เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 427 สตรีแสนงามมาเยือนถึงห้อง
บทที่ 427 สตรีแสนงามมาเยือนถึงห้อง
บทที่ 427 สตรีแสนงามมาเยือนถึงห้อง
ความเย็นของคมกระบี่ทำให้ซูอันขนลุกทันที “ท่านวีรบุรุษ ท่านต้องการเงินหรือต้องการ…ร่างกายของข้า? เรามาคุยกันดี ๆ ก่อน! และได้โปรดจับกระบี่ให้ดี ๆ อย่าเผลอทำพลาดจนมันบาดคอข้า!”
ขณะที่ชายหนุ่มพูด เขาได้เตรียมใช้วิชาจ้าววายุอย่างลับ ๆ เพื่อหนีออกไป
เสียงหัวเราะดังมาจากข้างหลังเขา “เงินของเจ้ายังพอมีประโยชน์ แต่อย่างหลัง…เจ้าคิดว่านั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการจริง ๆ เหรอ?”
ผู้หญิง?
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงของผู้บุกรุก ชายหนุ่มอาจจะกังวลเล็กน้อยหากเป็นผู้ชายมาลอบสังหารเขา แต่กับผู้หญิง…เสน่ห์ของเขาช่วยได้เสมอ!
“วีรสตรีผู้สูงศักดิ์ ข้าคงต้องขอออกความเห็นขัดแย้งกับท่าน ท่านไม่สามารถดูถูกใบหน้าที่หล่อเหลาของข้าได้!” ซูอันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“เฮอะ! ลิ้นของเจ้านี่มันช่างลื่นไหลเกินทน ไม่น่าแปลกใจที่ชิวฮัวเล่ยจะตกหลุมรักเจ้า!” หลังจากพูดจบ กระบี่ที่พาดอยู่กับคอของเขาก็ถูกถอนไป
จากนั้น ซูอันก็หันกลับมาอย่างระมัดระวัง ผู้หญิงสวมหน้ากากเดินกะโผลกกะเผลกไปที่เตียงของเขา
หน้าอกของนางกระเพื่อมขณะที่นางนั่งลง
ซูอันกลืนน้ำลาย “ใหญ่…” เขาอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาโดยอัตโนมัติ
แม้ว่าเขาจะชื่นชอบเรือนร่างของหญิงสาว แต่ก็ไม่มีทางที่จะเสียอาการไปได้ง่าย ๆ เช่นนี้
แต่ชุดของนางรัดรูปจนเกินไป และร่างของนางก็มีเสน่ห์มากเกินกว่าที่ซูอันจะรับมือได้!
แต่ชายหนุ่มรู้ว่าเขากำลังจะมีปัญหาทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกจากปาก แน่นอนว่าดวงตาของหญิงสาวที่สวมหน้ากากนั้นแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “เจ้าพูดว่าอะไรนะ!?”
“ข้าแค่บอกว่าข้าตรวจพบ…ความหึงหวงจากน้ำเสียงของแม่นางเพ่ย”
ซูอันแก้ตัวอย่างรวดเร็วโดยการเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน เขาสามารถบอกได้ทันทีว่านางเป็นใคร ด้วยดวงตาสีพีชและหน้าอกที่ใหญ่โตของนาง แม้ว่าจะสวมหน้ากากปกปิดไว้ก็ตาม
“ข้า? หึงหวง?” เพ่ยเหมียนหมานถอดหน้ากากออกและโยนทิ้งไปด้านข้าง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง “ก่อนหน้านี้ข้าเบามือกับเจ้ามากเกินไปใช่ไหม?”
ซูอันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมา แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการวิตกอะไร เขายักไหล่และตอบกลับอย่างสบาย ๆ “ช่างมันเถอะ ข้าจะลืม ๆ มันไปก็แล้วกัน เฮ้อ…บางครั้งคนที่โดดเด่นเช่นข้าก็มักจะเป็นที่ชื่นชอบของเพศตรงข้ามมากจนทำตัวไม่ถูก”
เพ่ยเหมียนหมานพ่นลมหายใจอย่างดูถูก “ข้าไม่รู้ว่าชูเหยียนทนเจ้าได้ยังไงจริง ๆ!”
“เจ้าไปที่ห้องของชูเหยียนมาเหรอ?”
