เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 454 ท่านจะรับผิดชอบไหม
บทที่ 454 ท่านจะรับผิดชอบไหม?
บทที่ 454 ท่านจะรับผิดชอบไหม?
ซ่างเชียนพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดกับอาการต่อต้านของเจิ้งตาน “ตอนนี้เรากำลังรีบ เจ้าจะทำยังไงถ้าเกี้ยวของเจ้าตามเราไม่ทัน?”
“ข้าก็ขี่ม้าได้เหมือนกัน!” เจิ้งตานเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ คอสีขาวราวกับหิมะของนางยืดออกราวกับคอหงส์ที่สวยงาม
ซ่างเชียนขมวดคิ้ว “ข้าไม่มีม้าตัวไหนว่างให้เจ้าขี่! ทั้งหมดนี้เป็นม้าของกองทัพ ไม่ใช่เพื่อการใช้งานส่วนตัว ข้าจะถูกร้องเรียนถ้าปล่อยให้เจ้าขี่พวกมัน!”
เจิ้งตานเม้มริมฝีปากนางรู้ว่าเขาพูดความจริง นางพบว่าตัวเองกำลังลังเลใจ แต่ทันใดนั้นซูอันก็เอ่ยขึ้นจากด้านข้าง “ม้าตัวนี้ของข้าไม่ใช่ม้าของกองทัพ ข้าพาเจ้าไปด้วยได้ถ้าเจ้าต้องการ!”
ซ่างเชียนสะอึก เมื่อได้ยินประโยคนี้ นี่เจ้ากำลังทำเจ้าชู้กับคู่หมั้นของข้าต่อหน้าข้างั้นเหรอ?
พานางไปด้วย? เจ้าสองคนจะขี่ม้าตัวเดียวกันงั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าข้าหึงหวงไม่เป็นหรือไง?
และยิ่งไปกว่านั้น ต่อไปข้าจะสู้หน้าลูกน้องของข้าได้ยังไงถ้าพวกเขาเห็นเจ้านั่งม้าตัวเดียวกับว่าที่ภรรยาของข้า!?
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—
ซูอันเยาะเย้ยอยู่ในใจ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงโกรธง่ายขนาดนี้?
ว่าแต่เจิ้งตานไม่ได้เข้าใกล้เขาด้วยแรงจูงใจซ่อนเร้นจริง ๆ เหรอ? เฮอะ ๆ เรื่องราวมันชักจะน่าสนใจยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ซะแล้ว!
เจิ้งตานมองซูอันอย่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมองไปที่ซ่างเชียน ในที่สุดนางก็ส่ายหัว “ขอบคุณนายน้อยซูสำหรับความตั้งใจดีของท่าน” นางกล่าวกับซูอัน “แต่ข้าคิดว่ามันคงไม่เหมาะ”
ถ้าทั้งสองอยู่เพียงลำพัง นางอาจจะยอมรับข้อเสนอของเขา เพราะนางยังคงอยากวางกับดักน้ำผึ้งกับอีกฝ่ายอยู่
อย่างไรก็ตาม การขี่ม้าร่วมตัวเดียวกับชายอีกคนหนึ่งในที่สาธารณะเช่นนี้ ต่อหน้าพยานจำนวนมาก จะทำให้พันธมิตรทางการแต่งงานระหว่างตระกูลเจิ้งและตระกูลซ่างยุ่งเหยิงอย่างแน่นอน
ตระกูลซ่างจะไม่ยอมให้ตัวเองกลายเป็นตัวตลกอย่างเด็ดขาด
แม้แต่ตระกูลเจิ้งก็อาจจะลงโทษนางสถานหนักที่ทำตัวน่าอับอายเช่นกัน
ซูอันคงแค่หยอกเล่น เขาคงไม่หน้าด้านทำอย่างนั้นจริง ๆ หรอกใช่ไหม?
ใช่ไหม…?
