เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 496 หนีอย่างไม่รู้จุดหมาย
บทที่ 496 หนีอย่างไม่รู้จุดหมาย
บทที่ 496 หนีอย่างไม่รู้จุดหมาย
เฉินเซวียนไม่สะทกสะท้านเมื่อเห็นคลื่นลูกใหญ่นี้ เขาชักดาบยาวออกมา
ตัวชายผมแดงไม่ได้ใช้ดาบของตัวเองเมื่อครั้งต่อสู้กับฉู่อวี้เฉิงและฉู่ฮงไฉในหอสุขนิรันดร์ แต่เขาจะใช้มันในครั้งนี้
เขาสร้างดาบพลังชี่ขนาดยักษ์ขึ้นกลางอากาศ แล้วฟาดลงใส่คลื่นน้ำอย่างรุนแรง
เกือบจะรู้สึกเหมือนกับว่าดาบนี้สามารถผ่าแม่น้ำออกเป็นสองส่วนได้
ดาบพลังชี่อันมหึมาผ่าคลื่นยักษ์ที่อยู่ข้างหน้าเขาและตรงมายังเรือลำเล็กของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าเฉินเซวียนต้องการทำลายเรือเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่มีทางหนีรอดไปได้
เจิ้งตานยกมือขึ้นสองข้างสร้างกำแพงน้ำให้ก่อตัวขึ้นตรงหน้านางเพื่อป้องกันดาบพลังชี่ไว้
“อั่ก!”
เจิ้งตานกระอักเลือดทันทีเมื่อดาบพลังชี่ปะทะเข้ากับกำแพงน้ำของนาง ร่างของนางกระเด็นถอยราวกับถูกรถม้าพุ่งชน และนางเหมือนกำลังจะตกลงไปในน้ำ
ซูอันเอื้อมมือออกไปโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา แรงปะทะอันมหาศาลทำให้ร่างของชายหนุ่มเซถอยไปเล็กน้อยเช่นกัน
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” ซูอันถามด้วยความเป็นห่วง เขามองไปยังเลือดที่ยังเปรอะที่มุมริมฝีปากของนาง อุณหภูมิร่างกายของนางก็ร้อนมากเช่นกัน
เจิ้งตานตอบกลับ น้ำเสียงของนางช่างนุ่มนวลและไพเราะ “ม…ไม่เป็นอะไร…ข้าแค่…”
นางไม่สามารถจบประโยคได้ ท้ายที่สุด สถานการณ์ของนางก็น่าอายเกินกว่าที่หญิงสาวจะอธิบาย
“นี่เจ้ากินยาปลุกอารมณ์เข้าไปหรือไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้?” ซูอันเอ่ยถามด้วยความงุนงง ใบหน้าของนางแดงก่ำ และในดวงตาของนางก็พร่ามัว ซึ่งเขาจำได้ว่าในตอนนั้นเสวี่ยเอ๋อร์ก็ดูเป็นแบบนี้เช่นกัน
“เจ้าจะถามทำไมทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว!” เจิ้งตานมองเขาอย่างขุ่นเคือง ผู้ชายคนนี้กำลังยั่วอารมณ์ข้า!
“ห้ะ? เจ้าหมายความว่ายังไง?” ซูอันตกตะลึง ก่อนหน้านี้เขาจดจ่ออยู่กับการคลายจุดชีพจรโดยใช้ทักษะกระบี่เกล็ดหิมะ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง
เสียงที่เย่อหยิ่งและเอาแต่ใจของเฉินเซวียนดังมาจากข้างหลังพวกเขา “ฮ่า ๆๆ! ข้าก็หลงนึกไปว่าคุณหนูตระกูลเจิ้งจะแข็งแกร่งกว่านี้ แต่กลับกลายเป็นว่านี่คือทั้งหมดที่เจ้ามี!”
