่?” ชิวฮัวเล่ยมองเขาอย่างสงบด้วยดวงตาที่งดงามของนาง
“ได้โปรดอย่าเรียกข้าว่านายน้อย เจ้าเรียกข้าว่า อาซู เถอะ” ซูอันตอบ “เจ้าจะถามอะไรข้า?”
ชิวฮัวเล่ยกล่าวว่า “พูดตามตรง ข้าเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับนายน้อยมาบ้าง…”
“เจ้าคงเคยได้ยินว่าข้าเป็นแค่เศษขยะสินะ? เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลถึงความรู้สึกของข้า” ซูอันหัวเราะอย่างไร้กังวล “ข้าเคยชินกับมันแล้ว”
ชิวฮัวเล่ยหน้าแดง นางถามเขาต่อด้วยความสงสัย “วันนี้ข้าค้นพบว่านายน้อยเป็นคนที่โดดเด่นมากจริง ๆ ทำไมท่านต้องแกล้งทำตัวเป็น…อะไรก็ตามที่ไม่ใช่ตัวท่านเองด้วย?”
นางไม่สามารถหาคำพูดที่เหมาะสมที่จะพรรณนาถึงซูอัน คำว่า ‘หยาบคาย’ ดูเหมือนค่อนข้างเหมาะสม แต่นางจะพูดอย่างนั้นได้อย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้?
“ข้าไม่ได้แสร้งทำเป็นว่าข้าเป็นคนแบบที่คนอื่นเข้าใจสักหน่อย” ซูอัน ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
ชิวฮัวเล่ยปฏิเสธที่จะเชื่อเขา “ดูเหมือนว่านายน้อยยังคงปกปิดตัวเองเวลาอยู่กับข้า” นางกล่าวด้วยสีหน้าเจ็บปวด
ซูอันสาปแช่งอยู่ในใจ เราเป็นสามีภรรยากันหรือเปล่า? เรายังไม่ได้นอนด้วยกันเลยด้วยซ้ำ ทำไมเจ้าถึงกล้าพูดแบบนี้?
เมื่อสังเกตเห็นความเงียบของเขา ชิวฮัวเล่ยจึงซักถามเพิ่มเติม “นายน้อยกังวลหรือไม่ว่า การโดดเด่นเกินไปอาจทำให้ตระกูลฉู่ไม่สบายใจ?”
ซูอันจ้องมองนางอย่างว่างเปล่า “ทำไมตระกูลฉู่ถึงจะรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น?”
ชิวฮัวเล่ยยิ้มเล็กน้อย “ปัจจุบัน อ๋องฉู่มีลูกสาวสองคนและลูกชายหนึ่งคน ลูกชายรับราชการในเมืองหลวง ในขณะที่ลูกสาวคนที่สองของเขาเป็นที่รู้จักในเรื่อง…ที่รู้กันทั่วไปว่าเป็นเด็กที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวจนควบคุมไม่ได้ ไม่มีทางที่นางจะสามารถจัดการดูแลเรื่องของตระกูลฉู่ได้”
ซูอันหัวเราะออกมา เจ้ากำลังจะบอกว่านางเป็นที่รู้จักในที่สาธารณะว่าเป็นคนโง่เง่าไร้ค่าใช่ไหม?
จริง ๆ แล้วเด็กสาวคนนั้นกับข้าเป็นคู่หูที่ดีต่อกันจริง ๆ คนไร้ค่ากับคนไร้ค่า ฮ่า ๆ
การแสดงออกของชิวฮัวเล่ยดูอึดอัดและกระอักกระอ่วน นางกล่าวต่อว่า “เกือบครึ่งหนึ่งของกิจการของตระกูลฉู่ ได้รับการจัดการโดยคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ทั้งสวยและมากไปด้วยพรสวรรค์ นางเป็นทายาทที่เหมาะสมที่สุดของตระกูลฉู่ น่าเสียดายที่นางเป็นเพียงผู้หญิง นั่นทำให้การเลือกคู่ของนางลำบากเล็กน้อย ถ้าได้สามีเก่งเกินไป เขาอาจจะยึดครองตระกูลฉู่ เหมือนนกเขาเต่าที่ยึดรังของนกกางเขน”
“นี่คือเหตุผลที่คุณหนูฉู่ พยายามเลือก…เลือกคนเช่นท่าน ที่ไม่มีภูมิหลังที่โดดเด่น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตั้งใจเลือกคนที่ไม่มีคุณสมบัติในการเป็นสามีของนาง ข้าคิดว่าข้าเดาเจตนาของคุณหนูฉู่ได้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้พบกับนายน้อยในวันนี้ ข้าก็ได้รู้ว่าข้าคิดผิดอย่างมหันต์”
“ท่านจงใจหลอกคุณหนูฉู่ หรือคุณหนูเลือกท่านเป็นสามีของนาง เพราะนางรู้ความสามารถที่แท้จริงของท่านตั้งแต่แรก?”