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอันจึงสั่งให้หนึ่งในทหารคุ้มกันของเขาเองลงจากม้า และบอกให้นางขึ้นขี่ม้าของตระกูลฉู่ จากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทาง
ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูป ในที่สุดกลุ่มของพวกเขาก็มาถึงท่าเรือที่คึกคักไปด้วยกิจกรรม คนเดินเรือจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ยุ่งกับการขนถ่ายสินค้า
“หยุดกิจกรรมทุกอย่างที่พวกเจ้ากำลังทำเดี๋ยวนี้! ใครฝ่าฝืนคำสั่งจะถูกประหารในข้อหาลักลอบนำเข้าสินค้าควบคุมโดยไม่มีข้อยกเว้น!” ซ่างเชียนตะโกนออกมา
เขาเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นจึงรู้สึกดีขึ้นเมื่อเจอช่องทางในการระบายอารมณ์
เสียงของเขาดังไปทั่วท่าเรือ และทหารก็กระจายกันไปทั่วบริเวณ กิจกรรมอื่น ๆ ทั้งหมดจึงหยุดลงในทันที
ซูอันรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งจริง ๆ
“ซูอัน ตามแหล่งข่าวของเจ้า ใครเป็นคนลักลอบขนเกลือ?” ซ่างเชียน ไม่สนใจที่จะสุภาพ
ซูอันขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่ามันเป็นตระกูลไหนกันแน่ ข่าวของชิวฮัวเล่ยไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก
จิตใจของเขาเต้นระรัว และเขาก็คิดหาคำตอบที่เหมาะสม “พวกเราควรตรวจสอบสินค้าในท่าเรือก่อน!”
การค้าเกลือผิดกฎหมายสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าตกใจ แต่ก็เสี่ยงมากเช่นกัน หากผู้ลักลอบขนย้ายเกลือน้อยเกินไปมันก็จะไม่คุ้มเสี่ยง แต่ถ้าหากพวกเขาลักลอบขนด้วยจำนวนเที่ยวที่มากขึ้น ความเสี่ยงก็จะเพิ่มเป็นเงาตามตัว นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาต้องหาโอกาสที่จะลักลอบนำเข้าสินค้าคราวละจำนวนมาก ๆ เพื่อให้คุ้มที่สุด
ซ่างเชียนพยักหน้าและโบกมือ ส่งผลให้เหล่าทหารกระจายตัวกันออกค้นหาทันที
การค้นหาของพวกเขาให้ผลลัพธ์ทันที ทหารพาชายวัยกลางคนผู้หนึ่งมาหาซูอันและซ่างเชียน “รายงานตัว! สินค้าส่วนใหญ่บนท่าเรือเป็นของตระกูลชายผู้นี้!”
ซูอันมองไปที่ชายวัยกลางคนคนนี้อย่างเพ่งพินิจ รูปลักษณ์ของเขาดูธรรมดามากซึ่งดูไม่โดดเด่นเลยหากยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
สิ่งเดียวที่น่าสังเกตคือผิวที่เรียบเนียนและไม่คล้ำของเขา เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้มีความเป็นอยู่ค่อนข้างดี…
“ลุงโฮ่ว ท่านมาทำอะไรที่นี่?” เจิ้งตานกล่าวอย่างประหลาดใจ
ซูอันตกใจ เขาหันกลับมามองนาง “เจ้ารู้จักบุคคลนี้งั้นเหรอ?”
เจิ้งตานพยักหน้า “เขาเป็นพ่อบ้านของตระกูลเจิ้ง ชื่อโฮ่วอวิ๋น ท่านพ่อได้มอบหมายให้เขาดูแลกิจการหลายอย่าง”
“โอ้?” ซูอันเริ่มสงสัยในทันที
ความคิดผุดขึ้นในใจของเขา การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจิ้งตาน อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ก่อนหน้านี้ เขาต้องเสียเวลาไปเกือบชั่วโมงเพราะนาง บางทีนางอาจจะพยายามซื้อเวลา
นี่หมายความว่า ซ่างเชียนไม่รู้เรื่องเงื่อนงำพวกนี้เลยเหรอ?
