เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 54 จักรพรรดิคีย์บอร์ด (ปลาย)
บทที่ 54 จักรพรรดิคีย์บอร์ด (ปลาย)
ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีผู้ชายมากมายนับไม่ถ้วนที่เห็นหน้านางเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็จำหน้านางเอาไปฝันถึง แต่แทบไม่มีชายใดที่สามารถเข้าไปอยู่ในใจนางได้ บางทีจี้เติ้งถูก็อาจเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
อย่างไรก็ตาม มันคงไม่ดีสำหรับนางที่จะพูดถึงเรื่องแบบนั้นต่อหน้าลูกสาวของเขา ดังนั้นนางจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนและตอบว่า “ข้ากับพ่อของเจ้าอาจจะเคยเจอกันมาก่อน แต่มันมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น
รอบกายข้ามากมายซึ่งบางครั้งข้าเองก็จำอะไรหลายอย่างไม่ได้มากนัก”
ทันใดนั้นเสียงกีบม้าก็ดังขึ้นมาแต่ไกล ใบหน้าของซูอันเปลี่ยนไปทันที แต่อวี้เหยียนลั่วให้ความมั่นใจกับเขาอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องห่วง พวกเขาควรจะเป็นคนของข้า”
“ปัญหาภายในของตระกูลของเจ้าวุ่นวายและซับซ้อนเกินไป ดังนั้นข้าขอไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวจะดีกว่าเอาไว้ข้าพร้อมเมื่อไหร่พวกเราค่อยเจอกันใหม่ก็แล้วกัน ข้าขอตัวก่อนล่ะ! อ้อแล้วอย่าลืมเตรียมเงินของข้าเอาไว้ด้วยล่ะ เร็ว ๆ นี้ข้าจะไปเอาแน่นอน!” เมื่อพูดจบซูอันดึงตัวจี้เสี่ยวซีออกไปกับเขาทันทีอย่างเร่งร้อน
“เอ๊? พี่ซูทำไมพวกเราต้องรีบไปกันแบบนี้ล่ะ?” จี้เสี่ยวซีรู้สึกสับสนกับท่าทีรีบร้อนของซูอันเห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่พวกเขากำลังคุยกันอย่างถูกคอแท้ ๆ ทำไมตอนนี้ถึงต้องรีบจากไปแบบนี้!
“อย่าเพิ่งถามอะไรมากออกไปกับข้าก่อน!”ซูอันรีบตอบกลับพลางดึงตัว จี้เสี่ยวซีออกไปพร้อมกับเขา
ซึ่งขณะที่ถูก ซูอันลากออกไป จี้เสี่ยวซีก็ไม่ลืมที่จะหันหลังกลับไปโบกมือลาทุกคน
เมื่อมองไปที่คู่หูที่จากไป รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏขึ้นในดวงตาอันงดงามของอวี้เหยียนลั่ว “เป็นเด็กหนุ่มที่น่าสนใจจริง ๆ”
จี้เสี่ยวซีถูกลากออกจากบริเวณรถม้ามุ่งลึกเข้าไปในป่า แต่เมื่อเห็นว่าซูอันจับแขนส่วนที่พ่อของนางป้ายยาพิษเอาไว้ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วนและพูดขึ้นว่า “พี่ซูมือของท่านถูกพิษอีกแล้ว”
แม้จะได้ยินแบบนั้นซูอันก็ยังคงไม่ปล่อยมือเขายังพานางวิ่งออกไปเรื่อย ๆ พร้อมกับพูดว่า “เจ้ามียาแก้พิษอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? หลังจากนี้เจ้าค่อยรักษาข้าทีหลัง!”
“เอ่อ…” จีเสี่ยวซี กะพริบตาปริบ ๆ ครุ่นคิดว่าสถานการณ์นี้มันกลับตาลปัตรเป็นอย่างมาก ยาพิษที่พ่อของนางปรุงขึ้นเป็นพิเศษให้นางสูตรถูกปรุงมาเพื่อปกป้องนางจากการถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ชายทั้งหลาย แต่ชายผู้นี้สัมผัสร่างกายของนางอย่างโจ่งแจ้งและขอยาแก้พิษจากนางราวกับว่าเป็นเรื่องปกติเสียอย่างนั้น
ในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นว่าพวกเขาออกห่างมาได้พอสมควรจนน่าจะปลอดภัยแล้ว ซูอันจึงพานางไปหลบในพุ่มไม้และดึงนางลงนั่งยอง ๆ ข้าง ๆ จากนั้นเขาก็เงี่ยหูฟังเสียงโดยรอบเพื่อดูว่ามีใครตามมารึเปล่า
เมื่อหยุดลงจี้เสี่ยวซีจึงเริ่มรักษาพิษที่มือของซูอันพร้อมกับถามขึ้นด้วยความสงสัย “พี่ซูทำไมเราถึงต้องหนี?”
