เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 585 นิ้วเดียวคลี่คลาย
บทที่ 585 นิ้วเดียวคลี่คลาย
บทที่ 585 นิ้วเดียวคลี่คลาย
ซูอันลังเลที่จะตอบ แต่หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เขาคิดว่าผู้เฒ่ามี่คงไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับฉินหว่านหรูเช่นกัน ไม่เช่นนั้นคงไม่ช่วยพวกเขาให้หนีรอดไปได้ตั้งแต่ตอนแรก ดังนั้นจึงตอบว่า “อาจจะดูหนักหนา แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แค่นางยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เท่านั้น”
ผู้เฒ่ามี่พยักหน้า “ไม่เลว ไม่เลว ดูเหมือนว่าจี้เติ้งถูจะมีความสามารถอยู่บ้าง”
ซูอันยิ้มแต่ไม่อธิบายเพิ่มเติม เพราะเขาไม่ต้องการเปิดเผยตัวเองแก่ผู้เฒ่ามี่มากเกินไป
“เจ้าวางแผนจะทำอะไรต่อไป?” ผู้เฒ่ามี่ถาม
“เราวางแผนที่จะรวบรวมผู้ที่ยังคงภักดีต่อฉินหว่านหรู และเรียกเยว่ซานกลับมา…” ซูอันบอกแผนของฉินหว่านหรูอย่างคร่าว ๆ
“นั่นจะใช้เวลานานเกินไป” ผู้เฒ่ามี่ส่ายหัว “เยว่ซานอยู่ไกลมาก เขาจะใช้เวลาในการเดินทางกลับมานานเกินไป และข้ายังสงสัยว่าเขาจะสามารถเอาชนะหงจงได้หรือไม่?”
ซูอันรู้สึกแปลก ๆ ที่ชายชรากำลังคุยกับเขาในเรื่องเหล่านี้
ผู้เฒ่ามี่ดูไม่เต็มใจที่จะแบ่งปันความคิด แต่ในท้ายที่สุด เขาก็พูด “ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้น ข้าจะช่วยเจ้าจัดการกับหงจงและฉู่เทียนเซิงเอง หากเจ้าต้องการเอาชนะทั้งกองทัพต้องล้มหัวหน้าก่อน หากเรากำจัดสองคนนั้นได้ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น”
ซูอันตกใจและดีใจมาก “หากผู้อาวุโสเต็มใจช่วย เช่นนั้นจะดีที่สุด!”
ในตอนแรกเขาไม่กล้าออกปาก เพราะผู้เฒ่ามี่ไม่เคยแสดงตัวว่าตระกูลฉู่เกี่ยวข้องกับตัวเองอย่างเปิดเผย แต่ซูอันก็ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนอาสาขึ้นมาเอง
ผู้เฒ่ามี่หัวเราะ “แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องไม่เปิดเผยการดำรงอยู่ของข้าให้ใครรู้ แค่แสร้งทำเป็นว่าเจ้าเป็นคนจัดการทั้งหมดด้วยตัวเอง”
ซูอันตกตะลึง “ผู้อาวุโส ถ้าข้าทำอย่างนั้น มันไม่เท่ากับว่าขโมยความชอบของท่านงั้นหรือ! นั่นจะเป็น…”
ผู้เฒ่ามี่พูดอย่างเอื้อเฟื้อ “เราไม่จำเป็นต้องแยกแยะว่าอะไรเป็นของเจ้าอะไรเป็นของข้า มันก็เหมือน ๆ กัน”
ซูอันยิ้ม แต่ในใจของเขายังคงเต็มไปด้วยความสงสัย ตาแก่คนนี้เอาแต่พูดแบบนี้ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?
