เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 444 โอกาสที่เปิดออก
บทที่ 444 โอกาสที่เปิดออก
บทที่ 444 โอกาสที่เปิดออก
ซูอันรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกพายุพัดกระหน่ำ ไอ้พวกชายหนุ่มสายเปย์ทั้งหลายคงร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดแน่ ๆ หากรู้ว่าของล้ำค่าของพวกเขากำลังถูกชิวฮัวเล่ยใช้เพื่อประจบประแจงผู้ชายคนอื่น!
หืม? แต่ทำไมมันทำให้ข้ารู้สึกดีมากอย่างนี้?
ซูอันยิ้ม “เจ้าช่างดีต่อข้าเหลือเกิน! ความรักที่เจ้ามีต่อข้านั้นแรงกล้าจริง ๆ จนข้าไม่รู้จะตอบแทนเจ้ายังไงเลย เอาแบบนี้ก็แล้วกัน วันนี้ไหน ๆ ข้าก็มาแล้ว ข้าขออุทิศร่างกายของข้าทั้งหมดให้กับเจ้าในวันนี้เพื่อเป็นการตอบแทนความดีของเจ้า!” เมื่อพูดจบเขากระโจนใส่นางด้วยรอยยิ้มกว้าง
ชิวฮัวเล่ยเอามือกุมหน้าอก ชุดของนางกระพือพริ้วไปตามแรงลมขณะที่นางหนีจากมือที่เอื้อมเข้ามาจับได้อย่างหวุดหวิด “อาซู ท่านสัญญากับข้าแล้ว! หลังจากที่ท่านรับข้าเป็นอนุภรรยาแล้วเท่านั้น ข้าถึงจะ…ข้าถึงจะ…ให้บริการท่าน!”
น้ำเสียงคำพูดของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความเขินอายอย่างเป็นธรรมชาติ นี่เป็นทักษะการแสดงระดับสูงจริง ๆ
“แหะ ๆ ฮัวเล่ย ดูเหมือนว่าข้าจะหยาบคายกับเจ้าเกินไป” ซูอันแสร้งหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน แต่ภายในใจเขามั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้กำลังแสดงละครตบตาเขาอยู่
มุมและจังหวะเวลาของการเข้าใกล้ของเขา ไม่มีทางที่ผู้หญิงคนนี้จะหนีไปได้ แต่นางกลับทำได้อย่างง่ายดาย ระดับการบ่มเพาะของนางอยู่ในระดับสูงอย่างที่คาดไว้
ดูเหมือนว่านางจะแข็งแกร่งกว่าเขามาก
ซูอันรู้สึกหดหู่ใจกับความจริงนี้ ทำไมผู้หญิงทุกคนที่ข้าเจอถึงได้แข็งแกร่งกว่าข้ากันหมด?
ให้ข้าเจอคนที่อ่อนแอกว่าเพื่อเพิ่มความมั่นใจของตัวเองอีกหน่อยไม่ได้หรือไง?
แต่แล้วจู่ ๆ ภาพหน้าของฮวนเจาก็ปรากฏตัวขึ้นในหัวของเขาทันที จริงสิ! อย่างน้อย ๆ ก็มีฮวนเจาน้อยที่ทำให้ข้ามั่นใจในตัวเองได้
“อาซู…” ชิวฮัวเล่ยดีใจที่ซูอันเปลี่ยนคำเรียกนาง และนางก็เรียกเขาตอบกลับอย่างสนิทสนม
ซูอันยังคงพยายามหาเป้าหมายของนาง ทว่าชายหนุ่มก็ยังอ่านนางไม่ออกอยู่ดี เขาจึงโยนความคิดทิ้งไป อย่างน้อยก็ดูเหมือนนางจะไม่อยากทำร้ายเขา
ดังนั้น ซูอันจะพยายามใช้ประโยชน์จากนางให้มากที่สุด
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ฮัวเล่ย หอสุขนิรันดร์ของเจ้ามีเครือข่ายข้อมูลที่ยอดเยี่ยมใช่ไหม?”
