เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 584 มืออันน่ากลัว
บทที่ 584 มืออันน่ากลัว
บทที่ 584 มืออันน่ากลัว
ในท้ายที่สุด ซูอันก็ได้รับผลไม้พลังชี่สี่สิบเจ็ดผล และ ‘น้ำยาศรัทธาพี่น้อง’ สามขวด โชคของเขาช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!
ผลไม้พลังชี่ไม่ได้วิเศษขนาดนั้น แต่ ‘น้ำยาศรัทธาพี่น้อง’ สามขวดนั้นยอดเยี่ยมมาก เขาใช้ขวดหนึ่งเพื่อชุบชีวิตฉินหว่านหรู และอีกสองขวดที่เพิ่งได้มา ถือเสมือนว่ามีชีวิตสำรองอีกสองชีวิต!
เขากลืนผลไม้พลังชี่สี่สิบเจ็ดผลเข้าไป แต่พวกมันไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรมากกับอักขระในร่างของเขา ซูอันจำได้ว่าการเติมเต็มอักขระตัวปัจจุบันนี้จะต้องใช้ผลไม้พลังชี่สี่พันหนึ่งร้อยแปดสิบเอ็ดผล ดังนั้นสี่สิบเจ็ดผลที่กินเข้าไปไม่ได้ช่วยสะกิดอะไรเลย
ซูอันเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง มันเป็นความพยายามที่ไร้สาระมากในการเติมเต็มอักขระระดับที่ 4 ให้เต็มโดยหวังพึ่งผลไม้พลังชี่ และยิ่งอักขระตัวถัดไปเขาต้องการผลไม้พลังชี่ในจำนวนที่บ้าคลั่งกว่านี้อีก ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปอนาคตระดับการบ่มเพาะของเขาจะคืบหน้าช้าแค่ไหน?
ในที่สุดการรักษาของฉินหว่านหรูก็เสร็จสิ้น จากการประเมินครั้งสุดท้ายของจี้เติ้งถู อาการของนางจะไม่แย่ลงตราบใดที่นางไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ใด ๆ
“อาซู พาข้ากลับไปที่คฤหาสน์” ฉินหว่านหรูสั่งอีกครั้ง
ซูอันตอบรับคำขอของนาง เขาจึงเดินไปรับนางแล้วบอกลาทุกคน
ทั้งสองรีบรุดไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่ ในระหว่างทาง บางทีอาจเป็นเพราะความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ หัวใจของฉินหว่านหรูจึงเต้นแรง นางต้องรวบรวมความกล้าเป็นอย่างมาก “ข้าขอโทษที่เข้าใจเจ้าผิดก่อนหน้านี้”
ซูอันยิ้ม “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ท่านแม่ยายไม่ได้ตบข้าแรงเท่าไหร่”
ฉินหว่านหรูส่ายหน้า “อย่าเข้าใจผิด ตอนนั้นข้าโกรธมากจริง ๆ! แต่ข้าอ่อนแอเกินไปจนออกแรงเต็มที่ได้แค่เพียงเท่านั้น”
“ข้ารู้ ข้ารู้” ซูอันกล่าว
ฉินหว่านหรูหันหน้าหนี “ว่าแต่ เจ้าไปเอายานั่นมาจากไหน?”
ซูอันสัมผัสได้ถึงโอกาสที่จะกลั่นแกล้งฉินหว่านหรู เขายิ้มและพูดว่า “ยาอะไร? นั่นเป็นเพียงข้อแก้ตัวที่ข้าบอกจี้เสี่ยวซีและเจียงลั่วฝู”
ฉินหว่านหรูตกตะลึงพูดไม่ออก
หัวใจที่เปราะบางของนางเริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่เสียงของนางก็สั่นสะท้าน “ล…แล้ว… เจ้าช่วยข้าได้ยังไง!?”
“ท่านคิดว่าไงล่ะ?” ซูอันหัวเราะ แต่ไม่ได้อธิบายให้ละเอียด
ฉินหว่านหรูรู้สึกว่าสมองของนางจวนเจียนจะระเบิด นางมึนงงไปหมด
ซูอันรู้สึกว่าร่างกายของนางร้อนขึ้น นางเริ่มดิ้นรน “วางข้าลง! วางข้าลงเดี๋ยวนี้!”