ซูอันตอบกลับทันที “เจ้าบอกว่าอวี้เหยียนลั่วเพิ่งสูญเสียสามีของนางใช่ไหม ข้าคิดว่าเรื่องที่รถม้าของนางถูกลอบโจมตีนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ เห็นได้ชัดว่ามีแนวโน้มที่ใครบางคนในตระกูลอวี้ต้องการกำจัดนาง ดังนั้นมันจึงไม่มีทางบอกได้เลยว่ากำลังเสริมที่กำลังมานั้นตั้งใจจะมาช่วยนางหรือว่ามาปิดงานโดยการฆ่านางกันแน่ ไม่ว่าในกรณีใดมันเป็นการดีที่สุดสำหรับเราที่จะไม่เข้าไปพัวพันกับเรื่องราวภายบในตระกูลใหญ่เช่นนี้”
สถานการณ์ของเขาในตระกูลฉู่นั้นแย่พอแล้ว การเอาตัวเองเข้าไปข้องแวะกับปัญหาภายในของตระกูลใหญ่อีกตระกูลมันจะยิ่งทำให้เขาตายเร็วขึ้นมากไปกันใหญ่
จี้เสี่ยวซีเข้าใจสิ่งที่ซูอันพูดทันที นางพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยชมว่า “ข้าไม่ได้คิดไกลถึงขนาดนั้นเลย พี่ซูท่านนี่ฉลาดจริง ๆ!”
“แหะ ๆ” ซูอันชูคอขึ้นอย่างพึงพอใจ เขารู้สึกดีที่ได้รับคำชมจากสาวสวยคนนี้และรอให้คำชมนั้นดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตามจี้เสี่ยวซีกลับจดจ่อกับการรักษาพิษของเขาซะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นคำชมทั้งหมดจึงหยุดอยู่แค่นั้น
ตัดกลับมาที่ทางด้านของอวี้เหยียนลั่ว ไม่นานหลังจากซูอันจากไปกลุ่มผู้บ่มเพาะของตระกูลอวี้
อีกกลุ่มหนึ่งก็ควบม้ามาถึงรถม้าของอวี้เหยียนลั่วและเมื่อดูจากกลิ่นอายที่พวกเขาปลดปล่อยออกมา พวกเขาดูเหมือนผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังพอสมควร หลายคนแผ่กลิ่นอายที่ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามยิ่งกว่าเป๋ากังแห่งค่ายเมฆาทมิฬซะอีก
คนที่เป็นผู้นำกลุ่มผู้มาใหม่คือชายร่างสูงที่มีคิ้วแหลมดุจกระบี่ ดวงตาของเขาดูเคร่งขรึม แต่หนวดที่เล็มอย่างระมัดระวังทำให้ใบหน้าของเขาลดความดุดันลงจนให้ความรู้สึกว่าเขาเป็นบัณฑิตมากกว่าผู้บ่มเพาะ
“พี่สะใภ้ ข้าขอโทษที่มาสาย ท่านเป็นอะไรรึเปล่า?” เมื่อเห็นอวี้เหยียนลั่วชายคนนั้นรีบลงจากหลังม้าและรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของนางด้วยสีหน้ากังวล
อวี้เหยียนลั่วตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าไม่เป็นอะไร เจ้ามาก็ดีแล้วคุ้มกันข้าไปที่เมืองจันทร์กระจ่างที” เมื่อพูดจบนางก็เดินกลับขึ้นรถม้าของนาง
ชายร่างสูงถูกทิ้งให้ยืนอยู่ตามลำพัง แววตาของเขาฉายแววโกรธเกรี้ยวขึ้นมาครู่หนึ่ง อย่างไรก็ตาม
เขาควบคุมมันอย่างรวดเร็วและโบกมือให้ผู้ใต้บังคับบัญชาช่วยเหลือผู้คนที่บาดเจ็บให้ขึ้นไปบนหลังม้า หลังจากนั้นเขาก็ออกคำสั่งให้กลุ่มออกเดินทางทันที
“พี่สะใภ้ ข้าขอถามหน่อย พวกโจรจากค่ายเมฆาทมิฬ ถูกฆ่าได้อย่างไร?” ชายร่างสูงบังคับม้าให้วิ่งเหยาะ ๆ ข้างรถม้าและถามผ่านทางหน้าต่าง