“ผู้ชายจากทั่วทุกมุมโลกชอบมาที่นี่บ่อย ๆ ท่านคงรู้ว่าผู้ชายเป็นยังไง เมื่อได้ดื่มเพียงเล็กน้อยแล้ว ปากของพวกเขาก็อ้าต่อหน้าผู้หญิงได้อย่างง่ายดาย และนี่คือวิธีที่หอสุขนิรันดร์ของเราได้รับรู้หลายสิ่งหลายอย่าง” ชิวฮัวเล่ยยิ้มหวาน “ข้าสงสัยว่าอาซูอยากรู้อะไร?” นางถามกลับ
“เจ้ารู้เกี่ยวกับสถานการณ์การค้าเกลือที่ผิดกฎหมายในเมืองจันทร์กระจ่างหรือไม่?” จิตใจของซูอันยังคงจดจ่อในประเด็นที่ฉู่ชูเหยียนหนักใจอย่างสุดซึ้ง ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถามเรื่องนี้
“การค้าเกลือผิดกฎหมาย?” หัวใจของชิวฮัวเล่ยเต้นผิดจังหวะ “อาซู ท่านกำลังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลฉู่งั้นเหรอ?”
“ฮัวเล่ยฉลาดล้ำเลิศอย่างที่คาดไว้” ซูอันกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ตระกูลฉู่มีปัญหาเล็กน้อยกับพวกค้าเกลือผิดกฎหมาย และกำลังดิ้นรนหาวิธีที่เหมาะสมในการจัดการกับปัญหานี้”
เขาต้องการทดสอบนางโดยใช้สถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลฉู่ เพื่อดูว่าชิวฮัวเล่ยอยู่ฝ่ายไหน
ชิวฮัวเล่ยขมวดคิ้ว “ปัญหาการค้าเกลือผิดกฎหมายของเมืองจันทร์กระจ่างนั้นค่อนข้างจัดการได้ยาก เพราะผลกำไรจากมันนั้นมากมหาศาลจนทุกคนที่มีส่วนร่วมในธุรกิจเกลือที่ผิดกฎหมายนั้นรวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มของพวกเขาเพื่อต่อกรกับเจ้าหน้าที่ทางการ”
“กลุ่ม?” ซูอันตกตะลึง
“ใช่” ชิวฮัวเล่ยรวบรวมความคิดของนางก่อนจะพูดต่อ “จากที่ข้ารู้ กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่คือกลุ่มวาฬ พวกเขาได้สะสมทรัพย์สมบัติมหาศาลผ่านการค้าเกลือที่ผิดกฎหมายนี้ ผู้นำของพวกเขาลึกลับเป็นอย่างมาก มีการคาดเดาต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่มันก็ไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดแม้แต่ครั้งเดียว”
“กลุ่มวาฬ…มีข้อมูลอื่นที่เจาะจงกว่านี้อีกไหม?”
ชิวฮัวเล่ยส่ายหัว “ท่านรู้ดีว่าสถานะปัจจุบันของข้าคืออะไร คนอย่างข้าไม่ค่อยได้สัมผัสกับคนแบบนี้ และข้าไม่เคยสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษด้วย ดังนั้นข้าจึงไม่ได้รู้อะไรมาก” นางกล่าวอย่างขออภัย “แต่ถ้าท่านอยากรู้มากกว่านี้ ข้าสามารถช่วยท่านตรวจสอบได้ ให้เวลานิดหน่อยข้าก็อาจจะสามารถรวบรวมข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติมได้”
“ขอบคุณเจ้าจริง ๆ ฮัวเล่ย!” ซูอันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง หอสุขนิรันดร์เป็นกิจการที่จุดคร่อมเส้นแบ่งระหว่างสิ่งที่ถูกและผิดกฎหมายมาโดยตลอด ดังนั้นหอสุขนิรันดร์จึงเป็นพวกที่สืบหาข้อมูลในเรื่องเทา ๆ เช่นนี้ได้เร็วที่สุด
“เหตุใดจึงต้องมีการขอบคุณระหว่างเรา?” ชิวฮัวเล่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
…
ซูอันสนทนากับนางจนถึงตอนฟ้าค่ำ และชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเพื่อบอกลานาง
ชิวฮัวเล่ยไม่ได้รั้งให้ชายหนุ่มอยู่ต่อ นางกังวลว่าถ้าเขาอยู่ต่อไป อีกฝ่ายอาจจะทำอะไรบางอย่างที่ล้ำเส้นในยามค่ำคืน นางจึงเดินไปส่งเขาอย่างว่าง่าย
เมื่อนางกลับมาที่ห้อง กู่เยว่อีก็รออยู่ที่หน้าประตูแล้ว
เขายังคงหลงใหลในรูปร่างหน้าตาของนางอย่างสมบูรณ์ แต่เขาฉลาดพอที่จะแสดงความยับยั้งชั่งใจได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด เขาก้มศีรษะลงทันทีและถามว่า “ศิษย์น้อง ทำไมเจ้าถึงปฏิบัติต่อชายคนนั้นดีนัก? เจ้าถึงกับส่งต่อวิชาลับของตระกูลของเจ้าเองให้กับเขา!”