แต่จากนั้นนางก็หยุดพูด ขณะนี้พวกเขาบังเอิญเดินมาเจอกับกลุ่มทหารตระกูลฉู่
ซูอันเกร็งกล้ามเนื้อ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เคลื่อนไหว เขากลับได้ยินเสียงตื่นเต้นร้องออกมา “นายน้อย นายหญิง!”
“หืม? พวกเจ้าเองเหรอ” ซูอันจำเจียวซานเหอ เฟิงต้าหนิว และโจวหลูจวิ้นได้ “พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อจับข้า?”
พวกเขาโบกมือ “ไม่มีทาง เราออกตามหานายน้อยและนายหญิง เราต้องการช่วยเหลือพวกท่าน!”
“ฉู่เทียนเซิงทรยศ น่าเสียดายที่พวกเรามีน้อยเกินไป พวกเราจึงไม่สามารถทำอะไรได้เลย”
“อย่าลืมหงจงด้วย เขาบอกทุกคนว่านายน้อยวางยานายหญิงและยังบอกเป็นนัยว่านายหญิงและนายน้อยได้หนีไปด้วยกันแล้ว…”
อย่างไรก็ตาม เมื่อทหารทั้งสามสังเกตเห็นว่าขณะนี้ซูอันกำลังอุ้มฉินหว่านหรูอยู่ พวกเขาต่างก็ตกตะลึง ทั้งสองดูเหมือนใกล้ชิดกันมาก และใบหน้าของฮูหยินก็แดงก่ำ ตกลงว่าข่าวลือเป็นจริงหรือไม่?
ซูอันไอแห้งและอธิบายอย่างรวดเร็ว “แม่ยายของข้าได้รับบาดเจ็บเพราะไอ้สองคนนั่น นางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในขณะนี้ และเราจำเป็นต้องกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่โดยเร็วที่สุด นี่เป็นเหตุผลที่ข้าต้องอุ้มนางมาแบบนี้”
ทั้งสามคนพยักหน้ารัว ๆ ราวกับว่าพวกเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้
เจียวซานเหอดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้ในทันใด “นายน้อย” เขาพูดอย่างเร่งรีบ “ข้าแนะนำท่านอย่าเพิ่งกลับไปตอนนี้ ทหารที่รับคำสั่งจากหงจงและฉู่เทียนเซิงกระจายกำลังไปทั่วคฤหาสน์ของเรา พวกเขาได้รับคำสั่งให้ฆ่าท่านทันทีที่เห็น…ข้าเกรงว่าพวกท่านอาจจะตายก่อนที่จะได้ปริปากพูดอะไรด้วยซ้ำ”
ซูอันตกตะลึง ถ้างั้นพวกเขาจะทำอย่างไรต่อดี?
ฉินหว่านหรูออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว “เจียวซานเหอ เจ้าเคยรับหน้าที่เป็นพลส่งสาร จงไปส่งข่าวให้ผู้บัญชาการเยว่ซานรีบกลับมา
“เฟิงต้าหนิว โจวหลูจวิ้น เจ้าสองคนต้องกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่ และติดต่อผู้ที่ยังคงภักดีต่อข้า ชักชวนให้เข้าร่วมกับเรา จากนั้นก็รอโอกาส”
“นายหญิง พ่อบ้านหงวางกำลังรักษาการณ์คฤหาสน์ตระกูลฉู่อย่างเข้มงวด” โจวหลูจวิ้นตอบ “เราคงไม่สามารถกลับไปได้”
ซูอันเสนอให้เปลี่ยนแผน “เอาอย่างนี้ เจ้าสองคนอยู่ที่นี่และดูแลแม่ยายข้า ส่วนข้าจะกลับไปติดต่อคนพวกนั้นเอง”
ฉินหว่านหรูทราบแล้วว่าซูอันไม่ได้อ่อนแอ ดังนั้นนางจึงมั่นใจในความสามารถของเขาว่าจะแอบเข้าไปในคฤหาสน์ได้อย่างไร้ปัญหา ดังนั้นนางจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้
นางพาทุกคนไปที่เรือนกบดานลับแห่งหนึ่งของตระกูลฉู่ แล้วพูดกับซูอัน “อาซู ข้ามีอะไรจะพูดกับเจ้า”
เฟิงต้าหนิวและโจวหลูจวิ้นพากันเดินออกไปข้างนอกอย่างมีมารยาท
“มีอะไรเหรอท่านแม่ยาย?” ซูอันถาม
สีหน้าของฉินหว่านหรูดูโศกเศร้าอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางพูดพร้อมกับถอนหายใจ “ไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงมันอีก แต่เจ้าอย่าได้บอกใครเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ไม่อย่างนั้นเราทั้งสอง รวมถึงตระกูลฉู่ทั้งหมดจะสั่นคลอนอย่างร้ายแรง
“นอกจากนี้ เจ้าควรลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วย อย่าลืมว่าห้ามบอกใคร และระหว่างเราสองคนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เข้าใจไหม?”