ซูอันตื่นตระหนกทันที เขายุ่งอยู่กับการรักษา ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะรู้ถึงความเคลื่อนไหวด้านนอกห้องได้ การรักษาความปลอดภัยนอกห้องนั้นแน่นหนา ดังนั้น เว้นแต่นางจะมีทักษะการเคลื่อนไหวอย่างเขา นางก็น่าจะถูกตรวจพบไปแล้ว
“ข้าเปล่า” การแสดงออกของเพ่ยเหมียนหมานเริ่มแปลก นางไม่ได้ไปเยี่ยมเพื่อนสนิทแต่กลับมาหาสามีของเพื่อนแทน…
“ข้าได้ยินมาว่านางไม่ค่อยสบาย ข้าเลยไม่อยากรบกวนนาง” นางรีบพูดเสริม
หลังจากพูดเช่นนี้ นางก็ขมวดคิ้ว แล้วงอตัวในท่าทางที่ผิดปกติ
“เจ้าได้รับบาดเจ็บ?” ซูอันสังเกตว่าการเคลื่อนไหวของนางแข็งทื่อเล็กน้อย ในที่สุดชายหนุ่มก็เข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ฮึ่ม! อุตส่าห์ไปช่วยเจ้า แต่เจ้ากลับหนีไปพร้อมกับนังจิ้งจอกนั่น! เจ้าทิ้งให้ข้าจัดการกับเฉินเซวียนที่อยู่ในระดับ 6 และโจรค่ายเมฆาทมิฬ ทั้งหมดคนเดียว! กล้าดียังไงมาถามข้าว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” เพ่ยเหมียนหมานระเบิดอารมณ์ทันที นางโกรธจริง ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ชิวฮัวเล่ยและซูอันหนีไปด้วยกัน
—
ท่านยั่วยุเพ่ยเหมียนหมานสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 66… 66… 66…
—
ซูอันรู้สึกละอายใจทันที “ข้าเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่า ตอนนั้นชิวฮัวเล่ยจะลากข้าลงไปในน้ำกับนาง! ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก…ตอนที่ข้ารู้สึกตัว ข้าก็สำลักน้ำไปแล้ว! นางพาข้าไปที่ริมฝั่งแม่น้ำ เมื่อมีโอกาสหันหลังกลับ ข้าเห็นว่าเจ้าสองคนดูสูสีกัน นอกจากนี้ กองทหารป้องกันเมืองก็กำลังมาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ ถ้าขืนข้ากลับไปช่วยเจ้ามันก็รังแต่จะสร้างปัญหาให้กับเจ้ามากขึ้น”
เขาจงใจไม่เอ่ยถึงว่าชิวฮัวเล่ยป้อนอากาศแก่เขา เรื่องนี้ทำให้ภรรยาของเขาไม่พอใจไปหนึ่งคนแล้ว เขาจึงไม่ต้องการทำให้ผู้หญิงอีกคนโกรธเป็นคนที่สอง
ขอบคุณสวรรค์ที่เขาเช็ดชาดออกจากปากไปแล้ว ไม่เช่นนั้นวันนี้อาจเป็นวันงานศพของเขาจริง ๆ
“ฮึ่ม! อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีเหตุผลอยู่บ้าง!” เมื่อได้ยินว่าเขาก็ให้ความสนใจกับสถานการณ์ของนางเช่นกัน การแสดงออกของเพ่ยเหมียนหมานก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ถึงแม้ว่าจะเลวทราม แต่เฉินเซวียน ยังคงเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 6 กับคนอย่างเขา เจ้าโชคดีแล้วที่รอดออกมาได้ ส่วนข้านอกจากอาการบาดเจ็บเล็กน้อยก็ไม่มีอะไร”
ดวงตาของซูอันเบิกกว้าง “เจ้าเจ็บตรงไหน? ข้ามียา!”
วิชาวัฏจักรหงส์อมตะมักทำให้เขาอยู่ในสภาพใกล้ตายเสมอ หลังจากที่เขามีเงินจำนวนมากแล้ว สิ่งแรกที่เขาทำคือตุนยาฟื้นฟู ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยาที่ดีที่สุดของจี้เติ้งถู
“เจ้าถามว่าข้าเจ็บตรงไหน แต่ทำไมเอาแต่จ้องหน้าอกข้า?” เพ่ยเหมียนหมานยิ้มแต่แววตาดูดุร้าย
ซูอันหน้าแดงก่ำ “ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บที่ไหน เลยมองสำรวจไปทั่ว ๆ!” เขาตอบอย่างเร่งรีบ
“อย่าพยายามเดา มันไม่ใช่ที่ที่เจ้าคิด!” เพ่ยเหมียนหมานเย้ยหยัน “ทำไมชูเหยียนถึงชอบคนเลวอย่างเจ้าได้? ข้าไม่เข้าใจเลยจริง ๆ! ไม่เพียงแค่นางเท่านั้น แต่นังจิ้งจอกชิวฮัวเล่ยนั่นก็ด้วย! นังนั่นก็ดูชอบเจ้าเช่นกัน ข้าไม่เห็นว่าเจ้าจะมีอะไรพิเศษเลยสักนิด”
ซูอันยิ้มอย่างเขินอาย “ข้าเป็นคนที่มีเสน่ห์อันซ่อนเร้น เจ้าจะต้องอยู่ใกล้ข้ามากกว่านี้ถ้าต้องการค้นหาความพิเศษของข้า”
“เจ้า? เสน่ห์ซ่อนเร้น?” เพ่ยเหมียนหมานแทบจะหัวเราะออกมาทันที แต่จากนั้นนางก็สะดุ้งด้วยความเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บของนาง คิ้วสวยของนางขมวดเข้าหากัน
“เจ้าเจ็บหลังงั้นเหรอ?” ซูอันมั่นใจแล้วว่านางได้รับบาดเจ็บ ในเรื่องของการได้รับบาดเจ็บ เขาเป็นมืออาชีพที่แท้จริง
“อืม” เพ่ยเหมียนหมานตอบรับ แต่เมื่อนางเห็นว่าเขากำลังจะเดินเข้ามาตรวจดูนาง นางก็ยกกระบี่ขึ้นทันที “มันไม่ใช่ธุระของเจ้า บาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับข้า”
ซูอันตกใจและขบขัน ผู้หญิงคนนี้มักจะทำตัวเจ้าชู้หว่านเสน่ห์อยู่เสมอ แต่จริง ๆ แล้วนางกลับเป็นสาวหัวโบราณคนหนึ่ง!
“มันจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ถ้าไม่รีบรักษา” ซูอันเตือน
เพ่ยเหมียนหมานเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กเหรอ? ผู้บ่มเพาะแตกต่างจากคนทั่วไป และข้าฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเสมอ ข้าได้รับบาดเจ็บนับครั้งไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่ข้ายังเป็นเด็ก เจ้าเห็นรอยแผลเป็นบนตัวข้าไหม?”
“ในตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าเป็นลูกสาวซึ่งถูกครอบครัวเลี้ยงมาแบบประคบประหงม แต่ดูเหมือนว่าที่ผ่านมาชีวิตเจ้าคงจะค่อนข้างลำบาก”
ซูอันรู้สึกสงสารเมื่อได้ยินว่านางได้รับบาดเจ็บมากมายในวัยเด็ก ความจริงเรื่องนี้ขัดแย้งกับนิสัยร่าเริงและเจ้าชู้ของนางอย่างสิ้นเชิง
รอยยิ้มของเพ่ยเหมียนหมานหายไปทันที “ข้าไม่ต้องการความเห็นอกเห็นใจจากเจ้า!”
ดูเหมือนว่าซูอันไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของนาง “ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่บอกชูเหยียนเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ทำไมข้าถึงต้องสนใจว่าเจ้าจะพูดถึงเรื่องนี้กับนางหรือไม่?” เพ่ยเหมียนหมานหันไป แต่ท่าทางของนางดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“เรายังคงต้องดูแลแผลของเจ้าโดยเร็วที่สุด” ซูอันค้นดูลิ้นชักและหีบต่าง ๆ ของตัวเอง “เราไม่สามารถดูถูกบาดแผลที่เกิดจากผู้บ่มเพาะระดับ 6 ได้ ชูเหยียนเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด เพราะความประมาทของนาง นางจึงยังคงทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บที่นางได้รับจากการต่อสู้กับอู๋ตี้ในงานประลองระหว่างตระกูลนั่น”
“อาการของชูเหยียนร้ายแรงขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?” สีหน้าของเพ่ยเหมียนหมานดูซับซ้อนขึ้น
“มันไม่เลวร้ายเกินไปนักหรอก สำหรับหมอเทวะซูนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย!” ซูอันได้ตอบกลับ
“เจ้า?” เพ่ยเหมียนหมานหัวเราะ “ข้าได้ข่าวว่าหมอเทวะจี้มาดูอาการให้นางไม่ใช่หรือไง?”
“ชีวิตของข้านี้ช่างโดดเดี่ยวและอ้างว้างเหน็บหนาวราวกับทุ่งหิมะปกคลุม…ไม่มีใครเชื่อข้าเมื่อข้าพูดความจริง…” ซูอันหยิบยาหลายชนิดออกมา “หันหลังมาให้ข้าดูหน่อย”
เพ่ยเหมียนหมานหันหลังด้วยความลังเลเล็กน้อย “อย่าคิดจะเอาเปรียบข้าเด็ดขาด ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แม้ว่าเจ้าจะเป็นสามีของชูเหยียนก็ตาม!” นางเขินอายจนแสร้งทำเป็นโกรธ
“ดูตาที่ไร้เดียงสาของข้าสิ! ข้าดูเหมือนคนแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?” ซูอันรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“ฮึ่ม!”
หลังจากการตรวจร่างกายอย่างรวดเร็ว ซูอันพบว่ามีแผลยาวที่หลังของนาง เสื้อผ้ารอบ ๆ ตัวนั้นชุ่มไปด้วยเลือด เพราะชุดของนางเป็นสีดำในตอนแรกจึงมองเห็นได้ไม่ชัดเจน “ไอ้ลูกหมาเฉินเซวียน! ทำไมถึงโหดร้ายได้ขนาดนี้!”
“เฮอะ เขาไม่ได้มีอะไรพิเศษ” เพ่ยเหมียนหมานเชิดคางอย่างเย่อหยิ่ง เห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการถูกประเมินต่ำเกินไป
“ใช่ ๆ ข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งและยอดเยี่ยมกว่า” ซูอันค่อย ๆ ฉีกผ้ารอบ ๆ บาดแผลของนาง
“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่!?” เพ่ยเหมียนหมานตัวแข็งทื่อ นางกำกระบี่แน่น