เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 515 ฆ่าสุนัขแซ่ซูตัวนั้น!
บทที่ 515 ฆ่าสุนัขแซ่ซูตัวนั้น!
บทที่ 515 ฆ่าสุนัขแซ่ซูตัวนั้น!
จี้เสี่ยวซียิ้มแย้มเมื่อเห็นเขาออกมา “พี่ใหญ่อาซู ข้าดีใจที่เห็นท่านสบายดี”
ซูอันรู้สึกว่าหัวใจของเขาอบอุ่น “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามาดูทุกวันว่าข้ากลับมาหรือยัง ข้าทำให้เจ้าเป็นห่วงแล้ว”
“ไม่ใช่นะ…” แก้มยุ้ยของจี้เสี่ยวซีกลายเป็นสีดอกกุหลาบ “ข้าไม่ได้มาทุกวัน…”
ซูอันหัวเราะและพูดว่า “ข้าจำได้เสมอว่าเสี่ยวซีห่วงใยข้ามากแค่ไหน อ้อ ก่อนที่ข้าจะลืม ข้ามีของจะให้เจ้า”
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าชั้นดีออกมาจากกระเป๋าด้านใน “นี่สำหรับเจ้า ข้าทำผ้าเช็ดหน้าของเจ้าเสียหาย และข้าก็เกือบลืมไปแล้วในที่สุดข้าก็พบโอกาสที่จะได้ให้เจ้าซะที ดูสิว่าชอบหรือเปล่า ถ้าเจ้าไม่ชอบ ข้าจะไปเปลี่ยนแบบอื่นมาให้”
“ไม่เป็นไร ผืนนี้ก็สวย” จี้เสี่ยวซีขยับนิ้วของนางลูบไล้บผ้าเช็ดหน้าที่สวยงามและชื่นชมความเนียนลื่นมีคุณภาพสูงของมัน “อ๊ะ? มีด้ายสีทองปักอยู่ด้วย นี่มันต้องแพงมากแน่ ๆ!”
“มันไม่แพงสำหรับข้า! พี่ใหญ่คนนี้ของเจ้าร่ำรวยนัก!” ซูอันทุบอกของเขา “มีเพียงผ้าเช็ดหน้าชั้นดีเท่านั้นที่คู่ควรกับเจ้า”
จี้เสี่ยวซีหน้าแดง “ขอบคุณพี่ใหญ่!” นางพูดอย่างอ่อนหวาน
“จริงสิ เจ้าช่วยดูขวดยานี้ให้ข้าหน่อยได้ไหม? ข้าไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้” ซูอันมอบขวดยาของเฉินเซวียนให้นาง
เมื่อนางได้ยินคำว่ายา ใบหน้าหวานของจี้เสี่ยวซีก็ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย “ได้ ข้าจะดูให้”
นางเปิดขวดและมองเข้าไปข้างใน นางเอาจมูกสูดกลิ่นมัน โดยใช้มืออีกข้างพัดให้กลิ่นเข้าหาตัวเอง
“ทำไมหอมจัง?” จี้เสี่ยวซีค่อนข้างงงงวย “ยานี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ยาพิษ แต่ก็ไม่ใช่ยาที่ใช้รักษาเช่นกัน พี่ใหญ่อาซู ท่านรังเกียจไหมถ้าข้าจะเอามันไปทดสอบ”
“ย่อมไม่” ซูอันพูดด้วยรอยยิ้ม สิ่งนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับเขาเลยถ้าเขาไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไร
จี้เสี่ยวซีเทของเหลวลงบนมือของนาง จากนั้นก็ใช้ลิ้นเลียมัน
ซูอันกระโดดด้วยความตกใจ “เฮ้ย! เจ้าจะวางยาพิษตัวเองเหรอไง!?”
เขาไม่ว่าอะไรหากนางจะเอามันไปทดสอบ แต่ทำไมนางถึงต้องเสี่ยงใช้ร่างกายตัวเองทดสอบมันด้วย?
ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง?
จี้เสี่ยวซียิ้มหวาน “อย่ากังวลไปเลยพี่ใหญ่อาซู ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่ ข้าได้รับพิษทุกประเภทตั้งแต่ข้ายังเด็ก และท่านพ่อของข้าก็ให้ข้ากินยามากมาย แม้ว่าข้าจะไม่รอดจากพิษทุกชนิด แต่พิษส่วนใหญ่ไม่มีผลกับข้า”
ในที่สุดซูอันก็ถอนหายใจ แม้ว่าจี้เติ้งถูจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือนักเมื่อพูดถึงเรื่องอื่น แต่เขาห่วงใยลูกสาวมากและเลี้ยงดูนางมาตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นย่อมมีพิษไม่กี่ชนิดที่จะทำอะไรกับนางได้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่คือพิษชนิดใด?” ซูอันถามด้วยความอยากรู้
จี้เสี่ยวซีส่ายหัวด้วยสีหน้างงงวย “ข้าไม่คิดว่ามันมีพิษใด ๆ แต่ดูเหมือนจะเป็นอาหารเสริมบางอย่างมากกว่า อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างแตกต่างจากอาหารเสริมทั่วไป…ชั้นเรียนกำลังจะเริ่มแล้ว ข้าจะนำยานี้กลับไปก่อน ข้าจะบอกท่านเมื่อข้ารู้แล้วว่ายานี้ใช้ทำอะไร ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ซูอันหัวเราะ “แน่นอนว่าไม่ ข้าจะเชื่อใจใครได้อีกในโลกนี้ถ้าข้าไม่ไว้ใจเสี่ยวซี?”
ใบหน้าของจี้เสี่ยวซีกลายเป็นสีแดง ท่านเชื่อข้ามากกว่าภรรยาของท่านงั้นเหรอ? อย่างไรก็ตาม สมองส่วนใหญ่ของนางจดจ่ออยู่กับยา นางจึงรีบจากไปอย่างรวดเร็วในขณะที่สกัดกั้นความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง
ซูอันกลับมาที่ห้องเรียน ใบหน้าของเว่ยสั่วเต็มไปด้วยความรู้สึกยกย่อง“ลูกพี่คือลูกพี่จริง ๆ! คว้าชิวฮัวเล่ยมาได้ แถมตอนนี้แม้แต่จี้เสี่ยวซีที่ใสซื่อบริสุทธิ์ก็ยังเข้าหาเจ้า! เจ้านี่มันนักล่าตัวจริง!”
ใบหน้าของซูอันเปลี่ยนเป็นมืดหม่น “เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไร? เราเป็นแค่เพื่อนกัน!”
เขารู้ดีว่าจี้เติ้งถูพ่อของจี้เสี่ยวซีหวงลูกสาวขนาดไหน และเขาก็ไม่อยากให้ข่าวลือแปลก ๆ เข้าหูหมอเพี้ยนผู้นั้น ไม่เช่นนั้นชายคนนั้นอาจถลกหนังเขาทั้งเป็นถ้าคิดว่าเขาเอาเปรียบจี้เสี่ยวซี!
“อ้อ! ชายหญิงที่เป็นเพื่อนกัน ข้าเข้าใจแล้ว ๆ” เว่ยสั่วแกล้งพูดเป็นนัย
ซูอันปฏิเสธที่จะโต้เถียงกับอีกฝ่ายเรื่องจี้เสี่ยวซี เขาเปลี่ยนน้ำเสียงและพูดว่า “แล้วภัตตาคารจตุรทิศมีความพิเศษยังไง?”
