เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 513 ภาพที่งดงาม
บทที่ 513 ภาพที่งดงาม
บทที่ 513 ภาพที่งดงาม
ทั้งสองคนถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับใหลโดยเสียงของฉินหว่านหรู
“เราควรทำยังไงดี?” ซูอันถามขึ้นมาเบา ๆ
“เราจะทำอะไรได้? เร็วเข้า! เจ้ารีบออกไปทางหน้าต่างก่อน!” ฉู่ชูเหยียนกังวลมากจนเกือบจะร้องไห้ นางช่วยเขาหาเสื้อผ้าแล้วผลักเขาไปทางหน้าต่าง ขณะเดียวกันก็ตะโกนบอกกับแม่ของนางที่รออยู่ด้านนอก “โปรดรอสักครู่ท่านแม่!”
“จริง ๆ เราไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้นะ” ซูอันท้วง “เราเป็นสามีภรรยากันไม่ใช่เหรอ? ทำไมเราต้องทำเหมือนว่าเราเป็นชู้แอบกินกันแบบนี้!?”
“ไม่!” ฉู่ชูเหยียนปฏิเสธตรง ๆ ความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนาเร็วเกินไป การปล่อยให้เขาเข้ามาในห้องของนางตามสบายนั้นเป็นขีดจำกัดของนางแล้ว นางจะเปิดเผยให้โลกรู้ว่าตัวเองกับซูอันกำลังนอนด้วยกันได้อย่างไร?
ซูอันพูดไม่ออก ชายหนุ่มรู้ดีว่าภรรยาของตัวเองขี้อายมากแค่ไหนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเขาก็ไม่ต้องการทำให้นางยุ่งยากใจ
นอกจากนี้ หากความจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาถูกเปิดเผย ผู้เฒ่ามี่จะพบว่าชายหนุ่มหายดีแล้ว ดังนั้นชายชราคนนั้นจะต้องสงสัยเขาอย่างแน่นอน
เขาไม่รู้ว่าเป้าหมายแท้จริงของผู้เฒ่ามี่คืออะไร เรื่องเลวร้ายจริง ๆ อาจเกิดขึ้นได้หากผู้เฒ่ามี่ได้รับรู้ความจริง ดังนั้นเขาจึงตกลงที่จะเก็บขอบเขตความสัมพันธ์ของเขากับฉู่ชูเหยียนไว้เป็นความลับก่อน
ซูอันรีบสวมเสื้อผ้าแล้วกระโดดออกไปนอกหน้าต่าง
ฉู่ชูเหยียนเปิดประตู “ท่านแม่ ทำไมมาหาข้าเช้าขนาดนี้?”
“ข้าเป็นห่วงเจ้า เมื่อคืนข้านอนไม่หลับ เลยตัดสินใจมาเยี่ยมเจ้า” ฉินหว่านหรูมองลูกสาวของตัวเอง หัวใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกรักใคร่ลูกสาวคนนี้อย่างสุดซึ้ง ฉู่ชูเหยียนเป็นลูกสาวที่สมบูรณ์แบบ ทั้งเป็นคนดี เชื่อฟังบิดามารดา และยังมีพรสวรรค์ในทุก ๆ ด้าน
“ท…ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอกข้าสบายดี…” ฉู่ชูเหยียนกล่าว ใบหน้าของนางแดงเล็กน้อย
ฉินหว่านหรูตามนางเข้าไปข้างในห้อง ทันใดนั้นนางก็สูดอากาศ “หืม? กลิ่นอะไรน่ะ…”
“ม…ไม่มีอะไร…!” ฉู่ชูเหยียนรู้สึกลำบากใจ มีกลิ่นที่อบอวลอยู่ในห้องหลังจากค่ำคืนอันเร่าร้อนที่นางได้มีกับซูอัน
ฉินหว่านหรูตกใจกับท่าทางลูกสาว ในฐานะผู้หญิงที่มีประสบการณ์ นางจะเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ได้อย่างไร? “เมื่อคืน ซูอันมารักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าอีกแล้วใช่ไหม?”
