เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 550 ล่อเสือออกจากถ้ำ
บทที่ 550 ล่อเสือออกจากถ้ำ
บทที่ 550 ล่อเสือออกจากถ้ำ
“ข้า?” ซูอันรู้สึกประหลาดใจ ฉินหว่านหรูไม่เคยชอบขี้หน้าเขา แต่ทำไมนางต้องการให้เขาไปกับนางในวันนี้?
ฉินหว่านหรูกลอกตา “เจ้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลเว่ย และเจ้ายังเป็นคนที่นำสาส์นนี้มาบอกกับข้า ข้าจะพาใครไปอีกถ้าไม่ใช่เจ้า?”
ฉู่ฮวนเจารีบวิ่งมาเมื่อนางได้ยินว่าทั้งสองคนกำลังออกไป นางตะโกนเสียงดังว่านางจะไปด้วย
ฉินหว่านหรูปฏิเสธนางทันที “เรากำลังออกไปทำธุระไม่ได้ไปเที่ยวเล่น เจ้าต้องอยู่บ้าน!”
ฉู่ฮวนเจาชี้ไปที่ซูอัน“พี่เขยยังไปได้ แล้วทำไมข้าถึงไปไม่ได้?” นางพูดอย่างไม่พอใจ
ซูอันตกตะลึงครู่หนึ่ง
หมายความว่ายังไงกับคำว่า ‘ข้ายังไปได้’ ในสายตาของเจ้า ข้าต่ำต้อยมากขนาดนั้นเลยเหรอไง!?
น้องภรรยาของเขาดูเหมือนวอนอยากโดนตีก้น!
ฉินหว่านหรูถลึงตามองลูกสาวของนาง “จงเชื่อฟังแม่!”
คำพูดของนางเต็มไปด้วยความเด็ดขาดจนฉู่ฮวนเจาทำอะไรไม่ได้ นอกจากแลบลิ้นและจากไปอย่างไม่มีความสุข
เมื่อทั้งสองมาถึงตระกูลเว่ย ผู้นำตระกูลเว่ยก็ออกมาต้อนรับพวกเขา
หลังจากแลกเปลี่ยนคำทักทายแล้ว ฉินหว่านหรูและผู้นำตระกูลเว่ยก็แยกไปคุยกันเป็นการส่วนตัว
ในขณะเดียวกัน เว่ยหงเต๋อก็พาซูอันเดินชมไปรอบ ๆ คฤหาสน์
อย่างไรก็ตาม ซูอันไม่มีอารมณ์อยากชมนกชมไม้เลย เขาอ้างว่าเหนื่อยนิดหน่อย และขอไปพักในห้องส่วนตัวของแขกเพื่อพักผ่อน
เว่ยหงเต๋อค่อนข้างประหลาดใจแต่ก็ยอมรับคำขอของซูอันในท้ายที่สุด ในเมื่อผู้นำตระกูลมีเรื่องสำคัญที่ต้องหารือ ดังนั้นคงไม่มีทางเสร็จสิ้นการสนทนาเร็ว ๆ นี้แน่ เขาจึงสั่งคนรับใช้จัดห้องพักสำหรับซูอันซึ่งเป็นห้องเดิมที่เขาเคยอยู่เมื่อตอนมาเยือนครั้งที่แล้ว
ซูอันแสร้งล้มตัวนอนลงบนเตียง แต่เมื่อเว่ยหงเต๋อออกไป เปลือกตาของเขาก็เปิดขึ้น
โอกาสนี้ดีเกินกว่าจะปล่อยให้ผ่านพ้นไป เขาน่าจะไปหาของที่ผู้เฒ่ามี่ต้องการอีกครั้ง
แต่เมื่อเขานึกถึงผู้บ่มเพาะลึกลับที่น่าสะพรึงกลัวที่พบครั้งล่าสุด เขาก็หมดกำลังใจอย่างรวดเร็ว การขโมยของจากใต้จมูกของตาเฒ่าน่ากลัวนั่นคงเป็นเรื่องยากเกินไป!
แต่แล้วทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็กระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง ร่างกายของซูอันเกร็งด้วยความตกใจ “ใครกัน?!”
“ข้าเอง!” ร่างที่เปี่ยมเสน่ห์ค่อย ๆ เดินเข้ามาหา ดวงตาสีพีชที่แจ่มใสของนางจ้องมองมาที่เขา จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากเพ่ยเหมียนหมาน?
“เหมียนหมานใหญ่!” ดวงตาของซูอันสว่างขึ้น เขากางแขนต้อนรับนางเข้าสู่อ้อมกอดของเขา “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ! มาให้พี่ใหญ่คนนี้กอดให้หายคิดถึงหน่อย!”