เจิ้งตานเช็ดเลือดรอบริมฝีปากของนาง ก่อนที่จะตอบกลับอย่างโกรธเคือง “เจ้ามันน่ารังเกียจ! ถ้าไม่ใช่เพื่อ…ถ้าไม่ใช่เพื่อ…ข้าจะไม่เสียทีเจ้าง่าย ๆ”
“ถ้าเจ้าไม่ทรมานจาก ‘สิบแปดสายลมใบไม้ผลิ’ ของข้างั้นเหรอ? เจ้าควรหยุดต่อต้านได้แล้ว! ยิ่งเจ้าต่อต้านผลของมันจะยิ่งหนักขึ้น! ตอนนี้เจ้ากำลังรู้สึกร้อนรุ่มราวกับถูกไฟเผาจริงไหม? เจ้าอยากจะกอดผู้ชายใช่ไหมล่ะ?” เฉินเซวียนหัวเราะเสียงดังลั่น
“สิบแปดสายลมใบไม้ผลิ?” ซูอันตกใจมาก เขาสามารถเดาได้จากชื่อว่ายานี้มีผลข้างเคียงอย่างไร ไม่น่าแปลกใจที่เจิ้งตานทำตัวแบบนี้
ใคเป็นคนคิดชื่อที่เหมาะเจาะได้ขนาดนี้รกัน?
ชายหนุ่มสังเกตเห็นความอับอายของเจิ้งตาน เขาดึงสาวงามในอ้อมแขนเข้ามาใกล้และพูดด้วยเสียงสูงว่า “ตอนนี้นางไม่ได้โอบกอดข้าอยู่เหรอ? เจ้าเอาแต่โวยวายเหมือนคนงี่เง่าตรงนั้นทำไม?”
เฉินเซวียนขมวดคิ้วแน่น เมื่อเขาเห็นร่างกายที่อ่อนปวกเปียกของเจิ้งตานอยู่ในอ้อมกอดของซูอัน เขาจึงรู้สึกเหมือนกับว่าชายอื่นกำลังฉวยผลของความพยายามทั้งหมดไป
“ไอ้เด็กเวร! ข้ายังไม่ได้ชำระหนี้ที่ผ่านมาของเรา แต่เจ้ากลับมากวนประสาทข้าอีกแล้ว! ดีมาก ถ้าจับเจ้าได้ ข้าจะสอนให้เจ้ารู้ว่าความรู้สึกอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่มันเป็นยังไง!” เฉินเซวียนกล่าวผ่านไรฟันที่ขบกันแน่น
—
ท่านยั่วยุเฉินเซวียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
ซูอันถอนหายใจ “เจ้าพูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ดูข้าตอนนี้สิ ข้ายังสบายดี! ปรากฏว่าหัวหน้าค่ายเมฆาทมิฬ เฉินเซวียน เป็นเพียงคนไร้ประโยชน์อีกคนที่เก่งแต่ปากเท่านั้น!”
ซูอันได้ยินเสียงกัดฟันกรอดของเฉินเซวียนจากที่ที่เขาอยู่
คราวนี้เฉินเซวียนไม่ตอบ แต่กลับเร่งความเร็วพุ่งเข้าหาเรือของซูอันแทน ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาสาบานกับตัวเองว่าจะถลกหนังไอ้เด็กสารเลวตัวนี้ทั้งเป็นให้ได้!
—
ท่านยั่วยุเฉินเซวียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1024!