เสียงของนางเคร่งขรึมอย่างน่าประหลาดในตอนท้าย
ซูอันตกตะลึง เขาไม่คิดว่ามุขตลกของเขาจะกลายเป็นเรื่องจริงจังขนาดนี้
ฉินหว่านหรูโบกมือขัด ขณะที่เขากำลังจะอธิบายตัวเอง “ไปเถอะ ข้ายังไม่อยากคุยตอนนี้”
จากนั้นนางก็หลับตาราวกับว่านางอยากจะพักผ่อน
ซูอันยิ้มอย่างขมขื่น การติดต่อกับผู้คนในคฤหาสน์ตระกูลฉู่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขาจะหาทางอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้ฉินหว่านหรูฟัง
“ท่านพักผ่อนเถอะ!”
ซูอันหายตัวไปในความมืด การป้องกันรอบ ๆ คฤหาสน์ตระกูลฉู่นั้นแน่นหนา แต่เมื่อใช้จ้าววายุร่วมกับวิชาบังบดซ่อนเร้น ทำให้การเล็ดลอดเข้าไปจึงไม่เป็นปัญหา
เขาตัดสินใจไปหาฉู่ฮวนเจาก่อน เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นน่าจะกำลังหวาดกลัวกับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่
ทันใดนั้น มือปริศนาได้กดน้ำหนักลงมาบนไหล่ของชายหนุ่ม เขาตกใจมาก
ซูอันโคจรพลังเตรียมโจมตีสวนตามสัญชาตญาณ แต่มีพลังงานแปลก ๆ ถูกส่งผ่านไหล่ของเขาและร่างกายก็ชาทันที ไม่สามารถรวบรวมกำลังใด ๆ ได้
เขาตกใจมาก คน ๆ นี้แอบย่องมาข้างหลังเขาได้อย่างเงียบเชียบ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายจะต้องมีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าเขามาก
“ในที่สุดเจ้าก็กลับมา อาซู” เสียงแหบเครือของผู้เฒ่ามี่ดังมาจากข้างหลังเขา
ซูอันถอนหายใจอย่างโล่งอก “ผู้อาวุโส ท่านทำให้ข้ากลัวแทบบ้า!”
ผู้เฒ่ามี่ปล่อยไหล่เขา ไอสองครั้งก่อนจะถามว่า “ทำไมเจ้าถึงกลับมาคนเดียว? ฮูหยินฉู่อยู่ที่ไหน อาการบาดเจ็บของนางเป็นยังไงบ้าง?”
ซูอันประจบประแจงเขาทันที “ผู้อาวุโสเป็นผู้หยั่งรู้อย่างแท้จริง! ท่านรู้ว่าฮูหยินฉู่ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย”
ผู้เฒ่ามี่พึมพำ “ถ้าข้าไม่อยู่ที่นั่น เจ้าสองคนจะหนีไปได้ยังไง?”
ซูอันจำต้นไม้ใหญ่ที่ล้มลงมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการหลบหนีของพวกเขาได้ “ขอบคุณ ผู้อาวุโส” เขาพูดอย่างซาบซึ้ง
“เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้า” ดวงตาของผู้เฒ่ามี่เป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังมีความคิดบางอย่างในใจ