เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 431 จี้หยกล้ำค่า
บทที่ 431 จี้หยกล้ำค่า
บทที่ 431 จี้หยกล้ำค่า
ซูอันเริ่มตระหนักถึงภัยอันตรายที่ใกล้ตัวเข้ามาเรื่อย ๆ เมื่อรู้ว่าตอนนี้เขาต้องคอยระวังนักฆ่าอยู่ตลอดเวลา โจรนั่นอาจจะล้มเหลวในการลอบสังหารกี่ครั้งก็ได้ แต่ชีวิตของเขามีเพียงชีวิตเดียว!
“คุณหนูรอง นายน้อย! เราไม่พบนักฆ่า!” ผู้คุ้มกันตระกูลฉู่ที่มีรูปร่างผอมบางรายงานหลังจากค้นหาบริเวณโดยรอบ
ผู้คุ้มกันคนนี้ชื่อเจียวซานเหอ แม้ว่าเขาจะดูเหมือนลิงเล็กน้อย แต่ก็เป็นหน่วยสอดแนมที่โดดเด่นที่สุดในกองกำลังของตระกูลฉู่ และเป็นที่รู้จักว่ามีสติปัญญาเฉียบแหลมอย่างยิ่ง หลังจากเหตุการณ์ที่เสวี่ยเอ๋อร์พยายามลอบสังหารซูอัน ตระกูลฉู่จึงได้จัดให้เขาคอยปกป้องซูอันโดยเฉพาะ
“นักฆ่าหนีไปแล้ว” ซูอันกล่าวด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
ทหารคุ้มกันเหล่านั้นล้วนตกตะลึง ท่านรู้ได้ยังไงว่าโจรอยู่ที่ไหนหรือหนีไปแล้ว? แต่เมื่ออยู่ใกล้ ๆ ตัวนายน้อยนานพอ พวกเขาก็ตระหนักว่านายน้อยคนนี้มีความลับบางอย่าง ดังนั้นจึงไม่สงสัยในคำพูดของซูอัน
“ไปที่สถาบันจันทร์กระจ่างกันก่อนเถอะ เพื่อความปลอดภัย” ผู้คุ้มกันอีกคนพูด เขาคือเฟิงต้าหนิว ผู้อารมณ์ดีที่สุดในบรรดาผู้คุ้มกันทั้งสามคน เขามีรูปลักษณ์เหมือนวัวตัวผู้ที่ทั้งสูงและใหญ่ตามชื่อของเขา
“ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาในสถาบันจันทร์กระจ่าง ข้าจะแจ้งปัญหานี้ไปที่ตระกูลฉู่หลังจากนี้ทันที ขากลับผู้บัญชาการเยว่จะมารับคุณหนูรองและนายน้อยกลับไปที่คฤหาสน์ด้วยตัวเองแน่นอน” ผู้คุ้มกันอีกคนกวาดสายตาข่มขู่ทุกคนที่พยายามจะเข้าใกล้พวกเขา
คน ๆ นี้เป็นทหารคุ้มกันฝีมือดีอีกคนหนึ่งที่ตระกูลฉู่มอบหมายให้ดูแลซูอัน ชื่อโจวหลูจวิ้น วิชากระบี่ของเขาเย็นชาและเด็ดขาดพอ ๆ กับรูปร่างหน้าตาของเขา…
“ตกลง!” ซูอันไม่คัดค้าน สถาบันจันทร์กระจ่างเต็มไปด้วยบุคคลที่มีอำนาจและความสามารถ เฉินเซวียนจะต้องตายแน่นอนหากบุกเข้าไปที่นั่น
ซูอันเห็นท่าทางตื่นตระหนกของน้องภรรยา ดังนั้นจึงพยายามปลอบนางด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮวนเจาไม่ต้องกลัว นักฆ่าหนีไปแล้ว” พอคิดดูดี ๆ แล้วนางยังเด็กอยู่เลย
“พี่เขย ท่านได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ส…สวรรค์ ทำไมมีเลือดมากขนาดนี้!” มือเล็ก ๆ ของฉู่ฮวนเจาสำรวจร่างกายของเขา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวล
“ข้าไม่เป็นไร นี่เป็นเลือดม้าทั้งหมด ม้าตัวนั้นรับการโจมตีทั้งหมดเข้าไปเต็ม ๆ!” ซูอันรู้สึกแย่มากภายในใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับม้าตัวนั้นนานนัก แต่ก็รู้สึกผูกพันกับมัน
เขาจะทำให้เฉินเซวียนชำระหนี้ครั้งนี้อย่างแน่นอน
“ดีแล้ว ๆ” ฉู่ฮวนเจาค่อย ๆ ฟื้นจากอาการช็อก นางตกใจกลัวจนลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว
เมื่อเห็นเจ้านายสองคนนี้จับมือถือแขนกัน ปลอบโยนกันอย่างใกล้ชิด เจียวซานเหอและผู้คุ้มกันคนอื่น ๆ ก็มองหน้ากันอย่างสับสน
“คุณหนูรองกับนายน้อยอยู่ใกล้กันเกินไปไหม?”