“ภัตตาคารจตุรทิศถูกบริหารโดยตระกูลหวาง” เว่ยสั่วอธิบาย “ชื่อจตุรทิศได้มาเพราะต้อนรับแขกจากทุกที่ เป็นภัตตาคารที่หรูหราที่สุดของเมืองจันทร์กระจ่าง! แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ชั้นบนสุดของภัตตาคารจตุรทิศไม่ใช่ที่ที่ใครก็สามารถขึ้นไปได้เพียงเพราะมีเงิน
“ที่นั่นสงวนให้เฉพาะบุคคลที่โดดเด่นที่สุด ตัวอย่างเช่น อัจฉริยะด้านการบ่มเพาะ นักวิชาการที่มีพรสวรรค์เหนือผู้คน…เฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติสูงสุดเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไป!!! ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดภัตตาคารจตุรทิศ มีคนน้อยกว่าสิบคนที่ได้รับสิทธิ์นั้น นั่นคือเหตุผลที่ใคร ๆ ก็อยากจะขึ้นไปบนนั้น เพราะมันหมายถึงว่าเขาจะได้รับเกียรติสูงสุดอย่างแท้จริง
“ปกติแล้วคนอย่างข้าไม่มีทางได้สิทธิ์ไปที่นั่น แต่คราวนี้ข้าสามารถไปได้เพราะเจ้าแท้ ๆ!”
ซูอันหัวเราะคิกคัก “ตระกูลหวางดูเหมือนจะมีทักษะทางการตลาดที่ค่อนข้างดี แต่หากจะบอกว่าใคร ๆ ก็ไม่สามารถขึ้นไปชั้นบนสุดของภัตตาคารจตุรทิศได้ ข้าคิดว่ามันไร้สาระเกินไปหน่อย ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่าพวกเขาสามารถหยุดอ๋องฉู่หรือเจ้าเมืองไม่ให้ขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของภัตตาคารพวกเขาได้ หากคนเหล่านั้นต้องการ”
เว่ยสั่วตอบกลับ “ตระกูลหวางไม่ได้โง่หรอกลูกพี่ พวกเขาหาทางออกให้ตัวเองได้เสมอ คนอย่างอ๋องฉู่และเจ้าเมืองเซี่ยล้วนเป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงอย่างมาก ดังนั้นหากพวกเขาจะขึ้นไป ตระกูลหวางก็คงไม่ว่าอะไรและอ้างว่าทั้งเจ้าเมืองและอ๋องฉู่ต่างมีชื่อเสียงตรงตามเงื่อนไขอยู่แล้ว”
“เป็นเช่นนั้น ๆ” ซูอันยังไม่หยุดความอยากรู้อยากเห็น “ข้าเข้าใจดีที่อนุญาตเฉพาะคนที่มีชื่อเสียงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จะเกิดอะไรขึ้นถ้าแขกที่มีความแข็งแกร่งแต่ไม่เป็นที่รู้จักพยายามจะขึ้นไป? ภัตตาคารจะใช้วิธีการไหนในการตัดสินว่าคนผู้นั้นมีคุณสมบัติ?”
“นั่นเป็นเรื่องง่าย คนเหล่านั้นสามารถแสดงทักษะของพวกเขาได้ทันที! ผู้บ่มเพาะสามารถแสดงระดับการบ่มเพาะ นักดนตรีบรรเลงเพลงของพวกเขา และนักวิชาการสามารถอวดความรู้ด้านกวีนิพนธ์และวรรณกรรมได้ ข้าได้ยินมาว่ามีคนเก่ง ๆ หลายคนในภัตตาคาร หากบุคคลใดที่สามารถทำให้พวกผู้มีความสามารถเหล่านั้นยอมรับได้ เขาก็จะได้รับสิทธิ์ให้ขึ้นไปชั้นบนได้…”
ซูอันทำหน้าแปลก ๆ “นี่มันไม่ต่างอะไรกับการจับคู่แข่งกันเลยไม่ใช่เหรอไง? ล้าสมัยไปหน่อยไหม?”