ซ่างเชียนถามพ่อบ้าน “โฮ่วอวิ๋น เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“สินค้าบางรายการที่ตระกูลเจิ้งของเรานำเข้ามีกำหนดจะมาถึงในวันนี้ ดังนั้นผู้น้อยจึงคอยมาดูแลความเรียบร้อยในการขนถ่ายสินค้า” โฮ่วอวิ๋นตอบด้วยรอยยิ้มลุแก่โทษ
“สินค้าเหล่านี้เป็นของตระกูลเจิ้ง คงไม่มีปัญหาอะไร ไปตรวจสอบสินค้าอื่นต่อ!” ซ่างเชียนโบกมือ
“เดี๋ยวก่อน!” ซูอันยกมือปราม
นี่มันบ้าอะไรกัน? ทำไมซ่างเชียนถึงยอมปล่อยไอ้ตาลุงแซ่โฮ่วไปง่าย ๆ แบบนี้? เมื่อคาใจ ซูอันก็ไม่มีทางที่จะปล่อยอีกฝ่ายไปง่าย ๆ แน่นอน เขาจ้องไปที่โฮ่วอวิ๋นและถามว่า “มีสินค้าอะไรบ้างในวันนี้?”
“แค่สินค้าธรรมดาทั่วไปหลายรายการคุณชาย…” โฮ่วอวิ๋นตอบอย่างสุภาพ
“อย่าตอบแบบกำกวม ไล่รายชื่อมาว่าสินค้าของเจ้ามีอะไรบ้างเดี๋ยวนี้!” ซูอันถามอีกรอบอย่างดุดัน
เจิ้งตานก้าวมาข้างหน้า “อาซู เจ้าสงสัยว่าตระกูลเจิ้งของข้ามีส่วนร่วมในการค้าเกลือผิดกฎหมายงั้นเหรอ?”
ซูอันบ่นในใจ เจ้าคิดว่าการกระทำของข้ายังไม่ชัดเจนอีกงั้นเหรอ?
ตระกูลเจิ้ง เป็นหนึ่งในตระกูลที่มีใบอนุญาตค้าเกลือของเมืองจันทร์กระจ่างก็จริง แต่ตระกูลฉู่ครองส่วนแบ่งการตลาดสำหรับเกลือในเมืองจันทร์กระจ่างส่วนใหญ่ไป ในขณะที่ส่วนที่เหลือถูกแบ่งระหว่างอีกสามตระกูล ซึ่งมันไม่มีทางเพียงพอที่จะสนองความโลภของพวกเขาอย่างแน่นอน
แต่ไม่มีทางที่ซูอันจะพูดข้อสงสัยของเขาออกมาดัง ๆ “ย่อมไม่” เขาพูด “ข้าแค่กังวลว่าข้ารับใช้ของตระกูลเจ้าบางคนอาจกล้าหาญทำเรื่องเกินตัว พยายามทำสิ่งโง่เขลาภายใต้ชื่อของตระกูลเจิ้ง หากเรื่องดังกล่าวถูกเปิดเผยในภายหลัง ชื่อเสียงของตระกูลเจิ้งจะเสื่อมเสียอย่างหนัก! นี่เป็นเหตุผลที่เราควรตรวจสอบเรื่องนี้อย่างรอบคอบ!”
