เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 551 ไม่จำกัด
บทที่ 551 ไม่จำกัด
บทที่ 551 ไม่จำกัด
ระหว่างทางที่ซูอันค่อย ๆ ลอบเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เรือนของผู้บ่มเพาะลึกลับ เขาก็เห็นว่าบรรดาผู้คุ้มกันของคฤหาสน์ตระกูลเว่ยได้เริ่มออกเคลื่อนไหวแล้ว ทุกคนมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เพ่ยเหมียนหมานหลอกล่อ
ความรู้สึกน่าขนลุกปกคลุมตัวเขาในวินาทีที่เข้าไปในลานของเรือนเป้าหมาย เมื่อเทียบกับสถานที่อื่น ๆ ในคฤหาสน์ตระกูลเว่ย สถานที่นี้ดูเงียบสงัดและน่าสะพรึงมากกว่า
ข้างในไม่มีคนรับใช้หรือหมาแมวเลยสักตัว…
การตกแต่งภายในของตัวเรือนให้ความรู้สึกเหมือนบ้านผีสิง ดูไร้ชีวิตชีวาโดยสิ้นเชิง
ซูอันรู้ว่าตัวเองมีเวลาไม่มาก และเขาจำเป็นต้องค้นหาสิ่งที่ต้องการให้เร็วที่สุด
ไม่เพียงต้องช่วยเพ่ยเหมียนหมานหาแผ่นป้ายของนางเท่านั้น แต่ยังต้องค้นหากล่องที่ผู้เฒ่ามี่สนใจด้วยเช่นกัน
แม้ว่าผู้เฒ่ามี่จะบอกให้เขาหยุดการค้นหา แต่เขาก็ยังอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในกล่องใบนั้น
แน่นอนว่าปกติแล้วชายหนุ่มจะไม่เสี่ยงขนาดนี้ และไม่ปล่อยให้ความอยากรู้อยากเห็นครอบงำตัวเองจนยอมทำอะไรเสี่ยง ๆ อย่างไรก็ตาม ในเมื่อตอนนี้เขาได้รับโอกาสอันหายากจากเพ่ยเหมียนหมานที่ช่วยเขาล่อผู้บ่มเพาะลึกลับออกไปแล้ว มันคงน่าเสียดายถ้าตัวเองไม่คว้าโอกาสนี้ในการหามันสักหน่อย
โชคดีที่การออกแบบภายในเรือนของพวกตระกูลใหญ่ล้วนแต่มีความคล้ายคลึงกัน ซูอันคุ้นเคยกับการออกแบบนี้จากภายในตระกูลฉู่แล้ว ดังนั้นจึงสำรวจโดยรอบได้อย่างช่ำชอง
เขาสำรวจคร่าว ๆ รอบหนึ่งโดยให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสิ่งของบนชั้นวางหนังสือ เนื่องจากละครโทรทัศน์ทั้งหมดที่เขาเคยดูในชีวิตก่อน บริเวณชั้นวางหนังสือเป็นจุดที่เป็นไปได้มากที่สุดที่จะมีกลไกประตูลับหรือช่องเก็บของลับซ่อนอยู่
ทว่าเขากลับไม่พบกลไกดังกล่าวในการสำรวจเบื้องต้น ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเข้าไปในห้องนอน
ซูอันขมวดคิ้วทันทีที่เขาเข้ามา เขาโบกมือไปมาตรงหน้ารูจมูกของเขาโดยไม่รู้ตัว นี่มันกลิ่นอะไรเนี่ย?