ขณะนี้ ฉู่เทียนเซิงกุมบังเหียนตระกูลฉู่เอาไว้แล้ว เขาครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของฉู่จงเทียน ความขุ่นเคืองที่สั่งสมมาหลายปีของเขาจึงค่อย ๆ จางหายไป
เมื่อทรุดตัวลงบนที่นั่งที่สงวนไว้สำหรับฉู่จงเทียน ในฐานะหัวหน้าตระกูลเพียงคนเดียว ฉู่เทียนเซิงก็รู้สึกสดชื่นมากกว่าที่เขาเคยรู้สึกมาตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เขาเสียใจก็คือเขาไม่ได้ตัวผู้หญิงของฉู่จงเทียน
หงจงทำเป็นไม่มองฉู่เทียนเซิง เขาขมวดคิ้วอย่างดูถูก
แม้จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดูหมิ่น แต่ฉู่เทียนเซิงก็บังคับตัวเองให้จดจ่อกับเรื่องที่สำคัญกว่า เขาพูดว่า “จากสิ่งที่เรารู้ ซูอันและฉินหว่านหรูน่าจะซ่อนตัวอยู่ในเรือนของตระกูลจี้ แต่ยังไงก็ไม่มีทางจับพวกเขาภายใต้การคุ้มครองของเจียงลั่วฝูได้ แล้วเราจะทำยังไงกันดี”
หงจงนั่งลงและหยิบถ้วยชาขึ้นมา “ไม่ต้องกังวล ฉินหว่านหรูถูก ‘ยาน้ำนมกระทิง’ และยังโดนหมัดบดหัวใจของข้าเข้าไปด้วย ยากที่จะรอดชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น ขณะนั้นหมอเทวะจี้ก็ไม่ได้อยู่ในเรือน ผู้เดียวที่ยังอยู่และมีความรู้เรื่องแพทย์คือจี้เสี่ยวซี เด็กคนนั้นจะช่วยชีวิตนางด้วยตัวเองได้ยังไง?”
ฉู่เทียนเซิงรู้สึกหงุดหงิด ครั้งตอนฉู่จงเทียนนั่งในที่นั่งเดียวกันนี้ หงจง มักจะยืนให้ความเคารพอยู่ข้างใดข้างหนึ่งและรับคำสั่งอย่างเงียบงัน แต่ขณะนี้ พ่อบ้านคนนี้กลับปฏิบัติต่อเขาราวกับไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในฐานะผู้นำตระกูลคนใหม่เลย?
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าซูอันเริ่มปล่อยข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะมีคนสงสัยหรือไม่?”
ฉู่เทียนเซิงถอนหายใจด้วยความเสียดาย ฉินหว่านหรูตายอย่างเสียเปล่า ทั้งหมดเป็นเพราะความต้องการทางเพศของเขาเอง!
หงจงส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ต้องกังวล เราเริ่มแพร่ข่าวลือใส่ร้ายเขาแล้ว ดังนั้นแม้ว่าเขาจะพยายามพูดอะไรถึงเรา ทุกคนก็จะเชื่อเพียงว่าเขาพยายามจะแก้แค้น นอกจากนี้ ต่อให้มีคนสงสัยก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะมีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอัน ตราบใดที่ท่านดำรงตำแหน่งในฐานะผู้นำตระกูลด้วยการสนับสนุนของข้า ทุกคนจะเลือกอยู่ข้างท่าน”
แปะ ๆๆ!!
เสียงปรบมือช้า ๆ ดังมาจากข้างนอกก่อนที่ฉู่เทียนเซิงจะมีโอกาสตอบ เขาเห็นซูอันเดินมาหาพร้อมกับส่งเสียงปรบมือให้
“ช่างเป็นแผนที่ดีจริง ๆ พ่อบ้านหงที่ทุกคนต่างยกย่องว่าเป็นคนซื่อตรง แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นคนเจ้าเล่ห์ชั่วช้าอย่างคาดไม่ถึง!”
“ซูอัน!”
ทั้งสองคนตกใจมากเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา
“เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง!?” ฉู่เทียนเซิงมองออกไปข้างนอก ทหารยามที่ดูแลด้านนอกล้วนแต่เป็นผู้ที่ไว้ใจได้ แล้วเด็กคนนี้แอบเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?