“ข้าไม่คิดว่าเราควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของเจ้านายมากเกินไป”
“แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาจริง ๆ? ท่านอ๋องและฮูหยินจะตำหนิพวกเราหรือไม่?”
“ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะทำอย่างนั้นนะ นอกจากนี้ คุณหนูรองยังเด็กมาก นายน้อยจะทำอย่างนั้นจริงเหรอ? เขาเหมือนพวกจิตวิปริตหรือไง?”
“สำหรับข้าแล้ว เขาเป็นแบบนั้นนะ…”
…
หลังจากนั้นกลุ่มของซูอันก็รีบมุ่งหน้าไปที่สถาบันจันทร์กระจ่าง ผู้คุ้มกันสามคนยังคงเฝ้าอยู่ที่ทางเข้า ขณะที่ฉู่ฮวนเจาแยกไปเข้าชั้นเรียนของนางเอง
ซูอันกลับไปที่เรือนพักส่วนตัวของเขาแทนเพราะต้องการล้างเลือดทั้งหมดออกไปซะก่อน
แต่ในขณะที่เขาเพิ่งถอดเสื้อผ้าออกจู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่หน้าประตู หัวใจของเขาสั่น เฉินเซวียนจะกล้าแอบเข้ามาในสถาบันจันทร์กระจ่างจริง ๆ เหรอ?
เขากำกระบี่ไท่เอ๋อร์ในมือแน่น เขาเหวี่ยงประตูเปิดออกและผลักออกไปด้านนอก
“ว๊าย!”
มีเสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นทันที ซูอันรีบชักกระบี่ของเขากลับด้วยความตื่นตระหนก เขารู้สึกอายทันทีเมื่อเห็นความงามอันน่าทึ่งของหญิงสาวตรงหน้าเขา “พี่สาวซาง ท่านมาที่นี่ทำไม?”
“ข้า…ข้าบังเอิญว่าเดินผ่านมาและพอเห็นว่ามีคนอยู่ข้างใน…เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย ข้าเลยตัดสินใจเข้ามาทักทาย”
วันนี้ซางหลิวอวี้สวมกระโปรงยาวสีเขียว นางหายจากอาการตกใจอย่างรวดเร็ว “ว่าแต่เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร? ทำไมจู่ ๆ ถึงชักกระบี่ออกมาแบบนี้…”
ก่อนที่นางจะจบประโยค นางสังเกตเห็นกล้ามเนื้ออันกำยำบนร่างกายส่วนบนที่เปิดโล่งของเขา สีแดงจาง ๆ แผ่กระจายไปทั่วลำคอของนางในทันที
“เข้ามาก่อนเถอะ” ซูอันก้าวไปด้านข้างและโบกมือให้นางเข้าไป มันคงน่าอายถ้าคนที่เดินผ่านไปมาเห็นเขายืนเปลือยท่อนบนอยู่ข้างนอกแบบนี้
ซางหลิวอวี้มองท่อนบนของซูอันอย่างลังเล ในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นของนางก็ชนะ นางจึงเดินเข้ามาภายในเรือนพักในที่สุด
ซูอันปิดประตูและกล่าวว่า “เราพบนักฆ่าระหว่างทางมาที่นี่ ดังนั้นอารมณ์จิตใจของข้าจึงไม่ค่อยดีนัก”
“นักฆ่า? มีคนหมายปองชีวิตเจ้าเหรอ?” คิ้วที่สวยงามของซางหลิวอวี้ ขมวดเข้าหากัน นางนึกไม่ออกว่าใครกล้าพอที่จะทำร้ายซูอันอย่างโจ่งแจ้ง เขาไม่ใช่แค่นายน้อยของตระกูลฉู่ แต่ยังเป็นอาจารย์ของสถาบันจันทร์กระจ่างด้วย
“เฉินเซวียนแห่งค่ายเมฆาทมิฬ” ซูอันเติมน้ำลงในอ่าง จากนั้นเขาก็เล่าเหตุการณ์อย่างละเอียดในขณะที่เช็ดเลือดม้าที่ยังคงเปรอะเปื้อนอยู่ทั่วตัว
ซางหลิวอวี้หันศีรษะไปด้านข้างอย่างเชื่องช้า แกล้งทำเป็นชื่นชมทิวทัศน์ของสวน “เฉินเซวียนแห่งค่ายเมฆาทมิฬ? เจ้าไปล่วงเกินอะไรเขาล่ะ?”
“เขาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเหมยเชาฟง ผู้ดูแลบ่อนโกยเงิน” แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากนัก แต่ซูอันก็ยังเชื่อมั่นในตัวของซางหลิวอวี้ เขาไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องปิดบังอะไรจากนาง
“สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นอย่างนี้เอง” ซางหลิวอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าได้ยินมาว่าระดับการบ่มเพาะของเฉินเซวียนอยู่ในระดับที่ 6 แล้ว เจ้าจะทำยังไงต่อไป?”
“อย่าห่วงไปเลย ข้าหนังเหนียวไม่ตายง่าย ๆ หรอก!” ซูอันพูดด้วยรอยยิ้มขัดแย้งกับภายในใจที่เคร่งเครียด หากต่อสู้กันตรง ๆ ผลของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ อาจทำให้เขามีโอกาสกำชัยชนะ ทว่าเฉินเซวียนไม่ได้ตั้งใจจะต่อสู้กับเขาตรง ๆ แต่ใช้วิธีลอบสังหารแทน
ในครั้งนี้ ซูอันโชคดีที่ได้รับการแจ้งเตือนจากคะแนนความโกรธแค้น แต่ไม่มีใครรู้ว่าโชคของเขาจะยังดีอยู่ในครั้งต่อ ๆ ไปหรือไม่
ซางหลิวอวี้ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบวัตถุคล้ายจี้ออกมา “เก็บสิ่งนี้ไว้กับตัว มันอาจจะช่วยชีวิตเจ้าได้ในช่วงเวลาที่สำคัญ”
“มันคืออะไร?” ในตอนแรกซูอันคิดว่ามันเป็นจี้หยก แต่หลังจากพลิกมันไปมา เขาพบว่ามันบางกว่าจี้หยกทั่วไปมาก วัตถุสีขาวนี้ดูเหมือนจะเปล่งประกายด้วยแสงสีน้ำเงินจาง ๆ
ซางหลิวอวี้ลังเลแล้วตอบว่า “เจ้าจะคิดว่ามันเป็นจี้หยกก็ได้ แต่มันสามารถช่วยเจ้าจากการโจมตีที่ร้ายแรงได้หนึ่งครั้ง แต่จำไว้ว่ามันจะแตกทันทีหลังจากถูกใช้งาน ดังนั้นหลังจากที่ใช้งานเสร็จ เจ้ายังต้องต่อสู้ต่อไปด้วยตัวเอง”
“แม้ว่ามันจะป้องกันการโจมตีที่ร้ายแรงได้เพียงครั้งเดียวก็ตาม แต่นี่มันยอดเยี่ยมสุด ๆ ไปเลย!” ซูอันไม่คิดว่าของชิ้นเล็ก ๆ แค่นี้จะมีประโยชน์มหาศาลขนาดนี้ ชายหนุ่มนิ่งอึ้งและพยายามส่งคืนให้นาง “แต่ข้าคงรับของที่ล้ำค่าขนาดนี้ไม่ได้หรอก!”
ซางหลิวอวี้ยิ้ม แต่ไม่รับกลับคืนมา “แม้แต่สิ่งของล้ำค่าที่สุดก็ไม่อาจมีค่าเท่ากับชีวิต เก็บมันไว้ ข้าไม่อยากเห็นเพื่อนเช่นเจ้าตายไปง่าย ๆ”
“ตกลง ข้าจะไม่ปฏิเสธน้ำใจของเจ้า ข้ามั่นใจว่ามันจะช่วยข้าได้มากจริง ๆ” ซูอันเก็บ ‘จี้หยก’ ไว้ “แต่ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนเจ้าเลย…เจ้าต้องการเงินหรือเปล่า?”
เขาไม่ได้มีของมีค่าอะไรในตัวตอนนี้ หินพลังชี่ระดับสวรรค์นั้นเป็นของหมี่ลี่ เขาจึงไม่กล้าเอาไปให้ใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางขู่เขาว่าจะฆ่าคนที่ครอบครองของของนาง เขาก็ไม่มียาชะล้างไขกระดูกด้วย และถึงแม้ว่าจะมี แต่ซางหลิวอวี้ก็ไม่ได้ดูเหมือนเป็นคนที่ใส่ใจเรื่องการบ่มเพาะ การฆ่า หรืออะไรทำนองนั้น
สิ่งเดียวที่มีค่าในตอนนี้คือตั๋วเงิน คือว่า…เขาไม่สามารถเสนอร่างกายของตัวเองได้ใช่ไหม?
เขาคงไม่ลังเลแน่นอนหากนางต้องการ…แต่พอคิดถึงบุคลิกของนาง นางคงโกรธเขาแทนแน่ ๆ หากลองถามคำถามนี้ออกไป…
**