เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 502 หญิงสาวที่แสนจะเด็ดเดี่ยว
บทที่ 502 หญิงสาวที่แสนจะเด็ดเดี่ยว
บทที่ 502 หญิงสาวที่แสนจะเด็ดเดี่ยว
ซูอันพยายามเอาใจหมี่ลี่ที่ดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน
“เอาน่า พี่หญิงใหญ่อย่าโกรธมากนักเลย ครั้งนี้ข้าทำเกินไปหน่อย คราวหน้าข้าจะระวังให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน ตกลงไหม?”
“นี่เจ้ายังคิดว่าจะมีครั้งต่อไปอีกงั้นเหรอ! เจ้าคิดว่าชีวิตมีไว้เพื่อเล่นแบบนี้หรือไง? เจ้ามีสมบัติช่วยชีวิตอีกอันงั้นเหรอหา?” หมี่ลี่เยาะเย้ย
“ไม่…” ซูอันตอบอย่างอ่อนแรง
จี้หยกที่ซางหลิวอวี้มอบให้เขานั้นช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ มันสามารถป้องกันการโจมตีของมังกรยักษ์ได้!
“เจ้าไปเอาสิ่งนั้นมาจากไหน?” หมี่ลี่ถามด้วยความสงสัยในเรื่องจี้หยก
“เพื่อนของข้าให้มา” ซูอันเล่าเรื่องซางหลิวอวี้อย่างคร่าว ๆ ให้นางฟัง
“คราวหน้า ขอนางเพิ่มอีกสักอันสิ” หมี่ลี่สั่งราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ซูอันรู้สึกเหนื่อยใจอย่างสิ้นเชิง
“สมบัติล้ำค่าขนาดนี้ ข้าจะไร้ยางอายขอเพิ่มอีกได้ยังไง?”
พี่หญิงใหญ่หน้าหนาเกินไปหรือเปล่า?
“คำว่า ‘ไร้ยางอาย’ มีอยู่ในหัวของเจ้าด้วยจริง ๆ เหรอ?” หมี่ลี่บ่น “ถ้าเจ้ารู้สึกไม่ดีขนาดนั้น งั้นก็ทำให้นางเป็นผู้หญิงของเจ้าซะ เจ้าจะได้ขอมาได้อย่างสะดวกใจ ยังไงเจ้าก็เป็นคนเจ้าชู้อยู่แล้ว เรื่องนี้เจ้าคงทำได้จริงไหม?”
ซูอันไม่มีคำพูดใด ๆ
พี่หญิงใหญ่ คำพูดของท่านสมเหตุสมผลมากจนข้าไม่สามารถโต้เถียงได้เลย!
หมี่ลี่กล่าวต่อ “รีบดึงแก่นแท้ของมังกรแดงออกมา แก่นแท้นั้นจะต้องเป็นสิ่งที่พิเศษอย่างแน่นอน”
ซูอันเดินไปหามังกร “โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าแก่นแท้ด้วยเหรอ?” เขาถามด้วยความสงสัย
ในตอนนี้ที่เขาเผชิญหน้ากับบรรดาหมาป่ากระซวกทวาร ซูอันได้พยายามค้นหาแก่นแท้หรือหินเวทมนตร์จากพวกมัน แต่เขาก็ไม่พบอะไรแบบนั้นเลย…
หมี่ลี่อธิบายต่อว่า “สัตว์ร้ายระดับต่ำไม่มีแก่นแท้ แต่มังกรย่อมมีอย่างแน่นอน มังกรตัวนี้น่าจะถึงระดับปรมาจารย์แล้ว”
“ระดับปรมาจารย์?” ซูอันตกตะลึง นี่น่าจะเป็นผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์คนแรกที่เขาเคยพบ น่าสงสัยจริง ๆ ว่าหมี่ลี่อยู่ในระดับใดเมื่อตอนที่นางอยู่ในจุดสูงสุดของช่วงชีวิต
“เป็นความรู้ทั่วไปที่สัตว์ร้ายมักจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ในระดับเดียวกัน” หมี่ลี่กล่าว “นั่นคือเหตุผลที่เจ้าไม่ควรประมาท มังกรที่มีความแข็งแกร่งระดับปรมาจารย์อาจเป็นสิ่งที่แม้แต่ปรมาจารย์หลายคนก็ไม่สามารถรับมือได้ ข้าไม่คิดเลยจริง ๆ ว่ามันจะเสียทีเจ้าแบบนี้”
ดวงตาของซูอันพลันส่องสว่างขึ้นทันที “ถ้างั้นมันก็หมายความว่าข้าสามารถเอาไปโอ้อวดกับคนอื่นได้ว่าข้าเคยฆ่าผู้เชี่ยวชาญระดับปรมาจารย์มาก่อนใช่ไหม?”