เพ่ยเหมียนหมานไม่รู้สึกขบขันด้วย
นางหลบเลี่ยงเขาอย่างง่ายดาย “เจ้ากล้ามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ! ข้าต้องทำให้ฉู่ชูเหยียนเห็นด้านนี้ของเจ้าสักวันหนึ่ง!”
ซูอันดูเหมือนไม่สะทกสะท้านกับคำขู่ของนาง “ชูเหยียน ไม่สนใจหรอก ใครจะไปรู้ นางอาจจะดีใจด้วยซ้ำที่ได้เห็นเราสองคนอยู่ด้วยกัน เพราะพวกเจ้าสองคนจะได้เป็นพี่น้องกันตลอดไป”
ในที่สุดเพ่ยเหมียนหมานก็ไม่อาจทนอีกต่อไป นางสูดลมหายใจลึก ๆ และพูดว่า “พอแล้ว ข้าอยากจะขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
ซูอันดูผิดหวัง “ข้านึกว่าการพบกันในวันนี้เป็นเพราะโชคชะตา แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตั้งใจตามหาข้าอยู่ต่างหาก”
เพ่ยเหมียนหมานมองไปรอบ ๆ และตระหนักว่านี่เป็นห้องที่พวกเขาสองคนเคยพักในครั้งล่าสุด ใบหน้าของนางก็ร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น “ข้าเพียงมาหาเจ้าหลังจากรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่!”
“เจ้ายังคงมองหาสิ่งเดิมอยู่งั้นเหรอ? ผู้บ่มเพาะที่น่าสะพรึงกลัวคนนั้นยังคงอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเว่ย เจ้าจะเอาชีวิตมาทิ้งหรือไง?” ซูอันเลิกคิ้วขึ้นอย่างตื่นตระหนก
เพ่ยเหมียนหมานตอบกลับ “ครั้งสุดท้ายที่ข้าถูกจับได้เพราะข้าไม่รู้ว่าผู้บ่มเพาะคนนั้นอยู่ที่นี่ ครั้งนี้ข้าเตรียมตัวมาดี ข้ามั่นใจว่ามันจะราบรื่นขึ้นมาก และแน่นอนว่าโอกาสของความสำเร็จจะสูงขึ้นถ้าเจ้าตกลงที่จะช่วยข้า”
“เจ้าต้องการให้ข้าช่วยเรื่องอะไร?” ซูอันถาม
เพ่ยเหมียนหมานเดินไปที่หน้าต่างและจ้องมองไปทางเรือนลึกลับที่อยู่ไกลออกไป “ข้าจะไปที่เรือนนั้นเพื่อล่อให้ผู้บ่มเพาะลึกลับออกมา ส่วนเจ้าจงใช้โอกาสนั้นลอบเข้าไปหาบางอย่างให้ข้า”
ซูอันขมวดคิ้ว แผนนั้นเรียบง่าย ล่อเสือออกจากถ้ำ แผนธรรมดา ๆ ที่มักจะได้ผลดี แต่ก็มีประเด็นสำคัญสำหรับแผนนี้ “ระดับการบ่มเพาะของเขาสูงกว่าเจ้ามาก เจ้าจะหนีทันได้ยังไง?”
เพ่ยเหมียนหมานกล่าวว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ ข้ามีวิธีของข้า เจ้าเพียงแค่ต้องช่วยข้าค้นหาสิ่งที่ข้าต้องการ”
ซูอันรู้ว่านางเป็นคนที่ลึกลับมาก นางอาจมีวิธีจัดการกับผู้บ่มเพาะคนนั้นจริง ๆ ตามที่นางอ้าง “เจ้ากำลังมองหาอะไร?”
ใบหน้าของเพ่ยเหมียนหมานดูลังเล อย่างไรก็ตาม นางรู้ว่าไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะสามารถหาสิ่งที่นางต้องการได้โดยไม่รู้ว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร “มันเป็นป้ายสีทองเข้ม ยาวและกว้างขนาดนี้…”
นางทำมือเป็นรูปร่าง ขนาด และลักษณะอื่น ๆ ของมัน
ซูอันไม่สามารถซ่อนความอยากรู้ของเขาได้ “ป้ายนี้ใช้ทำอะไร? ทำไมเจ้าถึงต้องเผชิญความเสี่ยงมากมายเพื่อให้ได้มา?”
