เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 442 ใครบอกว่าอาหารในหอนางโลมไม่อร่อย
บทที่ 442 ใครบอกว่าอาหารในหอนางโลมไม่อร่อย?
บทที่ 442 ใครบอกว่าอาหารในหอนางโลมไม่อร่อย?
เจียวซานเหอและทหารคุ้มกันอีกสองคนแนะนำให้ซูอันเดินทางด้วยรถม้าในวันนี้ ถ้าซูอันอยู่ในรถม้าที่ปิดมิดชิดก็จะไม่มีใครรู้ว่าเป็นเขา ซึ่งมันจะเพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้นอีกระดับหนึ่ง
แต่ซูอันปฏิเสธคำแนะนำนี้ เพราะหากชายหนุ่มนั่งรถม้า ก็จะไม่สามารถสังเกตเห็นอันตรายได้ล่วงหน้า
นี่เป็นเรื่องของความเป็นและความตาย! เขาไม่ต้องการมอบความได้เปรียบให้กับศัตรู
ซูอันขี่ม้าไปตามถนนด้วยสีหน้าภาคภูมิใจราวกับประกาศการมีอยู่ของตัวเองไปทั่วโลก ทหารคุ้มกันทั้งสามถึงกับพูดไม่ออก ทว่าเนื่องจากสิ่งต่าง ๆ กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว พวกเขาจึงทำได้เพียงกัดฟันและอธิษฐานขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไกลออกไป พ่อค้าเร่คนหนึ่งแอบปล่อยนกพิราบขึ้นไปบนฟ้า
ไม่นานหลังจากนั้น นกพิราบตัวเดียวกันก็บินเข้าไปในเรือนแห่งหนึ่งในย่านที่ไม่ค่อยมีผู้คนอาศัยอยู่ และชายผมแดงก็หยิบกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ออกจากขาของมัน เขาขมวดคิ้วเมื่ออ่านข้อความที่เข้ารหัสไว้ก่อนที่จะพึมพำกับตัวเอง “มันกล้าออกมาเร็วขนาดนี้เลยงั้นเหรอ? แถมพาทหารคุ้มกันออกมาด้วยเพียงแค่สามคน?”
ลูกน้องคนหนึ่งของเขาที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ไอ้เด็กนี่มันรนหาที่ตายจริง ๆ! หัวหน้า…นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะได้กำจัดมันและล้างแค้นให้กับหัวหน้ารอง!”
เฉินเซวียนคำรามกลับทันที “เจ้าจำสิ่งที่ข้าเคยสอนเอาไว้ไม่ได้หรือไง!! อย่าดูถูกศัตรูของเจ้าจนเกินไป แล้วเจ้าจะมีชีวิตที่ยืนยาวได้! ไอ้เวรซูอันนี่ได้ล้มล้างสำนักดอกบ๊วย และถึงกับจบชีวิตหัวหน้ารองของเจ้า! เจ้าคิดว่ามันเป็นคนโง่เง่าจริง ๆ หรือไง?”
ลูกน้องคนนั้นส่ายหัว “อ…เอ่อ ข้าไม่คิดเช่นนั้น”
เฉินเซวียนพ่นลมหายใจ “เท่าที่ข้าคิดนะ นี่เป็นกับดักล่อข้าออกไปแน่ ๆ!”
“แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะหัวหน้า? เราจะเสียโอกาสนี้ไปเปล่า ๆ เลยเชียวนะ…” ลูกน้องพึมพำ
เฉินเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ข้าจะไปเอง ส่วนพวกเจ้าอยู่ที่นี่ ในเมืองมีคนตามหาเราทุกที่ ถ้าพวกเจ้าทุกคนมาด้วย ก็มีแต่จะอันตรายมากขึ้น”
“ถ้างั้นหัวหน้าโปรดระวังตัวด้วย!” คนอื่น ๆ ต่างประสานมือคารวะและเปล่งเสียงแทบจะพร้อม ๆ กัน
เฉินเซวียนพุ่งออกจากเรือนอย่างเงียบเชียบ และหลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาจึงลูบหน้าตัวเองถอดหน้ากากบางเฉียบบนใบหน้าออก
เมื่อถอดหน้ากาก ใบหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนอย่างช้า ๆ เปลี่ยนไปคล้ายกับคนธรรมดาทั่วไปจนดูไม่เตะตาแม้แต่น้อยหากอยู่ในฝูงชน
แม้แต่ผมสีแดงราวกับไฟของเฉินเซวียนก็เปลี่ยนเป็นสีดำ ซึ่งเป็นสีที่พบเห็นได้ทั่วไปมากที่สุด
นี่คือมหาโจรเฉินเซวียนแห่งค่ายเมฆาทมิฬ ผู้ซึ่งอาละวาดปล้นฆ่ามาหลายปี เขาได้ทำสิ่งชั่วร้ายมามากมายโดยไม่มีใครสามารถจับเขาได้ คนอย่างเขาจะหัวร้อนหุนหันพลันแล่นได้อย่างไร?