ซูอันหมุนจอกหยกในมือช้า ๆ ก่อนที่เอนตัวพิงกับผนังห้องโดยสาร การแสดงออกของเขาเริ่มอ่านยาก “นี่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่คณิกาควรกังวลใช่ไหม? เจ้าเป็นใครกันแน่?”
“ข้าคือชิวฮัวเล่ย คณิกาอันดับหนึ่งแห่งหอสุขนิรันดร์! นายน้อยลืมเร็วไปหรือเปล่า?” ชิวฮัวเล่ยขมวดคิ้วใส่เขาด้วยท่าทางฉุนเฉียว
“เจ้าอ้างว่าเป็นเพียงคณิกา แต่เจ้ากลับกังวลเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลฉู่ขนาดนี้ เจ้าได้วิเคราะห์ทุกอย่างอย่างละเอียดละออ นางคณิกาธรรมดา ๆ จะทำอย่างเจ้าเหรอ?” ซูอันเย้ยหยัน
ชิวฮัวเล่ยถอนหายใจ “ไม่นานมานี้เองไม่ใช่เหรอที่นายน้อยตะโกนบอกผู้ชายคนอื่น ๆ ว่าท่านจะปฏิบัติกับข้าอย่างอ่อนโยน?”
ซูอันอึ้งจนพูดไม่ออก
ไม่ว่าหน้าของเขาจะหนาแค่ไหน เขาก็ยังรู้สึกเขินอายอย่างยิ่งที่นางรู้ว่าเขาพูดอะไรแบบนั้นออกไป
“ข้าก็แค่พูดยั่วพวกเขาเล่น ๆ ก็แค่นั้นเอง ฮ่า ๆ!” ซูอันพยายามอย่างยิ่งที่จะกลบเกลื่อนคำพูดก่อนหน้านี้ของตัวเองอย่างกระอักกระอ่วน
“แต่คืนนี้ข้าเลือกพบท่านคนเดียวแล้ว! การพูดแบบนั้นทำให้ชื่อเสียงของข้าพังยับเยิน มันทำให้คนอื่น ๆ เข้าใจว่าข้าไม่ใช่ผู้หญิงที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาอีกต่อไปในสายตาของพวกเขา!” ชิวฮัวเล่ยใจสลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่นางพูด น้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตาของนาง
ซูอันต้องยอมให้กับนางจริง ๆ เสน่ห์ของผู้หญิงคนนี้รุนแรงมาก แม้เขาจะรู้ดีว่านางกำลังแสดงละคร แต่เขาก็ยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้มีอารมณ์ร่วมไปด้วยได้
ชิวฮัวเล่ยสะอื้นในขณะที่นางพูดว่า “แม้ว่าวันนี้ข้าจะเลือก…เลือกท่าน แต่ข้าก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไร้หัวใจ… แน่นอนข้าต้องถามเกี่ยวกับสถานการณ์ครอบครัวของท่าน! ข้าต้องถามว่าภรรยาของท่านเป็นผู้หญิงที่ขี้อิจฉาหรือไม่ และถ้าพ่อแม่ของนางจะไม่พอใจข้า…”
“นี่เป็นเหตุผลที่ข้าต้องการคำยืนยันจากนายน้อย! ข้าพยายามตัดสินใจเรื่องสำคัญก่อนหน้านี้ ข้าไม่คิดว่านายน้อยจะเข้าใจผิด…
“หลังจากใช้เวลาหลายปีในหอคณิกา ข้าได้ยินเรื่องราวโศกนาฏกรรมของคณิการุ่นพี่มามากเกินไป ถ้าไม่ใช่ผิดหวังในความรัก ก็เจอครอบครัวที่มีคนหัวรุนแรง หรืออาจไม่มีความสุขอีกเลยในชีวิตที่เหลือ”
“ฮัวเล่ย ไม่ต้องการให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นกับฮัวเล่ย…”