หงจงสาปแช่งอยู่ในใจ ถ้าซูอันอยู่ข้างในนี้ย่อมหมายความว่าทหารยามด้านนอกถูกจัดการไปแล้ว
เขาเคยได้เห็นความแข็งแกร่งของซูอันมาแล้วเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเขาคิดว่าซูอันไม่น่าจะมีความสามารถถึงขนาดจัดการกับทหารทั้งหมดที่อยู่ข้างนอกโดยไม่ส่งเสียงใด ๆ
“ข้าก็แค่เดินกลับเข้ามา ทำไม? มันน่าแปลกตรงไหน? ข้าเป็นนายน้อยของตระกูลฉู่ ข้าจำเป็นต้องขออนุญาตกลับมาที่นี่ด้วยหรือไร?” ซูอันพูดอย่างยียวน
“นายน้อย? เฮอะ! นกกระจอกหัดบินที่เพิ่งขึ้นไปเกาะบนกิ่งไม้เพียงกิ่งเดียว กลับคิดผยองว่าตัวเองเป็นพญาเหยี่ยว? เจ้ามันไม่มีดีอะไรเลยถ้าไม่มีฉู่ชูเหยียน! ใครเลยจะคิดว่าเจ้าเป็นนายน้อยของตระกูลฉู่?” ฉู่เทียนเซิงเยาะเย้ย
หงจงขมวดคิ้วและพูดว่า “จับเขาก่อนอย่าพล่ามให้เสียเวลา”
ฉู่เทียนเซิงหายใจติดขัด เจ้ากล้าดียังไงมาสั่งข้า! ตอนนี้ใครเป็นผู้นำตระกูลกันแน่?!
อย่างไรก็ตาม หงจงดูเหมือนจะไม่ยอมอ่อนข้อ ในท้ายที่สุด ฉู่เทียนเซิงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกัดฟันและทำตามที่พ่อบ้านพูด บัดซบ! ทำไมระดับการบ่มเพาะของไอ้แก่นี่ต้องสูงกว่าข้าด้วย?
ซูอันไม่ได้เคลื่อนไหวเลยในขณะที่ฉู่เทียนเซิงกระโจนเข้ามาหา เขาแค่มองด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
เมื่อเห็นซูอันยืนอยู่อย่างสงบพร้อมด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ ฉู่เทียนเซิงรู้สึกว่าขนที่ด้านหลังคอของเขาเริ่มชูชัน อย่างไรก็ตาม เขาสำเร็จการบ่มเพาะถึงระดับหก และหงจงก็อยู่ใกล้ ๆ เช่นกัน เด็กคนนี้จะทำอะไรได้?
แต่แล้วในขณะที่ฝ่ามือของเขากำลังจะซัดใส่ซูอัน จู่ ๆ ก็มีนิ้วปรากฏขึ้นจากข้างหลังซูอัน
นิ้วนั้นแก่และเหี่ยวย่นเหมือนกิ่งไม้เน่า ราวกับสามารถร่วงหล่นได้ทันทีจากการสัมผัสเพียงนิดเดียว
“ถอยออกมา!” หงจงร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก
น่าเสียดายที่ไม่มีเวลาให้ฉู่เทียนเซิงได้ตอบสนอง นิ้วเหี่ยวย่นนั้นพุ่งมาแตะตรงหว่างคิ้วของเขาแล้ว
ร่างกายของเขาแข็งทื่อ ใบหน้าของเขายังคงยิ้มอย่างฮึกเหิม แต่ดวงตาของเขากลับว่างเปล่า ร่างของเขาล้มลงกับพื้น
หงจงกำลังจะรีบไปช่วย แต่เขาตัวแข็งทันทีเมื่อเห็นว่าฉู่เทียนเซิงถูกฆ่าในพริบตา
ระดับการบ่มเพาะของเขานั้นสูงกว่าของฉู่เทียนเซิง แต่ก็ไม่สูงพอที่จะฆ่าอีกฝ่ายได้ในทันทีเช่นนี้ เด่นชัดเลยว่าระดับการบ่มเพาะของชายชราฝั่งตรงข้ามสูงกว่าเขาอย่างเทียบไม่ได้
ไม่เพียงแค่นั้น เขายังไม่เข้าใจว่านิ้วเดียวนั้นสามารถฆ่าฉู่เทียนเซิงได้อย่างไร ถ้าเปลี่ยนให้เขาเป็นฉู่เทียนเซิง ก็คงจะไม่สามารถหลบได้เช่นกัน
“ต…ตาแก่มี่?” หงจงรู้แล้วว่าผู้โจมตีเป็นใคร ในฐานะพ่อบ้าน เขาจึงรู้จักทุกคนในคฤหาสน์เป็นอย่างดี ชายชรารูปร่างอ่อนแอผู้นี้เป็นแค่คนสวนธรรมดา ๆ ไม่ใช่เหรอ???!!