“มันเป็นเรื่องที่น่าป่าวประกาศตรงไหน?” หมี่ลี่กลอกตา “ทุกคนจะคิดว่าเจ้าบ้า หรือถ้าไม่ใช่ เจ้าจะสร้างปัญหาให้ตัวเองมากขึ้นก็เท่านั้น เรื่องนี้มันจะกลายเป็นหายนะใหญ่ต่อตัวเจ้าเอง!”
“โธ่ ข้าก็แค่มีความสุขเท่านั้นเอง? ขอข้าโอ้อวดบ้างสักหน่อยไม่ได้หรือไง…?”
ซูอันพูดอย่างขุ่นเคืองพลางทำตามคำแนะนำของหมี่ลี่ และค้นหาแก่นแท้ออกมา
มังกรนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ซากศพของมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ดาบธรรมดาจะตัดผ่าได้ เป็นความโชคดีที่สุดที่เขามีแท่งพิษที่แหลมคมจนน่าเหลือเชื่อนี้
แก่นแท้เป็นสีกุหลาบและให้ความร้อนเล็กน้อย
“แก่นแท้ระดับปรมาจารย์! นี่เป็นสมบัติที่หายากจริง ๆ!” หมี่ลี่กล่าวด้วยความชื่นชมยินดี
มันสามารถใช้เพื่อปลุกธาตุไฟ อาวุธ หรือปรุงยา…นี่เป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้อย่างแน่นอน
หมี่ลี่เหลือบมองไปที่ศพของมังกร “ทั้งร่างของมังกรตัวนี้ก็เป็นสมบัติเช่นกัน เพียงแต่ว่า มันใหญ่เกินไปเราจึงไม่สามารถนำไปด้วยได้ คงจะดีถ้าเรามีแหวนมิติ”
แต่นางก็ส่ายหัวทันที ต่อให้เป็นแหวนมิติชั้นยอดก็ไม่มีพื้นที่เพียงพอเก็บร่างที่ใหญ่โตขนาดนี้ได้
แต่แล้วพวกเขาก็ถูกขัดจังหวะโดยเสียงครวญครางที่อ่อนหวานและเย้ายวน ซูอันตบหน้าผากของตัวเอง “บ้าเอ๊ย ข้าเกือบลืมนางไปเลย”
ผลกระทบของยาในร่างกายของเจิ้งตานอาจถึงจุดสูงสุดแล้ว มีโอกาสน้อยที่นางจะอยู่ได้นานกว่านี้
เขารีบวิ่งไปประคองนาง ร่างกายของเจิ้งตานร้อนจัด เขารีบส่งคลื่นพลังเย็นเข้าสู่ร่างกายของนาง
สมองของเจิ้งตานกระจ่างขึ้นเล็กน้อย เมื่อนางเห็นซูอัน นางก็ผลักเขาออกไปทันที “อย่ามาแตะต้องตัวข้า!”
ซูอันพูดไม่ออก
อะไรวะ?
“อาซูตายแล้ว ข้าก็ไม่ปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป” เจิ้งตานกล่าวด้วยความทุกข์ใจ นางเอื้อมมือออกไปเตรียมจะตอกหมัดพลังชี่ใส่หัวตัวเอง
ซูอันตื่นตระหนกและรีบหยุดนาง “เจ้าเป็นอะไรมากไหมเนี่ย? ข้าอยู่ตรงนี้!”
เจิ้งตานจ้องมองเขาอย่างเกลียดชัง “มังกรปีศาจ อย่าคิดว่าข้าจะถูกหลอกและเชื่อฟังเจ้า! เจ้าฆ่าอาซูไปแล้ว และถือวิสาสะยึดรูปร่างหน้าตาของอาซูเป็นของเจ้า!”
ซูอันไม่เคยรู้สึกโง่งมขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
ซูอันพูดไม่ออกชั่วขณะ “เจ้าคิดเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ได้ยังไง?”
“เหอะ ๆ หรือเจ้าจะบอกว่าข้าคิดผิด?” เจิ้งตานหัวเราะเยาะ “เจ้าบอกเองว่าเมื่อเจ้าบรรลุแล้วเจ้าจะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ และเจ้าจะ…เจ้าจะ…”
ใบหน้าของนางแดงก่ำ และนางไม่สามารถจบประโยคที่นางต้องการจะพูดได้ “อาซูจะรอดชีวิตจากการโจมตีของเจ้าได้ยังไง? อาซูที่น่าสงสารของข้า…เป็นเพราะข้าแท้ ๆ ฮือ…”
ซูอันเห็นน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของนาง ซึ่งเขาคิดว่าการที่นางเป็นแบบนี้มันน่าจะเป็นผลของยาและความหวาดกลัวที่นางเพิ่งประสบ เป็นสาเหตุที่จิตใจของนางสับสน
ซูอันชี้ไปที่ศพมังกรยักษ์ “เจ้าดูนั่นก่อน มังกรตัวนั้นตายไปแล้ว”
เจิ้งตานตกตะลึงและหันไปมองทางที่เขากำลังชี้ แน่นอนว่ามีศพมังกรแดงอยู่ที่นั่น นางตกใจและดีใจมาก “ตายจริงเหรอ?”