“ข้าเพลียนิดหน่อย เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง” อวี้เหยียนลั่วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเกียจคร้านจากนั้นนางก็หลับตาลงไม่สนใจอะไรอีกต่อไป
ชายร่างสูงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบของนาง ใบหน้าของเขาดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
ทางด้านของซูอันหลังจากจี้เสี่ยวซีรักษาพิษให้กับซูอันเรียบร้อยแล้วพวกเขาก็พากันมุ่งหน้ากลับเมืองทันทีเช่นกัน ซึ่งระหว่างทางกลับก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก จากนั้นเมื่อพวกเขากลับเข้าไปในเมืองจี้เสี่ยวซีก็หันศีรษะมาที่ซูอันและพูดว่า “พี่ซู ท่านควรกลับไปที่บ้านของข้าก่อน ข้าจะได้ให้พ่อของข้าดูอาการของท่าน”
ขณะที่นางพูด ดวงตาของนางก็มองลงไปที่หว่างขาของ ซูอันโดยไม่รู้ตัว การกระทำโดยไม่รู้ตัวของนางทำให้ใบหน้าของซูอันมืดลง
ทำไมเจ้าต้องใช้สายตาเวทนามองมาที่เป้าของข้าทุกครั้งด้วย?
แต่แน่นอนว่าซูอันไม่ปฏิเสธคำเชิญของนางเพราะเขาเองก็วางแผนที่จะไปหาหมอเทวะจี้เช่นกัน
แต่เมื่อเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและสังเกตเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มจะมืดลงแล้ว เขาก็สงสัยไม่ได้ว่ามีคฤหาสน์ตระกูลฉู่นั้นมีเคอร์ฟิวรึเปล่า หากเขากลับไปช้าเขาจะผ่านประตูเข้าไปได้หรือไม่?
และถ้าหากข้าเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลฉู่วันนี้ไม่ได้ ข้าควรจะรบกวนให้จี้เสี่ยวซีพาข้าเข้าไปในนอนค้างในบ้านของนางได้รึเปล่า?
แต่เมื่อคิดถึงลักษณะนิสัยของจี้เติ้งถูซูอันก็คิดว่าโอกาสที่เขาจะได้เข้าไปค้างในบ้านหมอเทวะจี้
นั้นน่าจะริบหรี่เป็นอย่างมาก
แต่แล้วก่อนที่พวกเขาจะเดินไปถึงหน้าบ้านหมอเทวะจี้ จู่ ๆ ก็มีคนหนึ่งตะโกนขึ้น “แม่นางจี้กลับมาแล้ว! แม่นางจี้กลับมาแล้ว!”
ฝูงชนที่ตั้งแคมป์อยู่ที่ทางเข้าของ บ้านหมอเทวะจี้ ต่างก็วิ่งกรูมารุมล้อมนางทันที
“แม่นางจี้ โปรดช่วยตรวจอาการให้ข้าที!”
“แม่นางจี้ โปรดวินิจฉัยข้าก่อน ข้าเป็นคนแรกที่มาถึงที่นี่!”
“แม่นางจี้ อาการป่วยของข้ารุนแรงกว่าคนอื่น ๆ โปรดท่านช่วยข้าด้วย!”
…
ถึงแม้ว่าเหตุการณ์แบบนี้มันจะเกิดขึ้นเป็นประจำกับนางแต่จี้เสี่ยวซีก็ไม่เคยชินกับมันสักที นางยังคงรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่มีคนมาห้อมล้อมมากมาย ได้แต่ถอนหายใจและตะโกนขึ้นกับทุกคนว่า “ใจเย็น ๆ ทุกคน โปรดทุกคนเข้าแถวกันก่อน ข้าจะช่วยดูให้ทั้งหมดทีละคน”
ซูอันรู้สึกประทับใจเล็กน้อย เขาเคยได้ยินจากเฉิงโซวผิงว่าจี้เสี่ยวซีได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ประชาชน แต่เพียงการได้เห็นด้วยตนเองเท่านั้นถึงจะเข้าใจอย่างแท้จริงว่าการได้รับความรักจากประชาชนเป็นอย่างไร คนเหล่านี้ทุกคนเคารพนางอย่างจริงใจ