ชิวฮัวเล่ยนั่งสบาย ๆ บนเก้าอี้ “ข้าอุตส่าห์เลือกเขาเป็นอย่างดี ข้าจะปล่อยให้เขาถูกเฉินเซวียนฆ่าได้ยังไง?”
กู่เยว่อีแอบมองชุดของนางที่พลิ้วไหวขณะที่นางนั่งลง และเขาหวังว่าจะเห็นบางอย่างที่ซ่อนไว้ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เห็นอะไรเลย
ด้วยกังวลว่านางจะสังเกตเห็นการกระทำของเขา เขาจึงถามอย่างเร่งรีบว่า “เจ้าอยากช่วยเขาจัดการกับพวกค้าเกลือผิดกฎหมายจริง ๆ เหรอ? พวกนั้นล้วนเป็นอาชญากรเลือดเย็นที่โหดเหี้ยม!”
“เทียบกับเราแล้วพวกโจรสวะเหล่านั้นนับว่าเลือดเย็นโหดเหี้ยมงั้นเหรอ?” ชิวฮัวเล่ยหัวเราะเยาะเย้ย “ก่อนหน้านี้ข้าก็กังวลอยู่ตั้งนานว่าจะเอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยวอย่างไร แต่ดูเหมือนว่าโอกาสที่ดีได้มาถึงแล้ว สถานะของซูอันในตระกูลฉู่ยังต่ำเกินไปในขณะนี้ และไม่อาจทำประโยชน์ให้กับแผนการในวันข้างหน้าได้”
“ถ้าเราใช้โอกาสนี้ช่วยเขาขจัดการค้าเกลือที่ผิดกฎหมายซึ่งสร้างปัญหาให้กับตระกูลฉู่ออกไปได้โดยให้เขารับความดีความชอบไปคนเดียว สถานะในตระกูลของเขาจะเพิ่มขึ้นขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน และข้าก็จะสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อใกล้ชิดกับเขาได้มากขึ้น ท้ายที่สุดเขาจะได้รู้ว่าเขาต้องการความช่วยเหลือจากข้าแบบชนิดที่ว่าขาดไม่ได้”
กู่เยว่อีจ้องมองขาของนางราวกับอยากจะพุ่งเข้าไปกลืนลงท้อง “ดูเหมือนศิษย์น้องจะคิดไปไกลแล้ว!”
ชิวฮัวเล่ยยิ้มเยาะ นางเอื้อมมือออกมาแล้วแสดงท่ากำแน่น “ถึงแม้ชายผู้นี้จะค่อนข้างแตกต่างจากผู้ชายคนอื่น ๆ เขาก็ไม่มีทางหลุดพ้นจากเงื้อมมือของข้าได้หรอก!”
…
“ฮัดชิ่ว!”
ระหว่างทางกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่ ซูอันก็จามอย่างแรง “สงสัยจริง ๆ ว่าสาวสวยคนไหนกำลังคิดถึงข้า?”
เจียวซานเหอและทหารคุ้มกันอีกสองคนแลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาต่างสงสัยกันว่านายน้อยของพวกเขาคนนี้บ่มเพาะจนตัวเองมีความหน้าด้านขนาดนี้ได้ยังไง?