ทั้งสองคุยกันอยู่นาน ทันใดนั้นเว่ยสั่วก็สะกิดซูอันแล้วขยิบตาให้
ซูอันหันกลับมาและเห็นจี้เสี่ยวซีโบกมือให้เขา ใบหน้าของนางในตอนนี้แดงมาก!
ชั้นเรียนของนางยังไม่เริ่มอีกหรือไง? นางกลับมาที่นี่ทำไม?
ซูอันสังเกตว่าไป๋ซู่ซู่ซึ่งกำลังจะเข้าสอนชั้นเรียนของเขาได้เดินเข้ามาแล้ว อย่างไรก็ตาม จี้เสี่ยวซีดูเป็นกังวลอย่างมาก ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจรีบออกไปซักถามนาง
ซูอันตบไหล่ไป๋ซู่ซู่ตอนที่เดินสวนกัน“พี่ไป๋ ข้ามีบางอย่างที่ต้องจัดการก่อน สอนพวกเขาให้ดีล่ะ!”
ไป่ซู่ซู่จ้องมองซูอันด้วยสายตาว่างเปล่า เขาพูดไม่ออก เจ้ายังมีสถานภาพเป็นนักศึกษาอยู่นะ! เจ้าไม่พูดกับข้าเหมือนเพื่อนร่วมงานในชั้นเรียนได้ไหม?
อย่างไรก็ตาม ปกติเขาเป็นคนอารมณ์เย็นอยู่แล้ว และเข้ากันได้ดีกับซูอันเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีปัญหาอะไร เขายังเตือนด้วยรอยยิ้มว่า “อย่ารังแกเสี่ยวซีก็แล้วกัน”
คนที่น่ารักอย่างจี้เสี่ยวซีได้รับความโปรดปรานจากอาจารย์ในสถาบันจันทร์กระจ่างทุกคนอย่างชัดเจน
เสียงโห่ร้องดังขึ้นในห้องเรียน ซูอันก็ยิ้มเยาะและพูดว่า “เสี่ยวซีน่ารักขนาดนั้น ถ้าข้าไม่หยอกนางสักหน่อยก็เสียของน่ะสิ!”
ไป๋ซู่ซู่อ้าปากค้าง เว่ยสั่วก็เช่นกัน นักศึกษาชั้นเรียนสีเหลืองที่เหลือก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
“ข้าทนเขาไม่ไหวแล้ว! มาเจอกับข้าหน่อยมา ข้าจะเอาชนะเจ้าให้ได้!”
“แต่เขาเอาชนะซือคุนได้นะ เจ้าจะทำอะไรกับเขาได้?”
“ให้ตายเถอะ! ข้าโกรธจนแทบบ้าแล้ว!”
“เรามาช่วยกันฆ่าไอ้สุนัขแซ่ซูด้วยกันเถอะ!”
…
ซูอันไม่ได้อารมณ์เสียกับเสียงก่นด่าเหล่านี้ เขากลับรู้สึกดีใจแทน
นักศึกษาเหล่านี้ยังน่ารักเหมือนเดิมตลอดไม่เปลี่ยนแปลงเลย พวกเขาเปรียบเสมือนเครื่องจักรผลิตคะแนนความโกรธแค้นให้อย่างดีเยี่ยมสม่ำเสมอ
จี้เสี่ยวซีได้ยินบทสนทนาของทุกคนในห้องเรียนสีเหลือง ซึ่งมันทำให้ใบหน้าของนางแดงก่ำ นางรีบพยักหน้าส่งสัญญาณเร่งเร้าให้ซูอัน ออกมาจากห้องเรียน และพานางไปยังที่ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นเสี่ยวซี?” ซูอันถามเด็กสาวด้วยความอยากรู้ หน้าของนางตอนนี้แดงมากกว่าปกติเกินไป
“รีบพาข้าไปที่ห้องของท่านเร็ว!” จี้เสี่ยวซีเกือบจะน้ำตาไหลแล้ว!