มีกลิ่นแปลก ๆ ปกคลุมไปทั้งห้อง เขาสามารถบอกได้ว่าเป็นกลิ่นเครื่องหอมราคาแพง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ควรจะได้กลิ่นแบบนี้ในที่แบบนี้…
มันเหมือนกลิ่นธูปหอมคลุกเคล้ากับกลิ่นปัสสาวะเหม็นฉุนชวนสะอิดสะเอียนสุดจะพรรณา
ตระกูลเว่ยกำลังทำอะไรอยู่? พวกเขาทำความสะอาดห้องไม่เป็นเหรอ? ซูอันบ่นในใจ แต่ไม่ได้หยุดการค้นหา
ชายหนุ่มตรวจค้นทั้งห้องอย่างรวดเร็ว แล้วตรงไปที่เตียง จากนั้นก็ปลดผ้าปูที่นอนและเคาะกระดานใต้เตียงเบา ๆ
แน่นอนว่ามีเสียงกลวง
เฮ้อ…ไอ้พวกนี้ไม่มีความคิดสร้างสรรค์เลยจริง ๆ…
ซูอันส่ายหัวไปมา ในละครย้อนยุคก็มักจะซ่อนของไว้ใต้เตียงอย่างนี้นี่แหละ! ใครจะคิดว่าคนในโลกนี้จะคิดที่ซ่อนเหมือนกันแบบนี้ด้วย?
เขาพบกลไกที่ซ่อนอยู่อย่างรวดเร็ว เขาเปิดมันแล้วพบกล่องปักอยู่ด้านใน เห็นได้ชัดว่าเหมือนกับที่ผู้เฒ่ามี่เคยเอาให้เขาดูมาก่อน ทั้งรูปร่างและรายละเอียดการตกแต่ง เขารีบเอากล่องที่ผู้เฒ่ามี่เคยมอบให้เขาออกมาและนำไปวางแทนกล่องที่ขโมยมา ด้วยวิธีนี้ ใครก็ตามที่เปิดช่องลับนี้อีกครั้งจะไม่รู้ในทันทีว่าของถูกขโมยไปแล้ว
ซูอันอยากเปิดดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน แต่ตัวกล่องที่งดงามนี้มีชั้นของแสงวูบวาบเคลือบพื้นผิวของมัน ซึ่งน่าจะเป็นผนึกบางอย่าง
เขาไม่มีเวลาตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนจึงเก็บมันไปก่อนและเริ่มค้นหาแผ่นป้ายของเพ่ยเหมียนหมาน
ทว่าน่าเสียดายที่เขาไม่พบร่องรอยของมัน เวลาของเขาหมดแล้ว เมื่อเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้!
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยุติการค้นหาและรีบออกไป
ข้าสงสัยว่าเหมียนหมานจะสามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของผู้บ่มเพาะลึกลับได้หรือไม่? ซูอันรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขาตัดสินย่องไปอีกห้องหนึ่งในเรือน เมื่อไปถึงที่นั่น เขาก็โยนตะเกียงน้ำมันลงบนพื้นซึ่งทำให้เปลวไฟและควันพวยพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว…
เขาใช้ความสับสนวุ่นวายเป็นเครื่องกำบังและรีบกลับไปที่ห้องของตัวเอง
“ไฟไหม้! ไฟไหม้!”
ในไม่ช้า เสียงตะโกนเตือนก็ดังขึ้นทั่วคฤหาสน์ตระกูลเว่ย คนใช้รีบวิ่งไปพร้อมกับถังน้ำเพื่อดับไฟ
ซูอันแกล้งทำเป็นผู้ชมเหตุการณ์ เขายังดึงคนรับใช้สองสามคนมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ท่าทางตกใจของเขาดูสมจริงมาก เป็นการแสดงที่คู่ควรกับรางวัลออสการ์อย่างแท้จริง!
เขาปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบไปที่ห้องโถงหลักของตระกูลเว่ยด้วยท่าทางกังวล แล้วเขาก็บังเอิญชนกับฉินหว่านหรู
“ท่านแม่ยาย เป็นยังไงบ้าง?” ซูอันถามด้วยความกังวล
“ข้าไม่เป็นไร” ฉินหว่านหรูมองไปรอบ ๆ คฤหาสน์ตระกูลเว่ยที่กำลังวุ่นวายด้วยความสับสน
มีคนรีบไปรายงานเว่ยต๋าเป่า สีหน้าของเขาเริ่มมืดมนลงเมื่อได้ยินรายงาน เขาประสานมือคารวะให้กับฉินหว่านหรูและกล่าวว่า “ข้าต้องขออภัยฮูหยินฉู่จริง ๆ มีบางอย่างเกิดขึ้นภายในคฤหาสน์ตระกูลเว่ย อับอายท่านแล้ว”
“ไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้ ท่านผู้นำเว่ย” ฉินหว่านหรูตอบ “เนื่องจากมีบางอย่างเกิดขึ้นในคฤหาสน์ของท่าน เราจะไม่รบกวนท่านอีกต่อไป ข้าขอลาก็แล้วกัน”
เว่ยต๋าเป่าพยักหน้า “ข้าได้พูดทุกอย่างที่ข้าต้องการจะพูดกับฮูหยินแล้ว โปรดพิจารณาสิ่งที่เราได้พูดคุยกันอย่างรอบคอบ ตระกูลเว่ยของเราเสนอข้อเสนอนี้ด้วยความจริงใจเป็นที่สุด”
ฉินหว่านหรูยิ้มให้เขาและพยักหน้าหนึ่งครั้งก่อนจะออกไปกับซูอัน
ฉินหว่านหรูเข้าไปในรถม้า ขณะที่ซูอันขี่ม้าอยู่ด้านข้าง
เขาบังคับม้าเข้าใกล้รถม้าและถามว่า “ท่านแม่ยาย การพูดคุยกับตระกูลเว่ยเป็นยังไงบ้าง?”
ฉินหว่านหรูยกมุมม่านขึ้น สีหน้าของนางอ่านไม่ออก “มาคุยกันในรถม้า”
ทหารที่คุ้มกันพวกเขาได้แลกเปลี่ยนสายตากันเล็กน้อย ดูเหมือนว่าฮูหยินจะเอ็นดูนายน้อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตต่อไปพวกเขาคงไม่สามารถล่วงเกินนายน้อยได้ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม!
ผู้คุ้มกันที่เดิมพันกับเฉิงโซวผิงต่างก็ทำหน้าบึ้ง ดูเหมือนว่าพวกเขาคงจะต้องแพ้เดิมพันนั้นจริง ๆ
ซูอันรู้สึกว่าคำเชิญที่เป็นมิตรเช่นนี้หาได้ยาก
กลิ่นหอมจรุงใจต้อนรับเขาขณะที่เข้าไปในรถม้า กลิ่นนี้แตกต่างจากกลิ่นหอมสดชื่นบางเบาของฉู่ชูเหยียน เห็นได้ชัดว่านี่เป็นกลิ่นของฉินหว่านหรู
ซูอันคิดย้อนกลับไปถึงกลิ่นหอมฉุนจากเรือนพักในตระกูลเว่ย แม้จะมาจากธูปราคาแพง แต่เขากลับพบว่ามันน่ารังเกียจอย่างยิ่ง
ฉินหว่านหรูขมวดคิ้วเมื่อเห็นเขาทำท่าสูดกลิ่นหอม ไอ้เด็กนี่ไม่มีมารยาทเอาซะเลย
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้หญิง มันยากสำหรับนางที่จะโกรธผู้ชายที่ชื่นชมกลิ่นของนาง
นางกระแอมเพื่อเรียกความสนใจจากเขา “ชูเหยียน บอกข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าให้เชื่อใจเจ้าก่อนที่นางจะจากไป ถึงแม้ว่าข้าจะยังไม่รู้ว่าทำไมลูกสาวของข้าถึงเชื่อใจเจ้ามากขนาดนั้น แต่ข้าเชื่อว่าชูเหยียนหมายความตามที่นางพูดจริง ๆ
“เจ้าเป็นคนกลางในเรื่องตระกูลเว่ย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังเนื้อหาการสนทนาจากเจ้า”
ซูอันรู้สึกโล่งใจ เขาไม่คิดว่าภรรยาของเขาจะใส่ใจเขามากขนาดนี้ เขาประสานมือคารวะ “ขอบคุณท่านแม่ยาย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคารพ
ฉินหว่านหรูกล่าวต่อว่า “ตระกูลเว่ยเสนอเงินกู้ให้เราคิดดอกเบี้ยแปดในสิบ”
ซูอันถามถึงส่วนที่สำคัญที่สุด“พวกเขาให้เรายืมเท่าไหร่?”
“ไม่จำกัดจำนวน” ฉินหว่านหรูกล่าว
“ไม่จำกัด?” ซูอันตกตะลึง