“แน่นอน ข้าฆ่ามัน!” ซูอันยืดอก
ซูอันไม่กล้าขอให้หมี่ลี่ช่วยเขา เมื่อเทียบกับอัตตา ชีวิตของเขาย่อมสำคัญกว่า
“อาซู เป็นเจ้าจริง ๆ!” เจิ้งตานน้ำตาคลอ นางโผเข้าไปในอ้อมแขนของซูอัน “เจ้าไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอ?”
นางตรวจดูแผ่นหลังของเขาขณะถาม เมื่อเห็นกรงเล็บของมังกรที่พุ่งเข้าหาแผ่นหลังของซูอันได้ทำให้นางใจสลาย
หัวใจของซูอันเต้นเร็วขึ้น เมื่อเขารู้สึกถึงความร้อนที่น่าอัศจรรย์แผ่ออกมาจากร่างกายอันหอมหวนของนาง อย่างไรก็ตาม ด้วยเกรงว่าจินตนาการของนางจะกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง เขาจึงสลัดความคิดเหล่านี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เขาตบหลังนางเบา ๆ เพื่อปลอบโยน “ข้ามีสมบัติที่สามารถป้องกันการโจมตีนั้นได้”
“ดีจริง ๆ ดีจริง ๆ…” เจิ้งตานเม้มริมฝีปาก นางซุกหัวเข้าไปในอกของเขาอีกครั้ง
ซูอันใช้กระบี่เกล็ดหิมะอีกครั้ง ส่งพลังเย็นเข้าสู่ร่างกายของนางเพื่อกำจัดผลกระทบของยา น่าเสียดายที่พลังเย็นถูกกลืนกินโดยเปลวเพลิงราคะที่ไม่มีที่สิ้นสุดทันทีที่มันเข้าสู่ร่างกายของนาง หลังจากลังเลเล็กน้อย เขาก็พูดว่า “พิษที่ทำร้ายเจ้า มันค่อนข้างลำบาก…”
เจิ้งตานพยักหน้า “ใช่ข้ารู้”
ซูอันตกตะลึง เจ้าหมายถึงอะไรที่แค่พูดว่า ‘เจ้ารู้’?
ด้วยระดับการบ่มเพาะที่สูงส่งของเจิ้งตาน และความสามารถของนางในการบริหารกลุ่มวาฬ เขาคาดหวังให้นางมีความรู้และประสบการณ์ทุกประเภทที่สามารถช่วยนางจัดการกับปัญหานี้ได้ แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้เสนอวิธีใด ๆ เลย!
ซูอันเรียกหมี่ลี่อีกครั้ง “พี่หญิงใหญ่ ท่านมีวิธีอื่นในการกำจัดพิษนี้หรือไม่?” ถ้าจี้เสี่ยวซีอยู่ที่นี่ นางคงรู้วิธี
“พิษในร่างกายของนางนั้นผิดปกติ มันแข็งแกร่งกว่างูหลามตัวนั้นในมิติลับหยกจรัส ข้ากลัวว่าจะไม่มีวิธีอื่นอีก” หมี่ลี่หัวเราะเมื่อนางพูดแบบนี้ “เจ้าหนู หยุดแกล้งทำตัวโง่เง่าได้แล้ว! เจ้าได้รับผลประโยชน์ทั้งหมดของสถานการณ์นี้แล้ว เจ้ารู้ว่ามีทางเดียวเท่านั้นที่จะชะล้างพิษออกไปจากร่างกายของนางได้ การที่เจ้ายังคงถามเรื่องนี้อยู่อีกมันทำให้ข้าอยากจะอาเจียน!”
ซูอันรู้สึกหดหู่ใจ “ข้าพยายามจะเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ นะ!”
“เฮอะ!” หมี่ลี่เย้ยหยัน
ซูอันหันไปหาเจิ้งตานอย่างเขินอาย “วิธีเดียวที่จะกำจัดพิษในร่างกายของเจ้า…คือ…”
เจิ้งตานเม้มริมฝีปาก เสียงของนางนุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อ “ข้าคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว…”
นางเป็นผู้หญิงที่เด็ดขาดอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น ๆ พวกนางก็คงจะสูญเสียความคิดที่มีเหตุมีผลไปแล้ว