เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 532 สัญญายังคงอยู่หรือไม่
บทที่ 532 สัญญายังคงอยู่หรือไม่?
บทที่ 532 สัญญายังคงอยู่หรือไม่?
เมื่อซูอันเดินไปถึงหน้าประตูรถม้า มือขาวนวลเนียนข้างหนึ่งเปิดประตูออก “อาซู…เข้ามาเถิด”
ซูอันยิ้มในขณะที่เขามองดูผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่ออยู่ข้างใน “ทำไมฮัวเล่ยไม่เข้าไปดื่มชาที่ด้านในเรือนของข้าก่อน?”
ชิวฮัวเล่ยยิ้ม “ข้ากลัวว่าคนในนั้นจะไม่ต้อนรับข้า ข้าเลยตัดสินใจไม่ทำให้ทุกคนลำบาก”
ซูอันยิ้ม เขายังคงจำได้ว่าคฤหาสน์ตระกูลฉู่วุ่นวายเป็นอย่างมากเมื่อครั้งล่าสุดที่นางมา “เจ้าอยากคุยกับข้าเรื่องอะไร?”
“ข้ามาโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้เหรอ?” ความขมขื่นปรากฏขึ้นในดวงตาของ ชิวฮัวเล่ย
ซูอันถอนหายใจ บางครั้ง เขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าการกระทำไหนของนางเป็นของจริงและสิ่งไหนไม่จริง
ชิวฮัวเล่ยมอบชุดเสื้อผ้าที่พับเก็บเรียบร้อยให้แก่เขา “ขอบคุณที่ให้ยืมเสื้อผ้า ข้าไม่เคยมีโอกาสได้คืนมันให้กับท่าน”
“ฮ่า ๆ เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว มันเป็นแค่ชุดเสื้อผ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่นี่เพื่อคืนมันให้กับข้าแบบนี้หรอก” ในขณะที่ซูอันพูดประโยคนี้ เขาก็สงสัยว่าเขาควรจะหาโอกาสขอยืมของจากนางบ้างดีไหม
หากพวกเขาให้ยืมของกันและกันจากนั้นก็เดินทางมาคืนกันและกันอย่างต่อเนื่อง ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไม่แน่นแฟ้นขึ้นเหรอ?
“ข้าพบเปลือกหอยนี้ในเสื้อผ้าของท่านเช่นกัน” ชิวฮัวเล่ยนำเปลือกหอยอันประณีตออกมา “แต่ว่าสิ่งนี้ดูน่าสนใจทีเดียว ข้าขอได้ไหม?”
ซูอันรู้สึกอับอาย “นี่…”
หากเป็นอย่างอื่น เขาจะมอบมันให้กับนางโดยไม่ลังเล อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่เขายืมมาจากซางหลิวอวี้ ชายหนุ่มขอยืมมาไว้นานแล้ว เขาจะให้มันกับคนอื่นได้อย่างไร?
ชิวฮัวเล่ยโยนเปลือกหอยใส่มือของเขาด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ “ท่านได้มันมาจากผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม? ไม่ต้องห่วง ข้าแค่ล้อเล่น”
ซูอันเก็บมันกลับมาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “ต่อไปหากข้ามีโอกาส ข้าจะซื้อเครื่องดนตรีชิ้นอื่นให้เจ้าอย่างแน่นอน”
ชิวฮัวเล่ยยิ้ม “ข้าจะจำคำพูดของท่านไว้” แต่แล้วจู่ ๆ น้ำเสียงของนางก็จริงจังขึ้นมา “มีอีกเรื่องสำคัญที่ข้าต้องคุยกับท่าน”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของนาง “มันคืออะไร?”
ชิวฮัวเล่ยลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “อาซู เจ้าวางแผนที่จะใช้ชีวิตทั้งชีวิตในตระกูลฉู่จริง ๆ เหรอ?”
ซูอันหัวเราะคิกคัก “ลำไส้ของข้าไม่ได้ดีขนาดนั้น ข้าอาจจะต้องกินข้าวนุ่มตลอดชีวิต*[1]”
ชิวฮัวเล่ยถอนหายใจ “นายน้อยเป็นคนที่มีความสามารถมาก ทำไมท่านถึงดูถูกตัวเองแบบนี้? นอกจากนี้ ต่อให้ท่านอยากเป็นแมงดา ก็ยังมีตัวเลือกมากกว่าแค่ตระกูลฉู่ ”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “งั้นข้าขอเลือกเจ้าได้ไหม?”
รอยสีแดงกระจายไปทั่วแก้มของชิวฮัวเล่ย “เมื่อไหร่ก็ได้ ข้ายินดี”
ซูอันถอนหายใจ “แต่ข้ามันเป็นคนโลภมาก ถ้าเป็นไปได้ข้าอยากเลือกหมดทุกคนนั่นแหละ”
ชิวฮัวเล่ยตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วพึมพำ “ข้าไม่เคยเห็นใครที่สามารถทำให้ความคิดสกปรกเช่นนี้ฟังดูชอบธรรมได้”
ซูอันกล่าวว่า “ข้าคิดว่าข้าจริงใจมากกว่าคนหน้าซื่อใจคดคนอื่น ๆ”
ชิวฮัวเล่ยยิ้ม “เอาล่ะ เรามาพูดถึงเรื่องสำคัญกันก่อนดีกว่า ข้าเพิ่งได้รับข่าวมาว่าตระกูลฉู่จะถึงจุดจบในไม่ช้า ในฐานะเพื่อน ข้าแนะนำให้ท่านรีบออกจากเรือที่กำลังจมลำนี้”
ซูอันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “อธิบายให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหม?”
แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลฉู่จะอยู่ในจุดที่สุ่มเสี่ยง แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นถึงตระกูลอ๋อง! แน่นอนว่าพวกเขาสามารถอดทนผ่านวิกฤตในปัจจุบันได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีกองทัพส่วนตัว นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าตระกูลแบบนี้จะถูกทำลายได้อย่างไร?
ชิวฮัวเล่ยส่ายหัว “ข้าขอโทษ ข้าไม่สามารถเปิดเผยแหล่งที่มาของข่าวได้ ข้ามาที่นี่เพื่อเตือนท่านเพราะมิตรภาพของเราเท่านั้น”
ซูอันรู้ว่านางมีภูมิหลังที่ลึกลับ และไม่ต้องการกดดันนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ “แม้ว่าตระกูลฉู่จะเต็มไปด้วยปัญหา แต่ข้าไม่ใช่คนขายมิตร ข้าจะออกจากตระกูลฉู่ได้ยังไงหากตระกูลฉู่กำลังเผชิญกับภัยพิบัติ?”
ชิวฮัวเล่ยรู้สึกสับสน “แต่ข้าได้ยินมาว่าตระกูลฉู่ปฏิบัติต่อท่านไม่ดี!”
ซูอันยิ้ม “แค่บางคนเท่านั้นที่ไม่ดีต่อข้า และพักหลังมานี้พวกเขาก็ดีกับข้ามากกว่าแต่ก่อนมาก ข้าไม่อาจทำให้ผู้คนที่ดีต่อข้าผิดหวังได้”
รอยยิ้มอันอบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเมื่อนึกถึงฉู่ฮวนเจาและฉู่ชูเหยียน
ชิวฮัวเล่ยเงียบไปเป็นเวลานาน ในที่สุดนางพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ ดูเหมือนว่าข้าไม่สามารถเปลี่ยนใจท่านได้”
ซูอันกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สัญญาของเจ้าที่จะเป็นอนุภรรยาของข้ายังคงมีอยู่หรือไม่?”
ชิวฮัวเล่ยตกตะลึง ผิวหน้าของผู้ชายคนนี้หนามากจริง ๆ! อย่างไรก็ตาม นางไม่รู้สึกรังเกียจเขา และตอบกลับว่า “ถ้าคราวหน้าเจอกัน และท่านยังคงอยู่ดี สัญญาก็ยังคงมีอยู่”
“แล้วครั้งหน้าเราจะเป็นมิตรหรือศัตรูกัน?” ซูอันถาม
หลังจากลังเลเล็กน้อย ชิวฮัวเล่ยกล่าวว่า “แน่นอนว่าเราจะเป็นมิตรกัน”
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ได้ยินเช่นนี้ข้าก็โล่งอก ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเคยได้ยินคำพูดนี้ คนดีมักตายเร็ว ส่วนวายร้ายมักมีชีวิตอยู่ค้ำฟ้า คนเลวร้ายอย่างข้าจะมีชีวิตอยู่จนกว่าข้าจะทำให้เจ้าเป็นภรรยาของข้าได้”
“ท่าน…!” แม้ว่าเสียงของนางจะเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่นางก็ไม่ได้โกรธเขาจริง ๆ “พอเถอะ แล้วข้าจะรอการเจอกันครั้งต่อไปของเรา”
หลังจากที่รถม้าของนางออกไปแล้ว ซูอันก็ตกอยู่ในห้วงความคิด ไตร่ตรองถึงข้อมูลใหม่ที่เขาเพิ่งได้รับ
“นางไปแล้ว ทำไมท่านถึงยังมองไปทางนั้นล่ะ?” ฉู่ฮวนเจากลับมาที่ด้านข้างของเขาแล้ว น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ไปหาพี่สาวของเจ้ากันเถอะ” ซูอันพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
ฉู่ฮวนเจาไม่กล้าที่จะล้อเล่นเมื่อนางสัมผัสได้ถึงความจริงจังของเขา นางจึงรีบเดินตามเขาไป
…
ฉู่ชูเหยียนฟังทั้งหมดที่เขาพูด ในท้ายที่สุด นางยังคงสงสัยต่อข้อมูลที่ซูอันเอามาบอกนาง “อันตราย? ตระกูลฉู่ทำได้ดีทีเดียวในตอนนี้ กลุ่มวาฬถูกกำจัดไปแล้วและการค้าเกลือผิดกฎหมายเสียหายอย่างหนัก ทั้งหมดนี้ทำให้ตระกูลฉู่ของเราสามารถกู้คืนแหล่งรายได้นี้มาได้ สิ่งต่าง ๆ ควรจะดีขึ้นไม่ใช่เหรอ?”
“เรายังควรระมัดระวัง” ซูอันเตือนซ้ำอีกครั้ง
“ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะระวัง” รอยยิ้มของฉู่ชูเหยียนช่างสวยงามเหลือเกิน
ฉู่ฮวนเจาอดไม่ได้ที่จะเดินไปกอดพี่สาวตัวเอง “พี่ใหญ่ ข้าคิดว่าเดี๋ยวนี้ท่านยิ้มมากขึ้น!”
“จริงเหรอ?” ฉู่ชูเหยียนลูบแก้มของนางเองและมองซูอันโดยไม่รู้ตัว
ตาของพวกเขาสบกัน และนางก็หน้าแดง
[1] กินข้าวนุ่ม มีความหมายประมาณว่า เกาะผู้หญิงกิน