การปรากฏตัวของเฉินเซวียนในหอสุขนิรันดร์ ด้วยเส้นผมสีแดงสดและท่าทางที่เย่อหยิ่งและก้าวร้าวเป็นภาพลักษณ์ที่จงใจสร้างขึ้นโดยเจตนาต้องการให้ทุกคนยึดติดว่าเขาต้องมีผมสีแดง
คนอย่างเฉินเซวียนจะโง่พอที่จะแสดงตัวตนที่แท้จริงให้คนอื่นเห็นได้อย่างไร?
แม้แต่สมาชิกของค่ายเมฆาทมิฬก็ไม่รู้ว่าเขาสวมหน้ากากอยู่เสมอ
เฉินเซวียนเคยเผชิญกับการถูกทรยศมาแล้วมากมายจนรู้สันดานของผู้คนเป็นอย่างดี เขาใช้ชีวิตอยู่บนเส้นด้ายบาง ๆ ระหว่างความเป็นและความตายมาตลอดตั้งแต่ยังเยาว์วัย ไม่มีทางที่ตัวเองจะเปิดเผยไพ่เด็ดของเขาให้คนอื่นรู้
เฉินเซวียนออกเดินทางมุ่งหน้าตรงไปในทิศทางของซูอันอย่างรวดเร็ว
เขาเห็นซูอันแล้ว แต่ไม่พบการซุ่มโจมตีใด ๆ ในบริเวณใกล้เคียง
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แต่ขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหว เขาก็สังเกตเห็นสีหน้าที่ไร้ความกังวลของซูอัน
เด็กเหลือขอนี่ทำเหมือนกำลังเดินสวนสนามหรืออะไรสักอย่าง ราวกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่สังเกตเห็นตัวเอง
เฉินเซวียนลังเล…นี่มันบ้าอะไรกัน?!
เขาใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง จู่ ๆ ก็เกิดความคิดขึ้นมา นึกออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้!
การที่จะจัดการกับคนอย่างเขา การซุ่มโจมตีปกติย่อมเอาไอ้เวรนี่ไม่อยู่แน่นอน ดังนั้นมันจะต้องมีผู้บ่มเพาะระดับสูงอีกคนซ่อนอยู่ใกล้ ๆ แน่ ๆ อาจเป็นฉู่จงเทียน หรือแม้แต่เจียงลั่วฝูของสถาบันจันทร์กระจ่าง!
ด้วยทักษะมากมายที่ทั้งสองคนนั่นครอบครอง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีทางหาคนพวกนั้นเจอก่อน
สวรรค์! ข้าเกือบตกหลุมพรางของมันแล้ว!
เฉินเซวียนเช็ดเหงื่อเย็น ๆ ที่ผุดออกจากหน้าผากของเขาพลางจ้องซูอัน ที่ยังคงอยู่ห่างออกไปอย่างอาฆาต…
ไอ้เด็กเวรนี่เจ้าเล่ห์จริง ๆ!
—
ท่านยั่วยุเฉินเซวียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—
ซูอันรู้สึกเย็นวาบเมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือนคะแนนความโกรธแค้นนี้เด้งขึ้นมา ชายหนุ่มกวาดสายตาสำรวจบริเวณรอบ ๆ อย่างลับ ๆ พยายามค้นหาว่าเฉินเซวียนอยู่ที่ไหน
แต่แน่นอนว่าไม่มีทางที่เขาจะรู้ว่ารูปลักษณ์ปัจจุบันของเฉินเซวียนตอนนี้ไม่ใช่ชายผมแดงอีกแล้ว…
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการกวาดสายตาของซูอันจะเป็นไปอย่างแนบเนียน แต่เขาก็ไม่สามารถตบตาผู้บ่มเพาะที่มีประสบการณ์เช่นเฉินเซวียนได้!