—
แต่ในขณะที่เฉินเซวียนเริ่มเร่งความเร็ว ก็สังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ จู่ ๆ ผิวน้ำด้านหน้าที่เขาก้าวเหยียบลงไปมันกลับกลายเป็นชั้นน้ำแข็งบาง ๆ ในชั่วพริบตา และเมื่อเขาเหยียบมัน แผ่นน้ำแข็งก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที ซึ่งมันทำให้เขาเสียจังหวะและจมลงไปในน้ำโดยไม่ทันระวัง
ซูอันจงใจทำให้เฉินเซวียนโกรธ จากนั้นเขาจึงแอบควบคุมพลังเยือกแข็งของทักษะกระบี่เกล็ดหิมะเพื่อสร้างชั้นน้ำแข็งบาง ๆ เหนือผิวน้ำ
“ไป!” ซูอันเตะส่งเรือลำเล็กออกไปอีกทาง ก่อนที่เขาจะใช้จ้าววายุเคลื่อนที่ไปยังฝั่งแผ่นดินใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ห่างแล้ว พร้อมกับอุ้มเจิ้งตานไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง จากนั้นก็กระโดดอีกสองสามก้าวหายเข้าไปในป่า
หากยังอยู่บนเรือมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะหลบหนี หากเฉินเซวียนขึ้นมาจากน้ำได้
แถมเขายังสังเกตเห็นเรือของกลุ่มวาฬมาแต่ไกล
เนื่องจากมีปัญหาในการหลบหนีทางน้ำ ความคิดหลบหนีเข้าไปในหุบเขาและพึ่งพาภูมิประเทศที่ซับซ้อนจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า
แต่น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพื้นที่แถวนี้ และทำได้เพียงวิ่งตามสัญชาตญาณไปในทิศทางของภูมิประเทศที่ดูซับซ้อนที่สุด
เมื่อเฉินเซวียนกระโดดขึ้นจากน้ำได้ หลิวชานและคนอื่น ๆ ก็มาถึงแล้ว
ใบหน้าของเฉินเซวียนมืดหม่น “ไล่ตามพวกมันไป!” เขาตะโกนชี้ไปที่เรือลำเล็กที่อยู่ไกลออกไป
เรือของกลุ่มวาฬนั้นเร็วมาก พวกเขารีบจ้วงพาย แต่เมื่อไปถึงพวกเขากลับพบว่าไม่มีใครอยู่ในลำเรือที่เป็นเป้าหมาย
“ข้าคิดว่าพวกมันคงขึ้นฝั่งตรงนั้นแน่ ๆ!” หลิวชานและลูกเรือของเขาสรุปพลางชี้นิ้วไปที่ชายฝั่งซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก
“ข้าสาบานว่าข้าจะจับพวกมันให้ได้ภายในวันนี้!” เฉินเซวียนโกรธจัด เขาไม่สนหากเขาไม่สามารถจับตัวซูอันได้ในวันนี้ แต่สิ่งที่เขายอมไม่ได้จริง ๆ คือการปล่อยให้เจิ้งตานหลุดมือไปได้
มิฉะนั้น แผนที่คิดขึ้นมาอย่างรอบคอบทั้งหมดของตัวเองจะกลายเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นอย่างน่าเศร้า
ข้า…เฉินเซวียนผู้นี้จะไม่ยอมทำอะไรงี่เง่าแบบนั้นแน่ ๆ!
อย่างไรก็ตามเมื่อหลิวชานและลูกเรือเห็นว่าเฉินเซวียนกำลังจะไปขึ้นฝั่งตรงจุดที่ซูอันน่าจะหนีไป เขาก็รีบดึงตัวเฉินเซวียนเอาไว้ทันที “หัวหน้าเฉิน เราต้องไม่ไปที่นั่น! ตรงจุดนั้นมันใกล้พรมแดนภูเขามังกรซ่อน! สัตว์ป่าในพื้นที่นั้นอันตรายเกินไป!”
“สัตว์ป่า? คิดว่าข้ากลัวสัตว์ร้ายเหรอ?” เฉินเซวียนหัวเราะเยาะ ค่ายเมฆาทมิฬของพวกเขาก็ตั้งอยู่บนภูเขานี้ สัตว์ร้ายที่อยู่รอบ ๆ ทั้งหมดถูกจับกินไปเป็นจำนวนมากแล้ว
หากเฉินเซวียนเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาอื่น เขาจะไม่กล้าประมาท แม้ว่าเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะระดับหกก็ตาม ทว่าเขากลับไม่เคยได้ยินว่ามีสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งกว่าตัวเขาเองปรากฏขึ้นรอบ ๆ เมืองจันทร์กระจ่าง
แล้วข้า…เฉินเซวียนผู้นี้จะต้องกลัวอะไร??!
การบ่มเพาะธาตุโลหะของเขาทำให้ตัวเองมีร่างกายที่อยู่ยงคงกระพัน แม้ว่าเขาจะวิ่งเข้าไปในดงสัตว์อสูรระดับเดียวกัน หรือสูงกว่าเขาหนึ่งระดับ เฉินเซวียนก็ยังมั่นใจว่าตัวเองจะสามารถหนีเอาตัวรอดได้
ชายผมแดงมีเป้าหมายเดียวในใจว่าต้องจับเจิ้งตานที่ได้รับพิษโดยเร็วที่สุด เขายังไม่มีโอกาสได้สนุกกับนางเลยด้วยซ้ำ!