“ใช่…” ฉู่ชูเหยียนตอบพลางก้มหน้าด้วยความอับอาย นางไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป
ฉินหว่านหรูถอนหายใจ “ข้าไม่รู้จะพูดยังไงดีกับเจ้า ความสัมพันธ์ของพวกเจ้านี่มันช่าง…เฮ้อ!” ลูกสาวที่โดดเด่นและเพียบพร้อมอย่างฉู่ชูเหยียนกลับถูกคนพาลแบบนั้นทำให้มีมลทินแบบนี้ ในฐานะแม่ นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นทุกข์
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน ฉินหว่านหรูก็รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดมันแปลก ๆ อยู่เช่นกัน ลูกสาวของนางมักจะหวงแหนร่างกายตัวเองและเย็นชาอยู่เสมอ ชายหนุ่มที่โดดเด่นจำนวนมากได้ยื่นไมตรีต่อลูกสาวนางมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ฉู่ชูเหยียนก็ไม่ได้สนใจใครแม้แต่คนเดียว แต่ทำไมกับซูอัน…ลูกสาวของนางถึงได้กลายเป็นแบบนี้? เด็กนั่นมีดีอะไรตรงไหน?
ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกไม่สบาย และนางก็เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “ชูเหยียน แม่ต้องการคุยเรื่องใบอนุญาตค้าเกลือของปีถัดไปกับเจ้า…”
…
ซูอันกลับไปนอนหลับพักผ่อนที่ห้องของเขา เขาไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปนานแค่ไหนก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงของฉู่ฮวนเจาที่ข้างหู
“พี่เขย ไอ้หมูขี้เกียจ! ลุกขึ้นได้แล้ว! เดี๋ยวไปเรียนสาย!”
ซูอันรีบกระเด้งตัวขึ้นนั่งอย่างฉับพลันเมื่อได้ยินว่าตัวเองจะไปเรียนสาย วลีนี้ทำให้เขาฝันร้ายเมื่อชีวิตที่แล้วตั้งกี่ปี?
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มก็รีบตั้งสติ ตอนนี้ข้าเป็นอาจารย์แล้ว! ทำไมข้าจะต้องกลัวสถาบันจันทร์กระจ่างอีก?
ด้วยความคิดนี้ชายหนุ่มจึงหลับตาลงพร้อมกับทิ้งตัวลงไปที่เตียงเตรียมจะหลับต่อไป…
เมื่อเห็นว่าซูอันกำลังจะผล็อยหลับไปอีกครั้ง ฉู่ฮวนเจาก็พูดอย่างโกรธเคือง “ไอ้พี่เขยหน้าเหม็น ลุกขึ้นได้แล้ว!”
“หยุดกวนข้า! ขอข้านอนต่ออีกหน่อย…” ซูอันโบกมือให้นาง
ซูอันออกแรงกับฉู่ชูเหยียนตลอดทั้งคืน และก่อนหน้านั้น เขาและเจิ้งตานก็สนุกกันเป็นเวลาตั้งหลายวัน ขอบคุณสวรรค์ที่ตัวเองมีวิชาปฐมบทแรกเริ่ม ไม่อย่างนั้นก็คงจะเหี่ยวเฉาและตายไปนานแล้ว…
ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังรู้สึกอ่อนเพลีย
“ท่านจะนอนต่อได้ยังไง? พวกเราจะสายกันอยู่แล้ว!” ฉู่ฮวนเจารู้สึกรำคาญ นางเอื้อมมือไปกำผ้าห่มของเขา “ข้าจะดึงผ้าห่มออกแล้วนะ!”
ซูอันยังคงหลับตาอย่างไม่สนใจ “ดึงออกเลย แต่ข้าบอกเอาไว้ก่อนว่าตอนนี้ข้าไม่ได้ใส่เสื้อผ้า!” เขาพึมพำ
ฉู่ฮวนเจาตัวแข็งทันที ปื้นแดงกระจายไปทั่วใบหน้าเล็กๆ ของนาง “ท่าน…คนลามก!”
ซูอันหัวเราะ “ข้าเป็นคนนอนบนเตียงและอยู่ใต้ผ้าห่ม ส่วนเจ้าเป็นคนที่ต้องการดึงมันออก ข้าจะเป็นคนลามกได้ยังไง?”
“ข้า…” ฉู่ฮวนเจาพูดไม่ออกไปชั่วขณะ อย่างไรก็ตาม สมองของนางทำงานเต็มที่และตอบอย่างรวดเร็วว่า “ไร้สาระ! ข้าเห็นท่านสวมเสื้อผ้าตอนที่ท่านลุกขึ้นนั่งเมื่อกี้!”