เฉินเซวียนตกใจเมื่อเห็นพฤติกรรมที่ผิดปกติของซูอัน
ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขา ไม่น่าจะมีวิธีใดที่เด็กนี่จะรู้ตัวว่าเขาอยู่ใกล้ ๆ สิ!
ผู้บ่มเพาะที่ซ่อนเร้นสังเกตเห็นเขาแล้วงั้นเหรอ?
เฉินเซวียนเริ่มตื่นตระหนก แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนอยู่ในรูปลักษณ์ที่แท้จริง ซึ่งไม่มีใครรู้แน่นอนว่าเขามีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ แน่นอนว่าถ้าหากถูกมองเห็น มันก็คงไม่มีปัญหาอะไร…
ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน เฉินเซวียนยังสามารถแสดงสีหน้าเป็นปกติและทำตัวเป็นคนเดินเท้าธรรมดา ก่อนที่จะค่อย ๆ เดินออกจากพื้นที่ไปอย่างแนบเนียน
เฉินเซวียนเดินต่อไปอีกสองสามช่วงตึก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ต่อไปข้าจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น เกือบไปแล้ว…”
ในขณะเดียวกัน ซูอันก็แอบกวาดสายตาตรวจสอบบริเวณโดยรอบอย่างละเอียดอยู่หลายครั้ง แต่ท้ายที่สุดกลับไม่พบร่องรอยของเฉินเซวียนแม้แต่น้อย และไม่ได้รับคะแนนความโกรธแค้นอีกต่อไปเช่นกัน
ในที่สุดซูอันก็ได้ข้อสรุปว่าเฉินเซวียนอาจจะหลบหนีไปแล้ว
นี่แผนของข้าดูออกง่ายเกินไปงั้นเหรอ?
ซูอันทบทวนการกระทำของเขา เฉินเซวียนมีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่าจิ้งจอก และระมัดระวังมากกว่าหนู มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะหลอกล่อคนแบบนี้ให้ติดกับดัก
พวกเขามาถึงหอสุขนิรันดร์โดยไม่รู้ตัว และเมื่อเห็นบัตรเชิญส่วนตัวจากชิวฮัวเล่ย สาวใช้ก็รีบพาซูอันเข้าไปที่ลานด้านหลังของหอสุขนิรันดร์
หลังจากความวุ่นวายในครั้งสุดท้าย ชิวฮัวเล่ยก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรที่ยากลำบากอย่างล่องเรือในแม่น้ำ นางต้อนรับเขาที่ห้องของนางแทน
ซูอันนั่งลงที่โต๊ะด้วยท่าทางสบาย ๆ และเริ่มกินอาหารที่อยู่ข้างหน้าตัวเองอย่างหิวโหย
ชิวฮัวเล่ยถึงกับตกตะลึง “ผู้ชายส่วนน้อยนักที่จะนึกถึงอาหารเมื่อมาที่หอคณิกาแบบนี้ ท่านยังไม่ได้กินอะไรมาเลยหรือไง?”
“ช่วยไม่ได้ ข้าหิว และโดยเฉพาะที่ข้านึกถึงอาหารดี ๆ ของที่นี่ท้องของข้ามันก็ร้องมาตลอดทาง” ซูอันพูดขณะที่ตักอาหารเข้าปากมากขึ้น
ชิวฮัวเล่ยยื่นถ้วยชาให้เขา นางขมวดคิ้วอย่างดูถูกกับมารยาทบนโต๊ะอาหารที่ค่อนข้างเลอะเทอะของชายตรงหน้า แต่รีบปิดบังด้วยรอยยิ้ม “ช้า ๆ ก็ได้ไม่มีใครแย่งท่านกินหรอก”
ท่าทางของนางเย้ายวนพอแล้วที่จะดูดวิญญาณออกจากร่างชายหนุ่มทุกคนในโลก แต่น่าเสียดายที่ซูอันหมกมุ่นอยู่แต่กับอาหารของเขาและไม่สนใจมองหญิงสาวที่งดงามตรงหน้า
“ว่าแต่ พวกเพื่อนของข้าเป็นยังไงบ้าง?” ซูอันถามขณะดื่มชาที่นางยกให้
รอยยิ้มของชิวฮัวเล่ยกว้างขึ้น “ไม่ต้องห่วง พวกเขาจะได้รับความบันเทิงเช่นกัน ท่านมั่นใจได้เลยว่าการเดินทางของพวกเขาจะไม่สูญเปล่า”