เพ่ยเหมียนหมานยังคงเงียบ
“ถ้าไม่อยากบอกข้า ก็ลืมเรื่องขอความช่วยเหลือจากข้าไปซะ” ซูอันรู้สึกรำคาญใจขึ้นมาด้วยเหตุผลบางอย่าง
เพ่ยเหมียนหมานกัดริมฝีปากล่าง มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในใจนาง ในตอนท้ายนางพูดว่า “ก็ได้ ๆ ในฐานะที่ข้าเคยช่วยชีวิตเจ้ามาก่อนและเจ้าก็เคยช่วยชีวิตข้าจนท้ายที่สุดเราสองคนกลายเป็นสนิทกัน ข้าจะยอมเจ้าในครั้งนี้ แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าว่าเจ้าจะไม่บอกใครในสิ่งที่ข้ากำลังจะบอกเจ้า รวมถึงชูเหยียนด้วย ข้าไม่ได้พูดแบบนี้เพราะข้าไม่ไว้ใจเจ้า แต่เพราะเรื่องนี้สำคัญเกินไป”
“ได้ ข้าจะเก็บความลับนี้ไว้ให้เจ้า” ซูอันไม่กล้าที่จะล้อเล่นเมื่อเขาเห็นว่านางจริงจังแค่ไหน
เพ่ยเหมียนหมาน ลดเสียงของนางและพูดว่า “เจ้าสามารถเข้าออกวังหลวงได้อย่างอิสระโดยใช้ป้ายนี้”
ซูอันกระโดดด้วยความตกใจ “นี่เจ้าขโมยของแบบนี้ไปทำอะไรกันแน่?!”
เพ่ยเหมียนหมานส่ายหัว “นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องกังวล ข้ามีเหตุผลของข้า”
ซูอันเริ่มจริงจัง หลังจากใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้า “ตกลง ข้าจะช่วยเจ้า!”
“ขอบคุณ!” เมื่อเห็นว่าเขายังเต็มใจที่จะช่วยนางหลังจากได้ยินเรื่องทั้งหมด เพ่ยเหมียนหมานก็ยิ้มออกมาอย่างซาบซึ้ง
ซูอันตกตะลึงกับภาพที่สวยงามนี้
เพ่ยเหมียนหมานหน้าแดง นางรีบพูดว่า “ไม่ว่าเจ้าจะพบป้ายนั้นหรือไม่ก็ตาม เจ้าต้องออกจากเรือนนั่นภายในเวลาหนึ่งก้านธูป ไม่เช่นนั้นผู้บ่มเพาะคนนั้นอาจสัมผัสถึงเจ้าได้”
“ข้ารู้” ซูอันรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่มือกับใครก็ตามที่แม้แต่ผู้เฒ่ามี่ก็ยังกลัวที่จะเผชิญหน้า
“ไม่ว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ข้าจะรอเจ้าที่ศาลานอกสถาบันจันทร์กระจ่างในอีกหนึ่งชั่วยามต่อมา” เพ่ยเหมียนหมานหยุดชั่วคราวแล้วเสริมว่า “คนทำสวนในตระกูลของเจ้าก็อันตรายเช่นกัน เราเสี่ยงที่จะถูกเปิดเผยหากเราพบกันในคฤหาสน์ตระกูลฉู่”
“ข้าเข้าใจ!” ซูอันกำลังจะพูดในสิ่งที่คล้ายกัน ผู้เฒ่ามี่เคยเห็นเขาอยู่กับ เพ่ยเหมียนหมานมาก่อน ดังนั้นตอนนี้เมื่อพวกเขากำลังทำเรื่องสำคัญที่เสี่ยงอันตราย มันจะเป็นการปลอดภัยกว่าหากพวกเขาหลีกเลี่ยงผู้เฒ่ามี่เข้าไว้
“งั้นข้าจะไปล่ะนะ เตรียมตัวให้พร้อม” เพ่ยเหมียนหมานเดินไปที่หน้าต่าง
“ระวังตัวด้วย” แม้ว่านางจะบอกว่านางเตรียมมาตรการรับมือไว้แล้ว แต่ ซูอันก็ยังกังวลอยู่ ผู้บ่มเพาะลึกลับคนนั้นแข็งแกร่งเกินไป
“ไม่ต้องห่วง!” เพ่ยเหมียนหมานยิ้ม ขณะที่นางกำลังจะจากไป นางก็หันกลับมาทันที “จู่ ๆ ข้าก็เข้าใจว่าทำไมชูเหยียนถึงชอบเจ้า”
พูดจบร่างของนางก็หายไป มีเพียงกลิ่นหอมที่หลงเหลืออยู่ในอากาศ
ซูอันตกตะลึง ทำไมเจ้าใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะเข้าใจ?
ข้าทั้งหล่อ รวย เก่ง และกล้าหาญขนาดนี้ ผู้หญิงคนไหนจะไม่หลงข้าบ้าง?
โดยไม่ต้องรอนาน มีเสียงวุ่นวายดังขึ้น และเขาก็เห็นร่างสองร่างวิ่งไล่ตามกันออกไป
ซูอันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นเทาอยู่ภายใน เขาปกปิดคลื่นพลังทั้งหมดของตัวเองและค่อย ๆ ลอบปีนหน้าต่างออกไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังเรือนหลังนั้นที่เขาเคยหมายตา