การถูกรบกวนเช่นนี้ขับไล่อาการง่วงนอนของซูอัน เขาอดไม่ได้ที่จะล้อเล่นกับนางเมื่อเห็นว่านางโกรธจนแก้มป่อง “ข้าสวมเสื้ออยู่ก็จริง แต่ข้าไม่ได้ใส่กางเกงต่างหาก”
ฉู่ฮวนเจาพูดไม่ออก
นางไม่เพียงจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนตอนที่ซูอันเปลือยอยู่กลางอ่างอาบน้ำที่พังทลายได้เท่านั้น ฉากนั้นยังปรากฏในความฝันของนางอีกด้วย
หน้าของนางแดงก่ำเมื่อนางคิดถึงเรื่องนี้…
“เป็นอะไรไป?” ซูอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของนาง
“ท่านคือมหาคนลามก!” ฉู่ฮวนเจาตะโกนใส่เขาแล้วรีบวิ่งหนีไป
ซูอันหัวเราะเมื่อเห็นว่านางตื่นตระหนกเพียงใด การล้อเล่นกับสาวน้อยคนนี้สนุกยิ่งนัก
หลังจากนั้น ซูอันก็ลุกออกจากเตียงอย่างไม่เต็มใจ
ท้ายที่สุด การไม่ไปสถาบันจันทร์กระจ่างก็ถือเป็นความบกพร่องทั้งในฐานะอาจารย์และนักศึกษา หากปราศจากบุคคลที่มีอำนาจอย่างเจียงลั่วฝูที่คอยหนุนหลัง ตัวเขาอาจถูกไล่ออกไปนานแล้ว
นี่เป็นเหตุผลที่ซูอันต้องไปสถาบันจันทร์กระจ่าง นอกจากนี้ ผู้เฒ่ามี่ต้องการให้เขาขโมยของจากตระกูลเว่ย ชายหนุ่มจะต้องพูดคุยกับเว่ยสั่วเพื่อแสวงหาโอกาส
ฉู่ฮวนเจาไม่ได้พูดอะไรกับเขาแม้แต่คำเดียวระหว่างทางไปสถาบันจันทร์กระจ่าง ซูอันพยายามจะคุยกับนางหลายครั้ง แต่นางก็เดินออกห่างทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาหานาง
ซูอันมึนงง นี่ข้าทำให้เด็กน้อยคนนี้โกรธจริง ๆ เหรอ?
เมื่อทั้งสองมาถึงสถาบันจันทร์กระจ่าง ฉู่ฮวนเจาก็ตรงไปยังห้องเรียนของตัวเอง
ซูอันรู้สึกหดหู่เล็กน้อย คิดว่าตัวเองน่าสมเพช
เมื่อคนอื่นปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี เจ้าก็มักจะกวนประสาทพวกเขา แต่เมื่อพวกเขาเริ่มเมินเจ้า เจ้าก็เริ่มคิดถึงพวกเขา ข้านี่มันไร้ยางอายจริง ๆ
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าสาเหตุที่ฉู่ฮวนเจาไม่สนใจเขาไม่ใช่เพราะนางโกรธ แต่เพราะฉากนั้นในคืนก่อนผุดขึ้นมาในหัวของนางตลอด และนางเอาภาพนั้นออกจากหัวไม่ได้!
นางจะกล้ามองเขาหน้าได้อย่างไร?
ซูอันตรงไปที่สำนักงานของอาจารย์ใหญ่เป็นอันดับแรก โดยต้องการรายงานทุกอย่างกับเจียงลั่วฝู เพราะนางเป็นผู้สนับสนุนของเขาในสถาบันจันทร์กระจ่างนี้
ซูอันเคาะประตู แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ จากนั้นจึงสังเกตเห็นว่าประตูไม่ได้ปิดสนิท
ชายหนุ่มผลักประตูให้เปิดและเข้าไป ในขณะที่กำลังจะเรียกเจียงลั่วฝู ฉากที่เห็นเกือบจะทำให้เลือดกระฉูดออกจากจมูก!
เจียงลั่วฝูไม่ได้อยู่คนเดียวในสำนักงาน ซางหลิวอวี้ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน! สาวงามสองคนนี้พาดขาอยู่บนโต๊ะ และดูเหมือนว่าพวกนางกำลังเปรียบเทียบอะไรบางอย่าง
คนหนึ่งสวมถุงน่องสีดำบางเฉียบ ในขณะที่อีกคนหนึ่งสวมถุงน่องสีเทาโปร่ง เขารู้สึกถึงความโชคดีที่ได้มองเห็นภาพที่น่าเจริญตาเช่นนี้
เขาได้ยินเจียงลั่วฝูพูดกับซางหลิวอวี้อย่างภาคภูมิใจว่า “หนูน้อยอวี้อวี้ ข้าบอกเจ้าแล้วนี่ว่าถุงน่องเหล่านี้เหมาะกับเจ้า”
ซางหลิวอวี้หัวเราะ และกำลังจะตอบเมื่อนางเงยหน้าขึ้นและเห็นซูอัน รอยยิ้มของนางก็ถึงกับแข็งค้างทันที…