เจิ้งตานยิ้ม “อาซู คิดรอบคอบจริง ๆ”
นางหันไปหาโฮ่วอวิ๋นและกล่าวว่า “ลุงโฮ่ว ได้ยินที่เขาพูดไหม? เพียงแค่รายงานสิ่งต่าง ๆ ตามที่เป็นอยู่” เสียงของนางยังคงสงบนิ่งราวกับพื้นผิวของทะเลสาบในฤดูหนาว
ซูอันแอบถอนหายใจด้วยความชื่นชม เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้บริสุทธิ์หรือแค่แสร้งทำ ถ้าเป็นอย่างหลังก็ถือว่าทักษะการแสดงของนางยอดเยี่ยมมาก
“เรามีฝ้ายและวัตถุดิบอื่น ๆ ตระกูลเจิ้งทำธุรกิจเสื้อผ้าขนาดใหญ่ การขนส่งสิ่งเหล่านี้ไม่ควรผิดกฎหมายใช่ไหม?” โฮ่วอวิ๋นย้อนถามด้วยอารมณ์ที่เสียหลังจากถูกสงสัย
“แล้วขั้นตอนของการอนุมัติจากทางการเป็นลายลักษณ์อักษรล่ะ? เอาออกมาให้เราดูสิ” ซูอันยื่นมือออกมา
ซ่างเชียนเหลือบมองไปด้านข้าง ทุกคนบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่โง่เขลาและไร้ความสามารถไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้รู้รอบรู้ทันไปซะหมดแบบนี้?
นี่คือสิ่งที่เขาคิดผิด ความจริงแล้ว ชั้นเรียนสีเหลืองของสถาบันจันทร์กระจ่างถึงแม้ว่าจะได้เรียนเรื่องการบ่มเพาะเพียงน้อยนิด แต่ก็ได้รับการสอนทดแทนด้วยหลักสูตรเกี่ยวกับวิชากฎหมายหรือวิชาการต่าง ๆ ที่เป็นความรู้ด้านการบริหารแทน
นักศึกษาหลายคนคิดว่าการเรียนสิ่งเหล่านี้น่าเบื่อ แต่ซูอันพยายามรับฟังทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้เข้าใจโลกนี้มากขึ้น
การขนส่งสินค้าจำนวนมากเช่นนี้จะต้องได้รับการอนุมัติจากทางการก่อนอย่างแน่นอน
โฮ่วอวิ๋นมองซ่างเชียนด้วยความสงสัย ซ่างเชียนพ่นลมหายใจ “เจ้ามองข้าทำไม? ซูอันเป็นตัวแทนของท่านอ๋องฉู่ ทำตามที่เขาบอกซะ!”
“ได้ ได้…” โฮ่วอวิ๋นส่งเอกสารให้ทันที
ซูอันตรวจสอบเอกสารและสังเกตว่าพวกมันเป็นผ้าฝ้ายและวัตถุดิบอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการทอผ้า
แม้จะมีเอกสารอย่างเป็นทางการ แต่เขาก็ยังมีข้อสงสัยอยู่ เขาเดินตรงไปที่เรือบรรทุกสินค้า “เปิดท้องเรือ! ข้าต้องการค้นที่นี่!”
โฮ่วอวิ๋นโกรธทันที “แต่สินค้าทั้งหมดถูกจัดเก็บอย่างดีแล้ว! หากเปิดท้องเรือค้นหาตอนนี้ เราจะต้องเริ่มขั้นตอนเก็บทุกอย่างอีกรอบ ซึ่งมันจะทำให้การขนสั่งของเราล่าช้าอย่างน้อยหนึ่งวัน! ตระกูลเจิ้งของเราต้องจ่ายค่าชดเชยหากสินค้าไปไม่ถึงปลายทางตรงเวลา”
ซูอันเพิกเฉยต่อการประท้วงของเขาและพูดซ้ำอย่างเย็นชา “เปิดเดี๋ยวนี้!”
เขาโบกมือ และจากนั้นทหารคุ้มกันของตระกูลฉู่ก็กระจายกำลังกันออกไปประจำจุดพื้นที่สำคัญของเรือ พวกเขาพร้อมที่จะเคลื่อนไหวหากได้รับคำสั่ง
โฮ่วอวิ๋นหน้าดำคร่ำเครียด เขาพูดอย่างดุเดือดว่า “ถ้าไม่พบอะไรเลย ท่านจะรับผิดชอบความสูญเสียของตระกูลเจิ้งหรือไม่!”