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกเขาทั้งสามมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในหอสุขนิรันดร์ และพวกเขารู้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะซูอัน ด้วยเหตุนี้ ดวงตาของพวกเขาจึงฉายแววชื่นชมมากกว่าปกติ
ซูอันไม่สนใจทั้งสาม เขาเพียงกวาดสายตามองไปทั่วอยู่ตลอดเวลา แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่พบร่องรอยของเฉินเซวียนเลย
ข้าไม่ได้รับคะแนนความโกรธแค้นอะไรเลย เขาอาจจะไม่อยู่ที่นี่…
ด้วยเหตุนี้ ซูอันจึงหยิบแผ่นหยกที่เขาได้รับจากชิวฮัวเล่ยขึ้นมาดู
เขาส่งโคจรพลังชี่เข้าไปในแผ่นหยก ส่งผลให้มันมีแสงระยิบระยับสว่างขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นชุดของประโยคตัวอักษรก็พุ่งเข้ามาในหัวของเขา
“ร่างกายเป็นต้นไม้แห่งปัญญา ภายในใจมีกระจกเงา เช็ดถูบ่อย ๆ อย่าให้ฝุ่นขึ้น…”
จากการศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาก็ค้นพบว่าหลักการของวิชาลับนี้มีความคล้ายคลึงกับปรัชญาทางพุทธศาสนาของโลกที่แล้ว ซึ่งทั้งสองดำเนินตามสภาวะ ‘ความว่างเปล่า’
หากใครต้องการปกปิดระดับการบ่มเพาะและคลื่นพลังของตัวเอง พวกเขาจะต้องกลายเป็น ‘ความว่างเปล่า’ ก่อน
ยิ่งเขาเข้าใจ ‘ความว่างเปล่า’ มากเท่าไหร่ ผลของการปกปิดก็ยิ่งสมบูรณ์แบบมากขึ้นเท่านั้น สิ่งนี้จะช่วยให้เขาซ่อนระดับการบ่มเพาะของเขาจากผู้บ่มเพาะระดับสูงกว่าได้
เขายังคงไตร่ตรองถึงหลักการของวิชาลับนี้ในระหว่างการเดินทางกลับ แต่ขณะที่พวกเขากำลังจะไปถึงคฤหาสน์ตระกูลฉู่ เจียวซานเหอ เฟิงต้าหนิว และโจวหลูจวิ้นต่างก็หันหลังกลับมาอย่างกะทันหันและเปล่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจพร้อมกัน
“มีอะไร?” ซูอันถามกลับด้วยสีหน้างุนงง
“ม…ไม่มีอะไรนายน้อย อาจเป็นได้ว่าการรับรู้ของข้าเมื่อครู่ อยู่ ๆ ก็ล้มเหลว เมื่อครู่ จู่ ๆ ข้าก็สัมผัสไม่ได้ถึงตัวตนของนายน้อยเลย มันคล้ายกับอยู่ดี ๆ นายน้อยก็หายตัวไปซะงั้น”
โจวหลูจวิ้นได้ตอบกลับ อีกสองคนพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงตัวตนของซูอัน แต่พวกเขากลับยังเห็นว่าอีกฝ่ายก็ยังนั่งอยู่บนหลังม้าเหมือนเดิมอย่างชัดเจน! เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาสนุกกับหญิงสาวในหอสุขนิรันดร์มากเกินไปจนจิตของพวกเขาทั้งหมดอ่อนแอลง?
ดูเหมือนว่าต่อไปเราต้องอดกลั้นมากขึ้นอีกหน่อย
ความอัปยศลุกโชนอยู่ในหัวใจของทหารคุ้มกันทั้งสาม
ในทางตรงกันข้าม ซูอันกลับเต็มไปด้วยความยินดี เขานี่มันเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำจริง ๆ! ที่ศึกษาวิชาลับนี้ได้อย่างรวดเร็ว!
เมื่อเข้าไปด้านในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ ซูอันกลับไปที่ห้องของเขาก่อนแล้วจึงแอบไปหาฉู่ชูเหยียน
ถึงเวลาสำหรับการรักษาภรรยาที่น่ารักของข้าอีกครั้ง!
เมื่อมองเข้าไปในห้องที่มืดสนิท ซูอันก็รู้สึกลังเลนิดหน่อย คืนนี้ฉินหว่านหรูไม่ได้อยู่ข้างในใช่ไหม?